Macaws eat a variety of foods inclu

Macaws eat a variety of foods including seeds, nuts, fruits, palm fruits, leaves, flowers, and stems. Wild species may forage widely, over 100 km (62 mi) for some of the larger species such as Ara araurana (blue and yellow macaw) and Ara ambigua (great green macaw), in search of seasonally available foods.

Some foods eaten by macaws in certain regions in the wild are said to contain toxic or caustic substances which they are able to digest. It has been suggested that parrots and macaws in the Amazon Basin eat clay from exposed river banks to neutralize these toxins.[11] In the western Amazon hundreds of macaws and other parrots descend to exposed river banks to consume clay on an almost daily basis[12] – except on rainy days.[13] Donald Brightsmith, the principal investigator of the Tambopata Macaw Project, located at the Tambopata Research Center (TRC) in Peru, has studied the clay eating behaviour of parrots at clay licks in Peru. He and fellow investigators found that the soils macaws choose to consume at the clay licks do not have higher levels of cation-exchange capacity(ability to absorb toxins) than that of unused areas of the clay licks[14] and thus the parrots could not be using the clay to neutralize ingested food toxins. Rather, the macaws and other bird and animal species prefer clays with higher levels of sodium.[15] Sodium is a vital element that is scarce in environments greater than 100 kilometres from the ocean.[16] The distribution of clay licks across South America further supports this hypothesis – as the largest and most species rich clay licks are found on the western side of the Amazon Basin far from oceanic influences.[17] Salt-enriched (NaCl) oceanic aerosols are the main source of environmental sodium near coasts and this decreases drastically farther inland.[18]

Clay-eating behaviour by macaws is not seen outside the western Amazon region, even though macaws in these areas consume some toxic foods such as the seeds of Hura crepitans, or sandbox tree, which have toxic sap. Species of parrot that consume more seeds, which potentially have more toxins, do not use clay licks more than species that eat a greater proportion of flowers or fruit in their diets.[18]

Studies at TRC have shown a correlation between clay-lick use and the breeding season.[19] Contents of nestling crop samples show a high percentage of clay fed to them by their parents. Calcium for egg development – another hypothesis – does not appear to be a reason for geophagy during this period as peak usage is after the hatching of eggs.

Another theory is that the birds, as well as other herbivorous animals, use the clay licks as a source of cobalamin, otherwise known as vitamin B12.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Macaws กินความหลากหลายของอาหารรวมทั้งเมล็ดพืช ถั่ว ผลไม้ ปาล์มผลไม้ ใบไม้ ดอกไม้ และลำต้น พันธุ์ป่าอาหารสัตว์อาจแพร่หลาย กว่า 100 กิโลเมตร (62 mi) สำหรับพันธุ์ใหญ่เช่น araurana Ara (มาร์คอว์สีฟ้า และสีเหลือง) และ ambigua Ara (ดีกรีมาร์คอว์), ค้นหาอาหารว่าง seasonallyอาหารกิน โดย macaws ในบางภูมิภาคในป่าจะมีสารพิษ หรืออ่างซึ่งสามารถย่อยกล่าว มันได้ถูกแนะนำว่า แพร์รอทส์และ macaws ในลุ่มน้ำอเมซอนกินดินจากฝั่งแม่น้ำที่สัมผัสสารพิษเหล่านี้ก่อให้เกิดมะเร็ง [11] ในอเมซอนตะวันตก macaws และแพร์รอทส์อื่น ๆ มาที่ฝั่งแม่น้ำสัมผัสบริโภคดินบนพื้นฐานเกือบทุกวัน [12]--ยกเว้นวันฝนตก [13] โดนัลด์ Brightsmith เอกชนหลักของโครงการของมาร์คอว์ Tambopata ตั้งอยู่ที่ศูนย์การวิจัยแบบ Tambopata (TRC) ในเปรู ได้ศึกษาดินพฤติกรรมรับประทานอาหารของแพร์รอทส์ในดิน licks ในเปรู เขาและเพื่อนนักสืบพบว่า ดินเนื้อปูน macaws เลือกบริโภคที่ licks ดินไม่มีระดับสูงกำลังแลกเปลี่ยน cation (ความสามารถในการดูดซับสารพิษ) ที่ไม่ได้ใช้พื้นที่ของดินเหนียว licks [14] และดัง แพร์รอทส์ไม่อาจใช้ดินเหนียวก่อสารพิษอาหารติดเครื่องแล้วให้ ค่อนข้าง macaws และพันธุ์นกและสัตว์อื่น ๆ ต้อง clays มีระดับสูงของโซเดียม [15] โซเดียมเป็นองค์ประกอบสำคัญที่หายากในสภาพแวดล้อมมากกว่า 100 กิโลเมตรจากมหาสมุทร [16] การกระจายของดิน licks ทั่วอเมริกาใต้เพิ่มเติมสนับสนุนสมมติฐานนี้ – เป็นใหญ่ที่สุดและชนิดส่วนใหญ่พบทางด้านตะวันตกของลุ่มแม่น้ำอเมซอนจากมหาสมุทรที่มีอิทธิพลต่อดินรวย licks [17] เกลืออุดมไป (NaCl) โรงมหาสมุทรเป็นแหล่งที่มาหลักของโซเดียมสิ่งแวดล้อมใกล้ชาย และนี้ลดลงอย่างรวดเร็วอยู่ห่างเข้า [18]พฤติกรรมการกินดิน โดย macaws จะเห็นได้ภายนอกภูมิภาคตะวันตกของ Amazon แม้ macaws ในพื้นที่เหล่านี้กินอาหารเป็นพิษเช่นเมล็ดของ Hura crepitans, sandbox tree ซึ่งมีซับพิษ สายพันธุ์ของนกแก้วที่ใช้เมล็ดพันธุ์มากขึ้น ซึ่งอาจมีสารพิษมากขึ้น ไม่ใช้ดิน licks มากกว่าพันธุ์ที่กินมากกว่าสัดส่วนของดอกไม้หรือผลไม้ในอาหารของพวกเขา [18]ศึกษาที่ TRC ได้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างดิน-lick ใช้และฤดูกาลผสมพันธุ์ [19] เนื้อหาของตัวอย่างพืชหลังแสดงของดินที่ติดตามพ่อแม่ไป แคลเซียมสำหรับไข่พัฒนา –สมมติฐานอื่น – ไม่ไม่เป็น เหตุผลสำหรับ geophagy ช่วงนี้เป็นช่วงการใช้งานหลังจากการฟักไข่ของไข่อีกทฤษฎีคือ นก ตลอดจนสัตว์อื่น ๆ herbivorous ใช้ licks ดินเป็นแหล่งของ cobalamin หรือที่เรียกว่าวิตามินบี 12

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มาคอว์กินความหลากหลายของอาหารรวมทั้งเมล็ดถั่ว, ผลไม้, ผลไม้ปาล์มใบดอกและลำต้น พันธุ์ป่าอาจหาอาหารกันอย่างแพร่หลายกว่า 100 กิโลเมตร (62 ไมล์) สำหรับบางส่วนของสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่เช่น Ara araurana (นกมะคอสีฟ้าและสีเหลือง) และ Ara ambigua (นกมะคอสีเขียวที่ดี) ในการค้นหาของอาหารที่มีอยู่ตามฤดูกาล. อาหารบางอย่างกินโดยมาคอว์ ในบางภูมิภาคในป่าจะกล่าวว่ามีสารพิษหรือกัดกร่อนซึ่งพวกเขาจะสามารถที่จะแยกแยะ มันได้รับการแนะนำว่านกแก้วมาคอว์และในลุ่มน้ำอเมซอนกินดินจากฝั่งแม่น้ำสัมผัสที่จะต่อต้านสารพิษเหล่านี้. [11] ในหลายร้อยตะวันตกของอเมซอนมาคอว์นกแก้วและอื่น ๆ ลงไปที่ฝั่งแม่น้ำสัมผัสกับดินกินในชีวิตประจำวันเกือบ [ 12] -. ยกเว้นวันที่ฝนตก [13] Brightsmith โดนัลด์, ตรวจสอบหลักของโครงการ Tambopata อว์ตั้งอยู่ที่ Tambopata ศูนย์วิจัย (TRC) ในเปรูได้ศึกษาพฤติกรรมการกินดินของนกแก้วที่เลียดินในเปรู เขาและเพื่อนนักวิจัยพบว่าดินมาคอว์เลือกที่จะใช้เวลาเลียดินไม่ได้มีระดับที่สูงขึ้นของความจุแลกเปลี่ยนไอออนบวก (ความสามารถในการดูดซับสารพิษ) กว่าพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ของเลียดิน [14] และทำให้นกแก้วไม่ได้ จะใช้ดินเหนียวที่จะต่อต้านสารพิษอาหารกิน แต่มาคอว์และนกอื่น ๆ และสัตว์ชนิดชอบดินที่มีระดับที่สูงขึ้นของโซเดียม. [15] โซเดียมเป็นองค์ประกอบสำคัญที่หายากในสภาพแวดล้อมที่สูงกว่า 100 กิโลเมตรจากมหาสมุทร. [16] การกระจายตัวของดินเลียทั่วอเมริกาใต้ ส่งเสริมสนับสนุนสมมติฐานนี้ -. เป็นสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดและมากที่สุดเลียดินที่อุดมไปด้วยที่พบในด้านตะวันตกของลุ่มน้ำอเมซอนไกลจากอิทธิพลของมหาสมุทร [17] เกลืออุดม (โซเดียมคลอไรด์) ละอองลอยในมหาสมุทรเป็นแหล่งที่มาหลักของโซเดียมสิ่งแวดล้อมที่อยู่ใกล้ชายฝั่งและ ลดลงอย่างเห็นได้ชัดนี้ไกลบก. [18] พฤติกรรมดินกินโดยมาคอว์จะไม่เห็นนอกภาคตะวันตก Amazon แม้ว่าคอว์ในพื้นที่เหล่านี้กินอาหารบางอย่างที่เป็นพิษเช่นเมล็ดของ Hura crepitans หรือต้นไม้ทรายที่มีนมเป็นพิษ . สายพันธุ์ของนกแก้วที่ใช้เมล็ดพันธุ์มากขึ้นซึ่งอาจมีสารพิษมากขึ้นไม่ได้ใช้เลียดินมากกว่าสายพันธุ์ที่กินสัดส่วนมากขึ้นของดอกไม้หรือผลไม้ในอาหารของพวกเขา. [18] การศึกษาที่ TRC ได้แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างการใช้ดินเหนียวเลีย และฤดูผสมพันธุ์. [19] เนื้อหาของเบียดตัวอย่างพืชแสดงเปอร์เซ็นต์สูงของดินที่เลี้ยงให้พวกเขาโดยพ่อแม่ของพวกเขา แคลเซียมสำหรับการพัฒนาไข่อีก - สมมติฐาน -. ไม่ได้ดูเหมือนจะเป็นเหตุผลในการ geophagy ในช่วงระยะเวลาการใช้งานสูงสุดนี้คือหลังจากที่ฟักไข่ทฤษฎีก็คือว่านกเป็นสัตว์กินพืชอื่น ๆ ให้ใช้เลียดินเป็น แหล่งที่มาของ cobalamin หรือที่เรียกว่าวิตามินบี 12

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มา คอว์กินอาหารที่หลากหลาย ได้แก่ เมล็ดพืช ถั่ว ผลไม้ ปาล์ม ผลไม้ ใบไม้ ดอกไม้ และลําต้น ป่าสายพันธุ์อาจหาอาหารกันอย่างแพร่หลายกว่า 100 กิโลเมตร ( 62 ไมล์ ) บางชนิด เช่น รา araurana ขนาดใหญ่ ( สีฟ้า และสีเหลือง มาคอว์ ) และอารา ambigua ( ที่ดีสีเขียวนกแก้วมาคอว์ ) ในการค้นหาของฤดูกาล

อาหารใช้ได้อาหารที่กินมา คอว์ในบางภูมิภาคในป่าว่ามีสารพิษ หรือสารกัดกร่อนซึ่งสามารถย่อย จะได้รับการชี้ให้เห็นว่า นกแก้ว และ มา คอว์ในลุ่มน้ำอเมซอนกินดินสัมผัสธนาคารแม่น้ำต่อต้านสารพิษเหล่านี้[ 11 ] ในตะวันตกหลายร้อยมา คอว์นกแก้วอเมซอนของอื่น ๆและลงไปสัมผัสธนาคารแม่น้ำกินดินใน [ 12 ] เกือบทุกวัน ( ยกเว้นวันที่ฝนตก [ 13 ] โดนัลด์ brightsmith ผู้วิจัยหลักของโครงการ tambopata มาคอว์ ตั้งอยู่ที่ศูนย์วิจัย tambopata ( TRC ) ได้ศึกษาในเปรู เคลย์ พฤติกรรมการกินของนกแก้วที่ดินเหนียวเลียในเปรูเขาและเพื่อนนักวิจัย พบว่า ดินมา คอว์เลือกที่จะบริโภคในดินเหนียวเลียไม่ต้องระดับที่สูงขึ้นของความจุในการแลกเปลี่ยนประจุบวก ( ความสามารถในการดูดสารพิษ ) ว่า พื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ของดินเหนียวเลีย [ 14 ] และดังนั้นจึงไม่สามารถใช้นกแก้วดินแก้กินอาหารไร้สารพิษ ค่อนข้างมา คอว์ และนกอื่น ๆที่ และชนิดสัตว์ที่ชอบดินที่มีระดับที่สูงขึ้นของโซเดียม [ 15 ] โซเดียมเป็นองค์ประกอบสําคัญที่หายากในสภาพแวดล้อมมากกว่า 100 กิโลเมตรจากมหาสมุทร[ 16 ] การกระจายตัวของดินเหนียวเลียทั่วอเมริกาใต้สนับสนุนสมมติฐานนี้และเป็นที่ใหญ่ที่สุดและมากที่สุดชนิดที่อุดมไปด้วยดินเหนียวเลียพบอยู่ทางด้านตะวันตกของลุ่มน้ำอเมซอน ไกลจากอิทธิพลทางทะเล [ 17 ] เกลือ ( NaCl ) อุดมด้วยสเปรย์มหาสมุทรเป็นแหล่งที่มาหลักของสิ่งแวดล้อม โซเดียม ใกล้ชายฝั่ง และลดฮวบๆภายในประเทศ [ 18 ]

เคลย์ พฤติกรรมการกิน โดยมา คอว์ไม่เห็นนอกตะวันตก Amazon ภูมิภาค แม้ว่ามา คอว์ในพื้นที่เหล่านี้กินสารพิษอาหารเช่นเมล็ด hura crepitans หรือ sandbox ต้นไม้ซึ่งมีซับพิษ ชนิดของนกแก้วที่กินเมล็ด ซึ่งอาจมีสารพิษมากกว่า ไม่ใช้ดินเหนียวเลียมากกว่าชนิดที่กินสัดส่วนมากกว่าของดอกไม้หรือผลไม้ในอาหารของพวกเขา[ 18 ]

เรียนที่ TRC ได้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างดินและเลียใช้ฤดูผสมพันธุ์ [ 19 ] เนื้อหาของตัวอย่างพืช - แสดงเปอร์เซ็นต์สูงของดินเลี้ยงพวกเขาโดยผู้ปกครองของพวกเขา แคลเซียม–การพัฒนาไข่อีกสมมติฐาน และไม่ปรากฏว่าเป็นเหตุผล geophagy ในระหว่างรอบระยะเวลานี้เป็นการใช้งานสูงสุดหลังจากฟักจากไข่

อีกทฤษฎีหนึ่งก็คือ นกเช่นเดียวกับสัตว์กินพืชอื่น ๆ ใช้ดินเหนียวเลีย เป็นแหล่งของวิตามินบี 12 หรือที่เรียกว่า วิตามิน B12