In 1940, as World War II tore throu

In 1940, as World War II tore through Europe, Dalí and Gala retreated to the United States, where they lived for eight years. They were able to escape because on June 20, 1940, they were issued visas by Aristides de Sousa Mendes, Portuguese consul in Bordeaux, France. Dalí’s arrival in New York was one of the catalysts in the development of that city as a world art center in the post-War years.[44] Salvador and Gala Dalí crossed into Portugal and subsequently sailed on the Excambion from Lisbon to New York in August 1940. After the move, Dalí returned to the practice of Catholicism. "During this period, Dalí never stopped writing", wrote Robert and Nicolas Descharnes.[45]

Dalí worked prolifically in a variety of media during this period, designing jewelry, clothes, furniture, stage sets for plays and ballet, and retail store display windows. In 1939, while working on a window display for Bonwit Teller, he became so enraged by unauthorized changes to his work that he shoved a decorative bathtub through a plate glass window.[5]

In 1941, Dalí drafted a film scenario for Jean Gabin called Moontide. In 1942, he published his autobiography, The Secret Life of Salvador Dalí. He wrote catalogs for his exhibitions, such as that at the Knoedler Gallery in New York in 1943. Therein he attacked some often-used surrealist techniques by proclaiming, "Surrealism will at least have served to give experimental proof that total sterility and attempts at automatizations have gone too far and have led to a totalitarian system. ... Today's laziness and the total lack of technique have reached their paroxysm in the psychological signification of the current use of the college" (collage). He also wrote a novel, published in 1944, about a fashion salon for automobiles. This resulted in a drawing by Edwin Cox in The Miami Herald, depicting Dalí dressing an automobile in an evening gown.[45]

In The Secret Life, Dalí suggested that he had split with Luis Buñuel because the latter was a Communist and an atheist. Buñuel was fired (or resigned) from his position at the Museum of Modern Art (MOMA), supposedly after Cardinal Spellman of New York went to see Iris Barry, head of the film department at MOMA. Buñuel then went back to Hollywood where he worked in the dubbing department of Warner Brothers from 1942 to 1946. In his 1982 autobiography Mon Dernier soupir (My Last Sigh, 1983), Buñuel wrote that, over the years, he had rejected Dalí's attempts at reconciliation.[46]

An Italian friar, Gabriele Maria Berardi, claimed to have performed an exorcism on Dalí while he was in France in 1947.[47] In 2005, a sculpture of Christ on the Cross was discovered in the friar's estate. It had been claimed that Dalí gave this work to his exorcist out of gratitude,[47] and two Spanish art experts confirmed that there were adequate stylistic reasons to believe the sculpture was made by Dalí.[47]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ใน 1940 เป็นสงครามโลกครั้งที่สองฉีกผ่านยุโรป Dalí และงาน retreated ไปสหรัฐอเมริกา ที่พวกเขาอาศัยอยู่แปดปี พวกเขาก็สามารถหลบหนีเนื่องจากที่ 20 มิถุนายน 1940 พวกเขาถูกออกวีซ่า โดย Mendes Aristides de Sousa กงสุลโปรตุเกสในบอร์โดซ์ ฝรั่งเศส มาถึงของ Dalí ในนิวยอร์กเป็นหนึ่งในสิ่งที่ส่งเสริมในการพัฒนาเมืองที่เป็นศูนย์ศิลปะโลกในปีหลังสงคราม [44] ซัลวาดอร์และงาน Dalí ข้ามเป็นโปรตุเกส และต่อมาแล่นบน Excambion ที่จากลิสบอนสู่นิวยอร์กในเดือน 1940 สิงหาคม หลังจากย้าย Dalí กลับไปปฏิบัติของคาทอลิก "ในช่วงเวลานี้ Dalí ไม่เคยหยุดเขียน" เขียนโรเบิร์ตและ Nicolas Descharnes [45]Dalí ทำงาน prolifically ในความหลากหลายของสื่อในระหว่างนี้ระยะเวลา ออกแบบเครื่องประดับ เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ ขั้นตอนตั้งค่าเล่นบัลเลต์ และ windows แสดงร้านค้าขายปลีก ในปีพ.ศ. 2482 ในขณะที่ทำงานเกี่ยวกับการแสดงหน้าต่างสำหรับถอนเงิน Bonwit เขากลายเป็นดังสนั่นโดยไม่ได้รับอนุญาตทำงานของเขาว่า เขา shoved อ่างอาบน้ำตกแต่งผ่านหน้าต่างกระจก [5]1941, Dalí ร่างสถานการณ์ฟิล์มสำหรับฌอง Gabin Moontide ในปี 1942 เขาเผยแพร่อัตชีวประวัติของเขา เดอะซีเคร็ทไลฟ์ของซัลวาดอร์ Dalí เขาเขียนแค็ตตาล็อกสำหรับนิทรรศการของเขา เช่นที่เก็บ Knoedler ในนิวยอร์กใน 1943 Therein เขาโจมตีบางมักใช้ surrealist เทคนิคปิด "ลัทธิเหนือจริงจะน้อยมีบริการให้ทดลองพิสูจน์ sterility ที่รวม และความพยายามที่ automatizations ได้ไปไกลมาก และได้นำไปสู่ระบบคริสต์ ... วันนี้ความขี้เกียจและขาดรวมเทคนิคแล้ว paroxysm ของพวกเขาใน signification จิตวิทยาการใช้ปัจจุบันวิทยาลัย" (collage) นอกจากนี้เขายังเขียนนวนิยาย เผยแพร่ในปี 1944 เกี่ยวกับร้านแฟชั่นสำหรับรถยนต์ ส่งผลให้รูปวาดโดย Edwin ค็อกซ์ในเฮรัลด์ไมอามี่ แสดง Dalí รถแต่งตัวในชุดความเย็น [45]ความลับชีวิต Dalí แนะนำว่า เขามีแบ่ง ด้วย Luis Buñuel เพราะหลัง เป็นคอมมิวนิสต์และเป็น atheist Buñuel ถูกยิง (หรือลาออกจากตำแหน่ง) จากตำแหน่งของเขาที่พิพิธภัณฑ์ของสมัยศิลปะ (MOMA) คาดคะเนหลังคาร์คสนามของนิวยอร์กไปดู Iris Barry หัวหน้าภาควิชาภาพยนตร์ใน MOMA Buñuel แล้วก็กลับไปที่เขาทำงานในอปปี้แผนกของวอร์เนอร์บราเธอร์สจากปี 1942 การ 1946 ฮอลลีวูด ในเขา 1982 อัตชีวประวัติ Dernier จันทร์ soupir (ของฉันสุดท้ายถอนหายใจ 1983), Buñuel เขียนว่า ปี เขาปฏิเสธความพยายามของ Dalí ที่กระทบยอด [46]เป็นไฟรอาร์อิตาลี Gabriele มาเรีย Berardi อ้างว่า ทำการ exorcism บน Dalí ที่ฝรั่งเศสใน [47] ในปี 2005 ประติมากรรมของพระคริสต์บนไม้กางเขนถูกค้นพบในนิคมของไฟรอาร์ จะมีการอ้างว่า Dalí ให้งานนี้ของ exorcist จากความกตัญญู, [47] และทำศิลปะสเปนสองผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า มีเหตุผลเพียงพอเป็นสำนวนเชื่อประติมากรรม โดย Dalí [47]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในปี 1940 ขณะที่สงครามโลกครั้งที่สองวิ่งผ่านยุโรปDalíและกาล่าถอยไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาที่พวกเขาอาศัยอยู่เป็นเวลาแปดปี พวกเขาสามารถที่จะหลบหนีเพราะวันที่ 20 มิถุนายน 1940 ที่พวกเขากำลังออกวีซ่าโดยอริสตีดเดอเซาซาเมนเดส, กงสุลโปรตุเกสในบอร์โด, ฝรั่งเศส การมาถึงของDalíในนิวยอร์กเป็นหนึ่งในตัวเร่งปฏิกิริยาในการพัฒนาเมืองที่เป็นศูนย์กลางศิลปะของโลกในปีที่ผ่านมาหลังสงคราม. [44] ซัลวาดอและงานเลี้ยงDalíข้ามไปโปรตุเกสและแล่นต่อมาใน Excambion จากลิสบอนไปนิวยอร์ก สิงหาคม 1940 หลังจากย้ายDalíกลับไปปฏิบัติของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก "ในช่วงเวลานี้Dalíไม่เคยหยุดเขียน" โรเบิร์ตและนิโคลั Descharnes เขียน. [45] Dalíทำงานพราวพร่างในความหลากหลายของสื่อในช่วงเวลานี้การออกแบบเครื่องประดับ, เสื้อผ้า, เฟอร์นิเจอร์, ชุดเวทีสำหรับการเล่นและบัลเล่ต์และการค้าปลีกการแสดงผลการจัดเก็บ หน้าต่าง ในปี 1939 ในขณะที่ทำงานบนจอแสดงผลหน้าต่างสำหรับ Bonwit หมอดูเขาจนกลายเป็นแค้นจากการเปลี่ยนแปลงไม่ได้รับอนุญาตในการทำงานที่เขาผลักอ่างอาบน้ำตกแต่งผ่านหน้าต่างกระจกแผ่น. [5] ในปี 1941 Dalíร่างสถานการณ์ภาพยนตร์ฌอง Gabin เรียกว่า Moontide ในปี 1942 เขาตีพิมพ์อัตชีวประวัติของเขาชีวิตลับของ Salvador Dali เขาเขียนแคตตาล็อกสำหรับการจัดนิทรรศการของเขาเช่นว่าที่หอศิลป์ Knoedler ในนิวยอร์กในปี 1943 ในแผ่นดินนั้นเขาโจมตีบางอย่างมักจะใช้เทคนิค surrealist โดยประกาศ "Surrealism อย่างน้อยจะได้ทำหน้าที่ที่จะให้หลักฐานการทดลองที่รวมความแห้งแล้งและความพยายามที่จะ automatizations ได้ไปไกลเกินไปและได้นำไปสู่ระบบเผด็จการ ... . ความเกียจคร้านของวันนี้และการขาดรวมของเทคนิคที่มีรายได้ถึงการปะทุของพวกเขาในความหมายทางจิตวิทยาของการใช้งานในปัจจุบันของวิทยาลัย "(ภาพตัดปะ) เขายังเขียนนวนิยายที่ตีพิมพ์ในปี 1944 เกี่ยวกับร้านแฟชั่นสำหรับรถยนต์ นี้ส่งผลในการวาดภาพโดยเอ็ดวินค็อกซ์ใน Miami Herald ภาพวาดDalíรวมทั้งการตกแต่งรถยนต์ในชุดราตรี. [45] ในชีวิตลับต้าหลี่บอกว่าเขาได้เลิกกับหลุยส์Buñuelเพราะหลังเป็นคอมมิวนิสต์และเชื่อว่ามีพระเจ้า Buñuelถูกยิง (หรือลาออก) จากตำแหน่งของเขาที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (MOMA) คาดว่าหลังจากที่พระคาร์ดินัลพยางค์นิวยอร์กไปดูไอริสแบร์รี่หัวหน้าภาควิชาภาพยนตร์ที่ MOMA Buñuelจากนั้นก็เดินกลับไปที่ฮอลลีวู้ดที่เขาทำงานในแผนกการทำสำเนาของวอร์เนอร์บราเดอร์จาก 1942 ไปยังปี 1946 ในปี 1982 อัตชีวประวัติของเขาจันทร์ Dernier soupir (ถอนหายใจสุดท้ายของฉัน, 1983) Buñuelเขียนว่าปีที่ผ่านมาเขาได้ปฏิเสธความพยายามของDalíที่ ความสมานฉันท์. [46] นักบวชอิตาลี, กาเบรียลมาเรียเบราอ้างว่าได้ดำเนินการไล่ผีในDalíขณะที่เขาอยู่ในประเทศฝรั่งเศสในปี 1947 [47] ในปี 2005 รูปปั้นของพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขนถูกค้นพบในที่ดินของคริสตศาสนา มันได้รับการอ้างว่าDalíให้ทำงานนี้เพื่อขับไล่เขาออกจากความกตัญญู [47] และสองผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะภาษาสเปนยืนยันว่ามีเหตุผลเพียงพอที่จะโวหารเชื่อว่ารูปปั้นถูกสร้างขึ้นโดยDalí. [47]