Correlation Between Patient Gender

Correlation Between Patient Gender and
Perceptions of Caring Behaviors
A Mann-Whitney U test was used to assess the significant
differences in caring behaviors in relation to patient gender.
As shown in Table 4, results indicated a significant difference
in overall caring behaviors in terms of importance
(p < .001) in favor of women and in terms of all caring
behaviors subscales (with the exception of existential/
phenomenological/spiritual forces) in favor of women
(p < .05). Furthermore, findings indicated that female patients
rated five caring behavior subscales as statistically

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เพศความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วย และ
แนวของดูแลพฤติกรรม
U A มานน์วิทนีย์ทดสอบใช้ในการประเมินสำคัญ
ความแตกต่างในพฤติกรรมมุ่งสัมพันธ์กับผู้ป่วยเพศ
ผลระบุความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญดังแสดงในตาราง 4
ในลักษณะโดยรวมมุ่งในแง่ของความสำคัญ
(p <.001) สามารถผู้หญิง และ ในทุกแห่งนี้
ลักษณะการทำงาน subscales (ยกเว้น existential /
กอง phenomenological/จิต วิญญาณ) สามารถผู้หญิง
(p <.05). นอกจากนี้ ผลการวิจัยระบุว่า เพศหญิงผู้ป่วย
อันดับห้าดูแล subscales ลักษณะการทำงานเป็นทางสถิติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยทางเพศและการ
รับรู้ของการดูแลพฤติกรรมการ
ทดสอบแมนวิทนีย์-U ถูกใช้ในการประเมินอย่างมีนัยสำคัญ
แตกต่างในพฤติกรรมการดูแลในส่วนที่เกี่ยวกับเพศของผู้ป่วย
ดังแสดงในตารางที่ 4 ผลการชี้ให้เห็นความแตกต่าง
ในพฤติกรรมการดูแลโดยรวมในแง่ของความสำคัญ
(p <0.001) ในความโปรดปรานของผู้หญิงและในแง่ของการดูแลทุก
subscales พฤติกรรม (มีข้อยกเว้นของการดำรงอยู่ /
ปรากฏการณ์ / กองกำลังทางจิตวิญญาณ) ในความโปรดปรานของผู้หญิง
(p <.05) นอกจากนี้ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าผู้ป่วยหญิง
จัดอันดับห้าพฤติกรรมการดูแล subscales เป็นสถิติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความสัมพันธ์ระหว่างเพศ การรับรู้พฤติกรรมการดูแลผู้ป่วยและ

เป็น Mann Whitney U test ที่ใช้ประเมินความแตกต่าง
ในพฤติกรรมการดูแลในความสัมพันธ์กับเพศของผู้ป่วย
ดังแสดงในตารางที่ 4 ผล (
ความแตกต่างโดยพฤติกรรมการดูแลในแง่ของความสำคัญ
( p < . 001 ) ในความโปรดปรานของ ผู้หญิง และในแง่ของการดูแล
พฤติกรรมนั้น ( ยกเว้น existential /
มโนมัยพลังเชิงปรากฏการณ์วิทยา / ) ในความโปรดปรานของผู้หญิง
( p < . 05 ) นอกจากนี้ ผลการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการดูแลหญิง
5 โดยเป็นสถิติ