หลังจากที่ฮาเซลได้รับอีเมลตอบจากปีเตอร์ ฮาเซลดีใจมาก และวางแผนที่จะไปอัมสเตอร์ดัม เพื่อเจอกับปีเตอร์ แต่ฮาเซลกลับอาการทรุดหนักลงเสียก่อน พ่อของเธอรีบพาเธอไปโรงพยาบาลและใช้เวลาพักฟื้นเกือบ 2 สัปดาห์ เมื่อเธอหายดี เธอขออนุญาตหมอที่ดูแลเธอไปอัมสเตอร์ดัม หมอไม่อยากให้เธอไป แต่เธอดื้อว่ายังไงก็จะไป จึงต่อรองกับหมอว่าให้แม่ไปด้วยก็ได้ เผื่ออาการทรุดหนักแม่จะได้ดูเเลเธอได้ จนสุดท้ายหมอต้องยอมเธอ
ออกัสตัส ฮาเซลและแม่ของเธอเดินทางมาที่สนามบิน เพื่อเดินทางไปยัง… โดยสายการบิน Plymouth Municipal Airport (Indiana) แต่ต้องลงจอดกะทันหันที่กรุงลอนดอนเพราะฮาเซลออาการทรุดลงอย่างหนัก เพราะความดันขึ้นจากการขึ้นเครื่องบิน ส่งผลต่อระบบหายใจที่บกพร่องของฮาเซลให้แย่หนักขึ้น แพทย์ที่ติดตามไปด้วยจึงทำเรื่องประสานงานกับโรงพยาบาลที่ใกล้เคียงที่สุด ซึ่งนั่นคือ ลอนดอน แล้วฮาเซลก็เข้ารับรักษาตัวที่พยาบาล ออกัสตัสเห็นว่าฮาเซลไม่น่าจะเดินทางไปอัมสเตอร์ดัมต่อได้ อาการของฮาเซลดูหนักหน่วงมากโอกาสอยู่หรือตายนั้นเท่าๆกัน ออกัสตัสจึงตัดสินใจทำสิ่งที่ค้างคาใจของฮาเซลให้บรรลุ เขาจึงอีเมลไปหาปีเตอร์เพื่อร้องขอให้เขามาหาฮาเซลที่ลอนดอน โดยเรื่องนี้ฮาเซลไม่รู้เรื่องเพราะนอนพะงาบๆ อาการโคม่าไม่ได้สติ
ผ่านมา 2 สัปดาห์ ฮาเซลได้สติจากการหลับใหลมานาน ปีเตอร์ก็โผล่มาที่โรงพยาบาลที่ฮาเซลพักฟื้นอยู่ ฮาเซลดีใจมาก เปลี่ยนสีหน้าจากดูซึมเศร้าเป็นร่าเริงขึ้นมาทันที ฮาเซลรู้ความจริงที่ออกัสตัสได้ทำ จึงรักเขามาก ทั้งปีเตอร์และฮาเซลคุยกันอย่างสนุกสนาน และรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน ก่อนที่ปีเตอร์จะขอตัวกลับเขาได้พูดไว้ว่าเธอคือแรงบันดาลใจในหนังสือเล่มต่อไปของเขา ฮาเซลรู้สึกดีใจจนลืมไปเลยว่าตัวเองป่วยอยู่ เธอบอกแม่ว่าให้พากลับบ้าน แต่แม่ก็ยังหวั่นใจอยู่ว่าถ้าหากกลับอาการของฮาเซลจะกำเริบอีกมั้ย เพราะโรคที่ฮาเซลเป็นอยู่ การจะขึ้นเครื่องบินเป็นเรื่องที่อันตราย ฮาเซลจึงบอกแม่ว่า ไม่ต้องกลัวหรอกแม่ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด หนูอยากกลับไปหาพ่อ กลับไปอยู่จนลมหายใจสุดท้ายที่ที่บ้านของเรา หนูไม่มีอะไรคาใจแล้ว และด้วยเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาแม่เขาจึงจำใจยอมพาลูกกลับบ้าน
ตอนลงจากเครื่องฮาเซลดูมีอาการย่ำแย่อย่างเห็นได้ชัด เมื่อฮาเซลถึงบ้านได้วันนึงก็อาการทรุดหนักทันที พ่อรีบพาเธอไปโรงพยาบาลและใช้เวลาฟื้นตัวกว่าสองเดือน หมอบอกว่ายังไงก็ไม่รอด จะอยู่หรือไป อยู่ที่ใจของฮาเซลล้วนๆ เพราะเธอเป็นมะเร็งไทรอยด์ระยะสุดท้าย จึงทำได้เพียงเยียวยาไร้ซึ่งการรักษา ครอบครัวจึงพาฮาเซลกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้าน ออกัสตัสก็คอยดูแลฮาเซล ช่วยพ่อและแม่ของฮาเซลตลอด ออกัสตัสจะทำงานพิเศษและเมื่อมีเวลาว่างเขาจะมาแวะเวียนมาหาเธอเป็นประจำ
ระยะเวลาเกือบ1ปีที่ฮาเซลรักษาตัวอยู่ที่บ้าน วันหนึ่งมีพัสดุมาส่งที่หน้าบ้าน ออกัสตัสตกใจตื่นลุกขึ้นจากโซฟาภายในห้องรับแขกชั้นล่าง แล้วเดินไปหยิบกล่องพัสดุนั้น เห็นว่าพัสดุส่งถึงฮาเซลจึงเปิดดู ปรากฎว่าข้างในคือหนังสือเล่มล่าสุดของปีเตอร์ (ชื่อหนังสือมีชื่อเกี่ยวกับฮาเซลอยู่) ที่เขียนจากการได้รับแรงบันดาลจากตัวฮาเซลพร้อมลายเซ็น พร้อมกับโน้ตเล็กๆว่า “เธอไม่เป็นเพียงแรงบันดาลใจของหนังสืมเล่มนี้ แต่เธอจะเป็นแรงบันดาลใจของผู้คนอีกมากมายที่อ่านมัน” ออกัสตัสดีใจรีบวิ่งขึ้นไปยังห้องของฮาเซลที่ชั้น 2 นำหนังสือไปให้ฮาเซลดู เมื่อเข้าไปในห้องออกัสตัสเห็นว่า ฮาเซลยังคงนอนหลับอยู่ ออกัสตัสเดินเข้าไปนั่งที่ข้างเตียง จูบลงทีหน้าผากของเธอ แต่ฮาเซลก็ยังคงนิ่ง ออกัสตัสจึงปลุกเธออย่างแผ่วเบาและเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ ปลุกเท่าไหร่เธอก็ไม่ตื่น ออกัสตัสกลัวว่าสิ่งที่คิดจะเกิดขึ้นจริง เขาคะโกนเรียกพ่อและแม่ของฮาเซลให้ขึ้นมาหาฮาเซล ทุกคนเฝ้ามองเธอจับชีพจรเธอ ฟังเสียงสมหายใจของเธอ พบว่าฮาเซลเสียชีวิตแล้ว พ่อและแม่กอดฮาเซลที่นอนนิ่งอย่างแนบแน่น ออกัสตัสยืนมองเธอร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าเสียใจ และเขาก็เดินเอาหนังสือในมือไปวางไว้บนอกของฮาเซล จบ