การมีกิเลสก่อให้เกิดการกระทำ (กรรม) และการกระทำก่อให้เกิดผลของการกระทำ (วิบาก) และผลของกรรมจะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นกิเลสตัวใหม่ให้เกิดการกระทำที่ก่อให้เกิดผลของกรรมใหม่ต่อไปไม่มีสิ้นสุด ลักษณะนี้เรียกว่า กฎแห่งกรรม หรือ วงเวียนกรรม หรือ สังสารวัฏหรือวัฏสงสารหรือบางคนอาจเรียก วงจรอุบาทว์
การกระทำจะดีหรือชั่วย่อมมาจากแรงจูงใจที่เป็นกิเลสที่มากระทบจิตใจขณะกระทำว่าเป็นสาเหตุที่ดีหรือชั่ว ถ้ากระทำด้วยสาเหตุที่ดีก็จะส่งผลที่ตามมาดีด้วย แต่ถ้าสาเหตุแห่งการทำไม่ดีหรือเกิดจากกิเลสชั่ว ผลที่ตามมาก็ชั่วด้วย “บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น”
มนุษย์เรามีกรรมเป็นของตน ไม่สามารถทำแทนกัน หรือฝากกันทำได้ สอดคล้องกับพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า “กมฺมุนา วตฺตตี โลโก : สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” กฎแห่งกรรม นี้เป็นเรื่องของเหตุและผลเหมือนวิทยาศาสตร์เลย ถ้าคนพิจาณาให้ดีย่อมรู้ว่าเหตุก่อให้เกิดผล และผลก็ย่อมมาจากเหตุ หรือผลของเหตุตัวก่อนอาจเปลี่ยนสภาพเป็นเหตุเพื่อจะทำให้เกิดผลตัวใหม่ตาม มาอีก รู้อย่างนี้แล้วก็ใช้ปัญญา พิจารณา ใคร่ครวญดูว่าจะเลือกทำสิ่งใดระหว่างความดีและความชั่วดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ : ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว