Database management systems emerged

Database management systems emerged in the 1960s to address the problem of storing and retrieving large amounts of data accurately and quickly. One of the earliest such systems was IBM's Information Management System (IMS),[24] which is still widely deployed more than 40 years later.[25] IMS stores data hierarchically,[24] but in the 1970s Ted Codd proposed an alternative relational storage model based on set theory and predicate logic and the familiar concepts of tables, rows and columns. The first commercially available relational database management system (RDBMS) was available from Oracle in 1980.[26]

All database management systems consist of a number of components that together allow the data they store to be accessed simultaneously by many users while maintaining its integrity. A characteristic of all databases is that the structure of the data they contain is defined and stored separately from the data itself, in a database schema.[24]

The extensible markup language (XML) has become a popular format for data representation in recent years. Although XML data can be stored in normal file systems, it is commonly held in relational databases to take advantage of their "robust implementation verified by years of both theoretical and practical effort".[27] As an evolution of the Standard Generalized Markup Language (SGML), XML's text-based structure offers the advantage of being both machine and human-readable

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระบบการจัดการฐานข้อมูลปรากฏขึ้นในปี 1960 เพื่อแก้ไขปัญหาของการจัดเก็บ และดึงข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างถูกต้อง และรวดเร็ว หนึ่งในสุดระบบดังกล่าวเป็นของ IBM ข้อมูลจัดการระบบ (IMS) , [24] ซึ่งยังคงแพร่หลายการจัดวางมากกว่า 40 ปี[25] IMS เก็บข้อมูลชั้น[24] แต่ในปี 1970 Ted Codd เสนอแบบจำลองเชิงสัมพันธ์เก็บสำรองตามทฤษฎีเซต และเพรดิเคตตรรกะ และแนวความคิดที่คุ้นเคยของตาราง แถว และคอลัมน์ แรกใช้ได้ในเชิงพาณิชย์เชิงระบบจัดการฐานข้อมูล (RDBMS) มีจาก Oracle ใน 1980[26]

ระบบการจัดการฐานข้อมูลทั้งหมดประกอบด้วยจำนวนของส่วนประกอบที่ร่วมกันให้ข้อมูลที่เก็บการเข้าถึงได้พร้อมกัน โดยผู้ใช้หลายคนในขณะที่รักษาความสมบูรณ์ของ ลักษณะของฐานข้อมูลทั้งหมดได้ว่า โครงสร้างของข้อมูลที่ประกอบด้วยกำหนด และเก็บแยกต่างหากจากข้อมูลตัวเอง ใน schema ของฐานข้อมูล[24]

Extensible markup ภาษา (XML) เป็น รูปแบบยอดนิยมสำหรับการแสดงข้อมูลในปีที่ผ่านมา แม้ว่าสามารถจัดเก็บข้อมูล XML ในระบบแฟ้มปกติ มันจะจัดขึ้นทั่วไปในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์การใช้ประโยชน์จาก "แข็งแกร่งการปฏิบัติการตรวจสอบ โดยปีของความพยายามทั้งทฤษฎี และปฏิบัติ"[27] เป็นวิวัฒนาการของการมาตรฐานตั้งค่าทั่วไป Markup ภาษา (ในเชิงของ SGML), โครงสร้างของ XML ข้อความมีประโยชน์ของเครื่องจักร และมนุษย์อ่าน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ระบบบริหารฐานข้อมูลเกิดในปี 1960 เพื่อที่อยู่ปัญหาของการจัดเก็บและการค้นคืนข้อมูลปริมาณมากได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว หนึ่งที่เก่าแก่ที่สุดระบบดังกล่าวเป็นระบบจัดการข้อมูลลูกค้า ( IMS ) [ 24 ] ซึ่งยังคงใช้งานอย่างกว้างขวางกว่า 40 ปีต่อมา [ 25 ] IMS เก็บข้อมูลลําดับชั้น[ 24 ] แต่ในปี 1970 Ted คอดด์เสนอทางเลือกแบบกระเป๋าแบบตามชุดทฤษฎีและตรรกะภาคแสดงและแนวคิดที่คุ้นเคยของตารางแถวและคอลัมน์ ครั้งแรกที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ ( RDBMS ) ที่สามารถใช้ได้จาก Oracle ในปี 1980 [ 26 ]

ระบบการจัดการฐานข้อมูลประกอบด้วยหมายเลขของคอมโพเนนต์ที่ร่วมกันให้ข้อมูลที่พวกเขาเก็บได้พร้อมกันโดยผู้ใช้หลายคนในขณะที่การรักษาความสมบูรณ์ของมัน ลักษณะของฐานข้อมูลทั้งหมดมีโครงสร้างของข้อมูลที่พวกเขามีกำหนดและเก็บไว้แยกต่างหากจากข้อมูลตัวเองในฐานข้อมูล [ 24 ]

ภาษามาร์คอัป extensible ( XML ) ได้กลายเป็นรูปแบบที่นิยมสำหรับการแทนข้อมูลในช่วงปี แม้ว่าข้อมูล XML สามารถเก็บไว้ในระบบแฟ้มปกติ มันเป็นปกติที่จัดขึ้นในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ที่จะใช้ประโยชน์จากพวกเขา " มีการตรวจสอบ โดยปีของความพยายาม ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ " [ 27 ] เป็นวิวัฒนาการของมาตรฐานทั่วไป Markup Language ( Language )โครงสร้างของเอกสาร XML มีความได้เปรียบของการเป็นมนุษย์สามารถอ่านได้ทั้งเครื่อง และ