Neutron diffraction• diffraction– i

Neutron diffraction
• diffraction
– interference of elastically scattered waves
– same in principle as X-ray diffraction
• Bragg's law: 2dsinθ = nλ
– 2θ is scattering angle
– d is interatomic spacing
– larger distance d gives smaller scattering angle 2θ
• measure counts as a function of 2θ
gives diffraction "pattern" or "spectrum"
• scattering vector Q is commonly used instead of 2θ
– Q = 2π/d = 4πsinθ/λ

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การเลี้ยวเบนของนิวตรอน•การเลี้ยวเบน-สัญญาณรบกวนคลื่นกระจายหมายถึงการปิด– เหมือนกันในหลักการเอ็กซ์เรย์การเลี้ยวเบน• Bragg กฎหมาย: 2dsinθ = nλ-2θ เป็นมุม scattering-d คือ ระยะห่าง interatomic– d ระยะทางขนาดใหญ่ให้เล็ก scattering มุม 2θ•วัดนับเป็นฟังก์ชันของ 2θช่วยให้การเลี้ยวเบน "รูปแบบ" หรือ "คลื่น"โดยทั่วไปใช้• scattering เวกเตอร์ Q แทน 2θ-Q = 2π/d = 4πsinθ/λ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เลนส์นิวตรอน•เลนส์
- การรบกวนของคลื่นกระจัดกระจายยืดหยุ่น
- เดียวกันในหลักการเป็น X-ray diffraction
•กฎหมาย Bragg: 2dsinθ = nλ
- 2θมีการกระจายมุม
- d คือระยะห่างระหว่างอะตอม
- ระยะทาง d
ที่มีขนาดใหญ่จะช่วยให้มุมกระเจิงขนาดเล็ก2θนับ•วัดเป็นฟังก์ชั่นของ2θให้เลี้ยวเบน "รูปแบบ" หรือ "คลื่นความถี่" •กระเจิง Q เวกเตอร์เป็นที่นิยมใช้แทนการ2θ - Q = 2π / d = 4πsinθ / λ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การเลี้ยวเบนนิวตรอน
-
) elastically กระจัดกระจายการเลี้ยวเบนการแทรกสอดของคลื่น
–เหมือนกันในหลักการการเลี้ยวเบนของรังสีเอกซ์ของ Bragg เป็น
- กฎหมาย : 2dsin θ = n
2 λ–θคือมุมของการกระจาย

) D interatomic ระยะห่างระยะห่าง D ให้เล็กและขนาดใหญ่มุม 2 θ
- วัดนับกระเจิงเป็นฟังก์ชัน 2 θ
ให้การเลี้ยวเบน " รูปแบบ " หรือ " สเปกตรัม "
- กระจายเวกเตอร์ Q เป็นที่นิยมใช้แทน 2 θ
- Q = 2 π / D = 4 πบาปθ / λ