Despite the challenges associated w

Despite the challenges associated with collecting case-processing data on a large sample of cases, this research should be replicated and refined in other jurisdictions around the nation.
Larger samples are needed to assess the explanatory power of particular forms of evidence at key decision levels.
Jurisdictions should be selected that possess the ability to track cases from their origin to their final disposition (including sentencing) and which routinely log scientific and other forms of evidence present in a case.
Future case-processing studies might explore data from other and perhaps a larger number of jurisdictions.
Systems that track and integrate data across the justice process are increasingly being implemented and should make data collection easier in the future.
Some jurisdictions have noted the utility of these automated systems to enable efficient evidence processing and case follow-up (48).
In addition, studies should expand and strengthen their qualitative components to assess the practices of justice officials as they weigh various types of evidence at critical decision levels.
Furthermore, more studies are needed on the filtering of forensic evidence, from its recognition and collection at the crime scene to the use of forensic evidence by investigators, prosecutors and fact-finders.
This includes a closer examination of the role of the prosecutor in shaping forensic testing policies and practices.
In particular, the impact of forensic evidence in prosecutors’ decisions to take cases to trial versus guilty plea arrangements needs review, as well as the role played by forensic evidence in negotiating pleas and offering charge/sentence bargains.
Research should also look to update the four decade old study by Parker and Peterson(3) that estimated the physical evidence present at various crime scenes. New studies are needed to track evidence utilization in various offense categories that identify those factors that shape decisions to collect this evidence, submit it to laboratories, and to request examinations.
There is little reason to believe that demand for forensic services will wane in the future. Although physical evidence was only rarely collected in early studies from the 1960s and 1970s (2,3), its increasing collection and use (and associated consequences,
such as evidence backlogs) have been well documented (4–8) in later studies from the 1980s forward.
The role of forensic evidence in determining case-processing outcomes, however,
has received comparatively little research attention.
This type of research is essential to improving rationality in criminal justice decision making (37), particularly for police, prosecutors, and increasingly, for crime laboratory personnel (49).
A more informed understanding for how forensic evidence and other forms of evidence shape justice outcomes could result in not only a more efficient use of resources but also, ultimately, a system that ensures the fair and equal administration of justice.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แม้ มีความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่เก็บรวบรวมประมวลผลกรณีในกรณีตัวอย่างขนาดใหญ่ งานวิจัยนี้ควรมีจำลอง และกลั่นในประเทศอื่น ๆ ทั่วประเทศตัวอย่างขนาดใหญ่จะต้องประเมินกำลังอธิบายของรูปแบบเฉพาะของหลักฐานระดับการตัดสินใจที่สำคัญ เงื่อนไขควรเลือกที่มีความสามารถในการติดตามกรณีจากจุดกำเนิดของการโอนการครอบครองของพวกเขาสุดท้าย (รวมถึงโทษประหาร) ซึ่งประจำแสดงทางวิทยาศาสตร์บันทึกและหลักฐานในรูปแบบอื่น ๆ ในกรณี ศึกษากรณีการประมวลผลในอนาคตอาจสำรวจข้อมูลจากกันและบางทีจำนวนของเงื่อนไข ระบบที่ติดตาม และบูรณาการข้อมูลในกระบวนการยุติธรรมมีมากขึ้นการดำเนินการ และควรทำการเก็บรวบรวมข้อมูลได้ง่ายขึ้นในอนาคต บางเขตอำนาจศาลได้ตั้งข้อสังเกตของการใช้ระบบอัตโนมัติเหล่านี้เพื่อเปิดใช้งานการประมวลผลหลักฐานที่มีประสิทธิภาพและติดตามผลกรณี (48) นอกจากนี้ ศึกษาควรขยาย และเสริมสร้างส่วนประกอบอื่น ๆ คุณภาพการประเมินการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในการยุติธรรม ตามที่พวกเขามีน้ำหนักหลักฐานต่าง ๆ ในระดับการตัดสินใจที่สำคัญนอกจากนี้ การศึกษาเพิ่มเติมเป็นการกรองของหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ความรู้และคอลเลกชันในอาชญากรรมกับการใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์โดยพนักงานอัยการ นักสืบ และ fact-finders ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบบทบาทของพนักงานอัยการที่ใกล้ชิดในการทดสอบทางกฎหมายและข้อปฏิบัติในการกำหนดทิศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลกระทบของหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในการตัดสินใจของพนักงานอัยการจะใช้กรณีเพื่อทดลองกับจัดแก้ผิดต้องทบทวน ตลอดจนราคาบทบาทหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ใน pleas เจรจาต่อรอง และเสนอค่าธรรมเนียม/ประโยคงานวิจัยควรดูการปรับปรุงการศึกษาสี่ทศวรรษเก่า โดยปาร์คเกอร์และ Peterson(3) ที่ประมาณที่พยานอยู่ที่ฉากอาชญากรรมต่างๆ ศึกษาใหม่จะต้องติดตามหลักฐานการใช้ประโยชน์ในการกระทำความผิดประเภทต่าง ๆ ที่ระบุปัจจัยเหล่านั้นตัดสินใจว่ารูปร่างเพื่อรวบรวมหลักฐานนี้ ส่งห้องปฏิบัติการ และตรวจสอบคำขอมีเหตุผลน้อยเชื่อว่า ความต้องการบริการทางนิติวิทยาศาสตร์จะ wane ในอนาคต แม้พยานเท่านั้นไม่ค่อยรวบรวมไว้ในการเริ่มต้นศึกษาจากปี 1960 และทศวรรษ 1970 (2,3), คอลเลกชันที่เพิ่มขึ้น และใช้ (ความสัมพันธ์ ผลเช่นหลักฐาน backlogs) มีการจัดดี (4-8) ในการศึกษาหลังจากไฟต์ไปข้างหน้า บทบาทของหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในการกำหนดผลลัพธ์ของการประมวลผลกรณี อย่างไรก็ตามได้รับความสนใจการวิจัยน้อยดีอย่างหนึ่ง งานวิจัยประเภทนี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อปรับปรุง rationality ในอาญายุติธรรมตัดสิน (37), โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับ ตำรวจ พนักงานอัยการ และมากขึ้น สำหรับบุคลากรห้องปฏิบัติการอาชญากรรม (49) การเข้าใจหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ว่ารอบคอบมากขึ้นและรูปแบบอื่น ๆ หลักฐานรูปร่างความยุติธรรมผลอาจมีผลไม่เพียงแต่ใช้มีประสิทธิภาพมากขึ้นของทรัพยากรแต่ยัง สุด ระบบบริหารการยุติธรรมเป็นธรรม และเท่าที่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แม้จะมีความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวมข้อมูลกรณีการประมวลผลในตัวอย่างมากกรณีงานวิจัยนี้ควรได้รับการจำลองแบบและการกลั่นในประเทศอื่น ๆ ทั่วประเทศ.
ตัวอย่างขนาดใหญ่ที่มีความจำเป็นในการประเมินการใช้พลังงานที่อธิบายในรูปแบบเฉพาะของหลักฐานในระดับการตัดสินใจที่สำคัญ
เขตอำนาจศาลควรจะเลือกที่มีความสามารถในการติดตามกรณีจากจุดกำเนิดของพวกเขาเพื่อการจำหน่ายสุดท้ายของพวกเขา (รวมถึงการพิจารณาคดี) และเข้าสู่ระบบในรูปแบบประจำทางวิทยาศาสตร์และอื่น ๆ ของหลักฐานอยู่ในกรณี.
ในอนาคตกรณีศึกษาการประมวลผลอาจสำรวจข้อมูลจากคนอื่น ๆ และอาจ จำนวนมากของเขตอำนาจศาล.
ระบบที่ติดตามและบูรณาการข้อมูลในกระบวนการยุติธรรมมีการดำเนินการมากขึ้นและควรจะทำให้การเก็บรวบรวมข้อมูลได้ง่ายขึ้นในอนาคต.
เขตอำนาจศาลบางคนได้ตั้งข้อสังเกตประโยชน์ของระบบอัตโนมัติเหล่านี้เพื่อเปิดใช้งานการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพและหลักฐานกรณีติดตาม ( 48).
นอกจากนี้การศึกษาควรจะขยายและเสริมสร้างส่วนประกอบคุณภาพของพวกเขาในการประเมินการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ความยุติธรรมที่พวกเขามีน้ำหนักหลายประเภทของหลักฐานในระดับการตัดสินใจที่สำคัญ.
นอกจากนี้การศึกษาอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นในการกรองของหลักฐานทางนิติเวชจากการรับรู้และ คอลเลกชันที่เกิดเหตุกับการใช้หลักฐานทางนิติเวชโดยนักวิจัยอัยการและข้อเท็จจริงแง.
นี้รวมถึงการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดของบทบาทของอัยการในการสร้างนโยบายการทดสอบทางนิติวิทยาศาสตร์และการปฏิบัติ.
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบของหลักฐานทางนิติเวชในอัยการ การตัดสินใจที่จะใช้กรณีที่มีการพิจารณาคดีเมื่อเทียบกับการเตรียมการสารภาพผิดต้องการตรวจสอบเช่นเดียวกับบทบาทที่เล่นโดยหลักฐานทางนิติเวชในการเจรจาอ้อนวอนและนำเสนอค่าใช้จ่าย / ต่อรองราคาประโยค.
การวิจัยยังควรมีลักษณะที่จะปรับปรุงการศึกษาทศวรรษที่สี่เก่าปาร์กเกอร์และปีเตอร์สัน (3) ประมาณว่าปัจจุบันหลักฐานทางกายภาพที่เกิดเหตุอาชญากรรมต่างๆ การศึกษาใหม่ที่มีความจำเป็นในการติดตามการใช้หลักฐานในการกระทำผิดกฎหมายประเภทต่างๆที่ระบุปัจจัยที่ตัดสินใจรูปร่างเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานนี้ส่งไปยังห้องปฏิบัติการและจะขอตรวจสอบ.
มีเหตุผลที่จะเชื่อว่าความต้องการใช้บริการทางนิติเวชที่จะจางหายไปในอนาคตคือ . แม้ว่าหลักฐานทางกายภาพเป็นเพียงการเก็บรวบรวมไม่ค่อยในการศึกษาจากต้นปี 1960 และ 1970 (2,3), คอลเลกชันที่เพิ่มขึ้นและการใช้งาน (และผลกระทบที่เกี่ยวข้อง
เช่นหลักฐาน backlogs) ได้รับเอกสารอย่างดี (4-8) ในการศึกษาต่อมาจาก 1980 ไปข้างหน้า.
บทบาทของหลักฐานทางนิติเวชในการกำหนดผลกรณีการประมวลผล แต่
ได้รับความสนใจเพียงเล็กน้อยวิจัยเปรียบเทียบ.
ประเภทของการวิจัยนี้เป็นสิ่งจำเป็นในการปรับปรุงความมีเหตุผลในการตัดสินใจความยุติธรรมทางอาญา (37) โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตำรวจอัยการและเพิ่มมากขึ้น สำหรับเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการอาชญากรรม (49).
ความเข้าใจที่มากขึ้นสำหรับวิธีการที่หลักฐานทางนิติเวชและรูปแบบอื่น ๆ ของรูปร่างหลักฐานผลความยุติธรรมอาจส่งผลให้ไม่เพียง แต่การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังในที่สุดระบบที่ช่วยให้การบริหารงานยุติธรรมและเท่าเทียมกัน ของความยุติธรรม