Restoration of historical buildings

Restoration of historical buildings requires a selection of design solutions which, while ensuring the effectiveness of the repair, conserves the appearance and restores strength to adequate levels. It means that historical masonry buildings, utilized both presently or in the future, are supposed to demonstrate so-called structural stability (Binda and Saisi, 2001). Most recommendations for the conservation of monuments, not only in Poland, relate mainly to conserving the primary building blocks of the structure as well as the shape and appearance of the items under repair. The need to strengthen or repair the structural elements may result from many causes, including ageing processes (Shao et al., 2013), destructive natural disasters, such as earthquakes, or environmental influence (Binda et al., 2000 and Binda et al., 1993), as well as mechanical damage or an increase in the load of the construction (Jasieńko et al., 2009). It is therefore necessary to consider an integrated structural analysis of historical buildings, so-called “forensic materials engineering and structural investigation”, based upon the available data allowing for identification of a masonry structure type based on the period of construction and the built-in construction materials (Barluenga et al., 2014). This analysis allows investigative activities to find out the cause of the existing damage and the effect of the damage source on the remaining service life of the structure.

The strengthening solutions adopted for historical buildings based on the various traditional techniques (Balduzzi et al., 2006) and, in particular, modern technology systems, are very simple and their installation is very easy and fast (Anon., 2010, Islam, 2008, Churilov, 2012 and Jasieńko and Raszczuk, 2011). The results of this analysis will provide scientific support for decision making in the future conservation and restoration strategies of monuments. This paper presents issues related to the completed renovation of the damaged, i.e., cracked masonry dome of the historical church of St. Anna in Wilanów (Warsaw, Poland) (Beyga et al., 2009) with application of two modern technology systems.

St. Anna’s church in Wilanów (Fig. 1), designed by Jan Kotelnicki, was built in 1772. It was founded by Prince August Czartoryski, the owner of Wilanów at the time. The church was rebuilt, at the request of Aleksandra and August Potocki, in 1857–1870 by Henryk Marconi in collaboration with Leonard Marconi and John Hussan. The Baroque style of the church was then changed to a Neo-Renaissance. The sculptures on the facade are the work of Syrewicz. The stations of the Cross, surrounding the church, were built in 1857–1863 by H. Marconi. The wall decorations were painted by Antoni Kolberg.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ฟื้นฟูอาคารประวัติศาสตร์ต้องมีการเลือกของการออกแบบซึ่งในขณะที่มั่นใจประสิทธิภาพของการซ่อมแซมที่อนุรักษ์ลักษณะและเรียกคืนความแข็งแรงให้กับระดับที่เพียงพอ ก็หมายความว่าอาคารก่ออิฐประวัติศาสตร์นำมาใช้ทั้งในปัจจุบันหรือในอนาคตควรจะแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพของโครงสร้างที่เรียกว่า (Binda และ Saisi, 2001) คำแนะนำส่วนใหญ่เพื่อการอนุรักษ์ของอนุสาวรีย์ที่ไม่เพียง แต่ในประเทศโปแลนด์ที่เกี่ยวข้องเป็นหลักในการอนุรักษ์การก่อสร้างตึกหลักของโครงสร้างเช่นเดียวกับรูปร่างและลักษณะของรายการระหว่างซ่อมแซม ความจำเป็นในการเสริมสร้างหรือซ่อมแซมองค์ประกอบโครงสร้างอาจเกิดจากหลายสาเหตุรวมทั้งกระบวนการริ้วรอย (Shao et al., 2013) ภัยธรรมชาติทำลายเช่นแผ่นดินไหวหรือมีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อม (Binda et al., 2000 และ Binda et al, , 1993) เช่นเดียวกับความเสียหายทางกลหรือเพิ่มขึ้นในการโหลดของการก่อสร้างที่ (Jasieńko et al., 2009) ดังนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องพิจารณาการวิเคราะห์โครงสร้างแบบบูรณาการของอาคารประวัติศาสตร์ที่เรียกว่า "วัสดุนิติวิทยาศาสตร์วิศวกรรมและการตรวจสอบโครงสร้าง" ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่มีอยู่เพื่อให้สามารถระบุชนิดโครงสร้างก่ออิฐขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการก่อสร้างและในตัว วัสดุก่อสร้าง (Barluenga et al., 2014) การวิเคราะห์นี้จะช่วยให้กิจกรรมการสืบสวนเพื่อหาสาเหตุของความเสียหายที่มีอยู่และผลของแหล่งที่มาของความเสียหายที่เกี่ยวกับอายุการใช้งานที่เหลืออยู่ของโครงสร้าง. โซลูชั่นเสริมสร้างความเข้มแข็งนำมาใช้สำหรับอาคารประวัติศาสตร์บนพื้นฐานของเทคนิคแบบดั้งเดิมต่างๆ (Balduzzi et al., 2006 ) และโดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยมีความง่ายและการติดตั้งของพวกเขาเป็นอย่างมากที่ง่ายและรวดเร็ว (อานนท์. 2010 อิสลามปี 2008 Churilov 2012 และJasieńkoและ Raszczuk 2011) ผลที่ได้จากการวิเคราะห์นี้จะให้การสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์สำหรับการตัดสินใจในการอนุรักษ์ในอนาคตและกลยุทธ์การฟื้นฟูของอนุสาวรีย์ บทความนี้นำเสนอประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงเสร็จสมบูรณ์ของความเสียหายเช่นโดมก่ออิฐแตกของโบสถ์ทางประวัติศาสตร์ของ St. Anna ในWilanów (วอร์ซอ, โปแลนด์) (Beyga et al., 2009) ด้วยการประยุกต์ใช้ทั้งสองระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย. เซนต์ . คริสตจักรของแอนนาในWilanów (รูปที่ 1). ได้รับการออกแบบโดยแจ Kotelnicki ถูกสร้างขึ้นใน 1,772 มันก่อตั้งโดยเจ้าชายสิงหาคม Czartoryski เจ้าของWilanówในเวลานั้น คริสตจักรได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่ตามคำร้องขอของ Aleksandra และสิงหาคมคกีใน 1857-1870 โดยเฮนริกมาร์โคนีในความร่วมมือกับลีโอนาร์มาร์โคนีและจอห์นฮัสซัน สไตล์บาร็อคของคริสตจักรที่มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว Neo-Renaissance ประติมากรรมในซุ้มที่มีการทำงานของ Syrewicz สถานีของครอสรอบโบสถ์ถูกสร้างขึ้นใน 1857-1863 โดยเอชมาร์โคนี ตกแต่งผนังเป็นภาพวาดโดยอันโต Kolberg

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บูรณะอาคารประวัติศาสตร์ ต้องมีการเลือกโซลูชั่นการออกแบบซึ่งในขณะที่มั่นใจประสิทธิภาพของการซ่อมแซมอนุรักษ์ลักษณะและเรียกคืนความแข็งแรงในระดับที่เพียงพอ แปลว่าประวัติศาสตร์ งานก่อสร้างอาคาร ใช้ทั้งในปัจจุบันหรือในอนาคต ควรจะแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพของโครงสร้างที่เรียกว่า ( Binda และ saisi , 2001 )แนะนำมากที่สุดเพื่อการอนุรักษ์โบราณสถาน ไม่เพียง แต่ในโปแลนด์ เกี่ยวข้องส่วนใหญ่กับการใช้บล็อกอาคารของโครงสร้างเช่นเดียวกับรูปร่างและลักษณะที่ปรากฏของสินค้าภายใต้ซ่อมแซม . ต้องสร้างหรือซ่อมแซมองค์ประกอบโครงสร้างอาจเป็นผลมาจากหลายสาเหตุ รวมถึงริ้วรอยกระบวนการ ( Shao et al . , 2013 ) , ภัยพิบัติทางธรรมชาติเช่นแผ่นดินไหวทำลายล้างหรือมีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อม ( Binda et al . , 2000 และ Binda et al . , 1993 ) รวมทั้งความเสียหายทางกลหรือเพิ่มขึ้นในการโหลดของการก่อสร้าง ( jasie ńเกาะ et al . , 2009 ) จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาการบูรณาการการวิเคราะห์โครงสร้างของอาคารทางประวัติศาสตร์ที่เรียกว่า " ทางวัสดุวิศวกรรมและการสอบสวน " โครงสร้างตามข้อมูลที่ให้ชนิดของโครงสร้าง วัสดุก่อสร้าง ประเภท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างในตัว ( barluenga et al . , 2010 ) การวิเคราะห์นี้จะช่วยให้กิจกรรมการสืบสวนหาสาเหตุของความเสียหายที่มีอยู่และผลของความเสียหายที่มาอยู่ในอายุการใช้งานของโครงสร้าง .

การใช้โซลูชั่นสำหรับอาคารทางประวัติศาสตร์ตามแบบต่าง ๆ เทคนิค ( balduzzi et al . , 2006 ) และ โดยเฉพาะ ระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีความง่ายและการติดตั้งง่าย และรวดเร็วมาก ( anon. 2010 , ศาสนาอิสลาม , 2008 , churilov 2012 และ jasie ńเกาะ และ raszczuk , 2011 )ผลของการวิเคราะห์นี้จะให้การสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์เพื่อการตัดสินใจในการอนุรักษ์ในอนาคตและกลยุทธ์การฟื้นฟูของอนุสาวรีย์ บทความนี้นำเสนอประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงเสร็จสมบูรณ์ ที่เสียหาย เช่น รอยแตก วัสดุก่อสร้าง โดมของโบสถ์ประวัติศาสตร์ของเซนต์แอนนาใน wilan ó W ( วอร์ซอ , โปแลนด์ ) ( beyga et al . , 2009 ) ด้วยการใช้ระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย 2 .

เซนต์แอนนาโบสถ์ใน wilan ó W ( รูปที่ 1 ) ออกแบบโดย Jan kotelnicki ถูกสร้างขึ้นในปี 1772 . มันก่อตั้งโดยเจ้าชายสิงหาคม czartoryski เจ้าของ wilan ó W ที่เวลา โบสถ์ถูกสร้างขึ้นใหม่ ตามคำขอของ aleksandra และสิงหาคม potocki ใน 1857 – 1870 โดยเอทีพี มาร์โคนี ร่วมกับ ลีโอนาร์ด มาร์โค และ จอห์น hussan . สไตล์บาร็อคของโบสถ์ แล้วเปลี่ยนเป็นนีโอ เรอเนสซองส์ .ประติมากรรมบนซุ้มเป็นฝีมือของ syrewicz . สถานีของข้ามรอบโบสถ์ถูกสร้างขึ้นในปี 1857 – 1863 โดย Marconi ผนังตกแต่งทาสีโดยแอนโทนี่ โคลเบิร์ก .