The fact is technology is changing

The fact is technology is changing the way we teach and the way our students learn. Teachers complain that the students neither read enough nor write properly; rather, we have to admit that students read different texts (Chat, Twitter, Facebook, etc.) and write a different language (SMS, chatting, etc.). However, can text messages replace textbooks? Can ipads replace notepads? Teachers also say that students do not concentrate in class or have a short attention span because they are engrossed in their mobile phones, PCs, Ipads and other digital devices; but is this the whole truth? Does technology enhance education and supplement students with relevant and accessible information or does it prevent them from focusing on the subject at hand? To answer some of these questions we will use a random sampling from two courses given at Notre Dame University-Louaize, (NDU). The first is a Public Speaking course for Freshman students, and the second, an Introduction to Psychology, a General Education Requirement (GER) offered to Sophomore, Junior and Senior years. The method used for the research is therefore qualitative based on case studies

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความจริงคือ เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงวิธีเราสอนและวิธีการเรียนรู้ของนักเรียน ครูบ่นว่า นักเรียนไม่อ่านเพียงพอและ ไม่เขียนได้อย่างถูกต้อง ค่อนข้าง เราต้องยอมรับว่า นักเรียนอ่านข้อความอื่น (สนทนา Twitter, Facebook ฯลฯ) และเขียนเป็นภาษาอื่น (SMS สนทนา ฯลฯ) อย่างไรก็ตาม ข้อความสามารถเปลี่ยนตำรา Ipads แทนสื่อ ครูพูดว่า นักเรียนไม่มีสมาธิในการเรียน หรือมีช่วงความสนใจสั้นเพราะหมกมุ่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของพวกเขา Pc, Ipads และ อุปกรณ์ดิจิตอลอื่น ๆ แต่นี่คือความจริง ไม่เทคโนโลยีส่งเสริมการศึกษาและการเรียนเสริม ด้วยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และสามารถเข้าถึงได้ หรือไม่ก็ป้องกันไม่ให้เน้นในเรื่องที่ ตอบของคำถามเหล่านี้ เราจะใช้การสุ่มตัวอย่างแบบสุ่มจากคอร์สที่สองรับที่ดามมหาวิทยาลัย-Louaize, (NDU) ครั้งแรกเป็นหลักสูตรการเรียนวิชาฯ ที่สอง จิตวิทยา บทนำพูดในที่สาธารณะเป็นการทั่วไปการศึกษาความต้องการจากประเทศเยอรมนี) เสนอ Sophomore จูเนียร์ และอาวุโสปี วิธีการที่ใช้ในการวิจัยจึงเป็นเชิงคุณภาพโดยใช้กรณีศึกษา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความจริงก็คือเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราสอนและวิธีการเรียนรู้ที่นักเรียนของเรา ครูบ่นว่านักเรียนไม่พออ่านหรือเขียนอย่างถูกต้อง; แต่เราต้องยอมรับว่านักเรียนอ่านข้อความที่แตกต่างกัน (พูดคุย, Twitter, Facebook, ฯลฯ ) และเขียนภาษาที่แตกต่างกัน (SMS, แชท, ฯลฯ ) แต่สามารถเปลี่ยนข้อความตำรา? ไอแพดสามารถเปลี่ยน notepads? ครูยังบอกว่านักเรียนไม่สมาธิในชั้นเรียนหรือมีสมาธิสั้นเพราะพวกเขาจะรุกในโทรศัพท์มือถือของพวกเขา, คอมพิวเตอร์, iPads และอุปกรณ์ดิจิตอลอื่น ๆ ; แต่นี่คือความจริงทั้งหมด? เทคโนโลยีจะเพิ่มนักเรียนศึกษาและอาหารเสริมกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องและสามารถเข้าถึงได้หรือไม่ก็ป้องกันพวกเขาจากการมุ่งเน้นไปในเรื่องที่อยู่ในมือ? เพื่อที่จะตอบคำถามเหล่านี้บางเราจะใช้การสุ่มจากสองหลักสูตรที่กำหนดที่มหาวิทยาลัย Notre Dame-Louaize (NDU) ครั้งแรกเป็นหลักสูตรที่พูดในที่สาธารณะสำหรับนักเรียนนักศึกษาและสองรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจิตวิทยาต้องการศึกษาทั่วไป (ร็อคกี้) เสนอที่จะปีจูเนียร์และปีอาวุโส วิธีการที่ใช้ในการวิจัยจึงตามคุณภาพในกรณีศึกษา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความจริงคือเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราสอนและวิธีการที่นักเรียนได้เรียนรู้ ครูบ่นว่านักเรียนไม่อ่านหรือเขียนได้อย่างเพียงพอ แต่เราต้องยอมรับว่า นักเรียนอ่านข้อความที่แตกต่างกัน ( แชท , Twitter , Facebook , ฯลฯ ) และเขียนภาษาอื่น ( SMS , แชท , ฯลฯ ) อย่างไรก็ตาม สามารถข้อความแทนที่ตำรา ? สามารถแทนโดยเครื่อง ?ครูว่านักเรียนไม่มีสมาธิในการเรียน หรือมีช่วงความสนใจสั้น เพราะพวกเขาจะหมกมุ่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของตนในเครื่องพีซี , iPads และอุปกรณ์ดิจิตอลอื่น ๆแต่นี้คือความจริงทั้งหมด ? มีเทคโนโลยีเสริมการศึกษาและเสริมนักเรียนที่เกี่ยวข้อง และสามารถเข้าถึงข้อมูล หรือ ไม่ได้ป้องกันพวกเขาจากการเน้นเรื่องมือ ?คำตอบบางส่วนของคำถามเหล่านี้เราจะใช้สุ่มจากสองหลักสูตรที่ระบุ louaize มหาวิทยาลัย Notre Dame ( หรือว่า ) อย่างแรกคือ การพูดในที่สาธารณะ สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 และ 2 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจิตวิทยา ความต้องการการศึกษาทั่วไป ( GER ) เสนอให้ปี 2 ปีรุ่นพี่ .ใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ จึงขึ้นอยู่กับ
กรณีศึกษา