Research is not only a set of skill

Research is not only a set of skills, but also a way of thinking. Within this framework of thinking,
you usually question what you observe, make an attempt to further explore, understand
and explain your observations, and draw conclusions and inferences to enhance your practice
skills and their knowledge base. It is looking at your practice or work situation inquisitively,
critically and analytically to gain an in-depth knowledge of its rationale, relevance, effectiveness
and efficiency. You develop an attitude that encourages you to challenge different aspects
of your work situation, to question their purpose, relevance and validity, to find their strengths
and weaknesses, and to investigate the possibilities and ways for further improvements and
refinements. Research develops this thinking, inquisitive perspective in you. Thinking in this
research mode, as a practitioner, you develop the ability to ask yourself questions such as:
What am I doing? Why am I doing this? How is it affecting my clients or consumers? How
can I improve my work? Such questions naturally come to your mind as a practitioner, and
as a researcher you make attempts to find their answers. It is to find answers to such questions
that you need to have research skills.
Research develops in you a way of thinking that is logical and rational and that
encourages you to critically examine every aspect of your day-to-day situation. It helps
you to understand and formulate guiding principles that govern a particular procedure
in your practice, and develop and test new ways that contribute to the advancement of
your practice and profession. This way of thinking develops in you a very different perspective
to your work. Research develops this analytical way of thinking in you, and the
knowledge of research methodology provides you with the techniques to find answers
to your research questions. This research orientation becomes a cycle of your practice
which, in turn, encourages you to further observe, question, explore, test and understand
various aspects of your practice.

Research is an integral part of good professional practice in many professions and has
been responsible for greatly influencing the practice procedures and outcomes in these
professions. Among many professions such as medicine, public health, psychology, and
education, research and practice are well integrated, and practice relies very heavily upon
what is discovered through research. As a matter of fact, research and practice are two
sides of the same coin that should and cannot be separated. It would be appropriate to
say that the greater the integration between research and practice in a profession, the
greater the advancement in its theoretical and practice knowledge base. As mentioned,
research is a habit of questioning what you do, and a systematic way of examining your
clinical observations to explain and find answers for what you observe in your practice,
with a view to instituting appropriate changes for a more effective professional service.
Let us take some disciplines as examples.
Suppose you are working in the field of health. You may be a front-line service
provider, supervisor or health administrator/planner. You may be in a hospital or working
as an outreach community health worker. You may be a nurse, doctor, occupational
therapist, physiotherapist, social worker or other paramedic. In any of these positions,
you may ask yourself or be asked some of the following questions:

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิจัยคือ ไม่เพียงแต่ชุดของทักษะ แต่ยังเป็นวิธีการคิด ภายในกรอบนี้ของความคิดคุณมักจะถามอะไรคุณสังเกตเห็น ทำให้ความพยายามที่จะสำรวจต่อไป เข้าใจอธิบายข้อสังเกตของคุณ และวาด inferences เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการปฏิบัติและการทักษะและความรู้ กำลังมองสถานการณ์ของการปฏิบัติหรือทำงาน inquisitivelyanalytically และถึงจะได้รับความรู้ในเชิงลึกของเหตุผล เกี่ยวข้อง ประสิทธิภาพและมีประสิทธิภาพ คุณพัฒนาทัศนคติที่กระตุ้นให้คุณท้าทายด้านต่าง ๆสถานการณ์ทำงานของคุณ คำถามวัตถุประสงค์ของพวกเขา ความเกี่ยวข้อง และมีผลบังคับ ใช้ การค้นหาจุดแข็งของพวกเขาและจุด อ่อน และ การตรวจสอบความเป็นไปได้และวิธีการสำหรับการปรับปรุงเพิ่มเติม และปรับแต่ง วิจัยพัฒนานี้คิด มุมมองที่อยากรู้อยากเห็นในตัวคุณ ความคิดนี้โหมดการวิจัย เป็นผู้ประกอบการ คุณพัฒนาความสามารถในการถามตัวคุณเองเช่น:ฉันควรทำอะไร ทำไมผมทำนี้หรือไม่ มันมีผลกระทบต่อลูกค้าหรือผู้บริโภคของฉันอย่างไร วิธีฉันจะปรับปรุงงาน คำถามดังกล่าวตามธรรมชาติมาเพื่อใจของคุณเป็นผู้ประกอบการ และเป็นนักวิจัย คุณทำให้ความพยายามในการค้นหาคำตอบของพวกเขา การค้นหาคำตอบดังกล่าวว่า คุณต้องมีทักษะการวิจัยการวิจัยพัฒนาในวิธีการคิดที่มีตรรกะ และเหตุผลช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบถึงทุกด้านของสถานการณ์แต่ละวันของคุณ มันช่วยให้คุณเข้าใจ และกำหนดหลักเกณฑ์ที่ควบคุมกระบวนการเฉพาะในการปฏิบัติ พัฒนา และทดสอบวิธีใหม่ที่นำไปสู่ความก้าวหน้าของปฏิบัติและอาชีพของคุณ วิธีการคิดนี้พัฒนาในมุมมองแตกต่างกันมากการทำงานของคุณ วิจัยพัฒนาวิเคราะห์วิธีการคิดนี้ในคุณ และการความรู้เกี่ยวกับระเบียบวิธีวิจัยมีเทคนิคการค้นหาคำตอบถามการวิจัย แนวการวิจัยนี้กลายเป็น วงจรของการปฏิบัติของคุณซึ่ง จะ กระตุ้นให้คุณสังเกตเห็นต่อไป คำถาม สำรวจ ทดสอบ และทำความเข้าใจด้านต่าง ๆ ของวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของดีมืออาชีพในหลายสาขาอาชีพ และมีรับผิดชอบมีอิทธิพลต่อการปฏิบัติกระบวนการและผลลัพธ์ในเหล่านี้อย่างมากสาขาอาชีพ หนึ่งในหลายอาชีพเช่นแพทย์ สาธารณสุข จิตวิทยา และการศึกษา การวิจัย และการปฏิบัติมีแบบ และปฏิบัติขึ้นมากมากสิ่งที่มีการค้นพบผ่านการวิจัย มีสองที่ที่แท้ วิจัยและการปฏิบัติด้านของเหรียญเดียวกันที่ควร และไม่สามารถแยกจากกัน มันจะเหมาะสมกับที่รวมกันมากขึ้นระหว่างวิจัยและการปฏิบัติในวิชาชีพ การความก้าวหน้าในการทฤษฎีและปฏิบัติความรู้ ดังกล่าววิจัยเป็นนิสัยของการซักถามทำงานของคุณ และวิธีการตรวจสอบระบบของคุณclinical observations to explain and find answers for what you observe in your practice,with a view to instituting appropriate changes for a more effective professional service.Let us take some disciplines as examples.Suppose you are working in the field of health. You may be a front-line serviceprovider, supervisor or health administrator/planner. You may be in a hospital or workingas an outreach community health worker. You may be a nurse, doctor, occupationaltherapist, physiotherapist, social worker or other paramedic. In any of these positions,you may ask yourself or be asked some of the following questions:

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

งานวิจัยไม่ได้เป็นเพียงชุดของทักษะ แต่ยังวิธีคิด ภายในกรอบของความคิดนี้
ที่คุณมักจะตั้งคำถามกับสิ่งที่คุณสังเกตให้ความพยายามที่จะไปสำรวจทำความเข้าใจ
และอธิบายข้อสังเกตของคุณและข้อสรุปและการหาข้อสรุปเพื่อเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติของคุณ
ทักษะและฐานความรู้ของพวกเขา มันคือการมองในการปฏิบัติงานหรือสถานการณ์ของคุณอยากรู้อยากเห็น,
วิเคราะห์และการวิเคราะห์เพื่อให้ได้รับความรู้ในเชิงลึกของเหตุผลของความสัมพันธ์กันประสิทธิผล
และประสิทธิภาพ คุณพัฒนาทัศนคติที่เอื้อให้คุณท้าทายด้านที่แตกต่างกัน
ของสถานการณ์การทำงานของคุณจะตั้งคำถามวัตถุประสงค์ความเกี่ยวข้องและความถูกต้องของพวกเขาที่จะหาจุดแข็งของพวกเขา
และจุดอ่อนและการตรวจสอบความเป็นไปได้และวิธีการสำหรับการปรับปรุงต่อไปและ
การปรับแต่ง การวิจัยพัฒนาความคิดนี้มุมมองที่อยากรู้อยากเห็นในตัวคุณ ความคิดในเรื่องนี้
โหมดการวิจัยเป็นผู้ประกอบการที่คุณมีการพัฒนาความสามารถในการถามตัวเองคำถามเช่น:
ฉันกำลังทำอะไรอยู่? ทำไมฉันทำเช่นนี้? มันเป็นวิธีการที่มีผลต่อลูกค้าหรือผู้บริโภคของฉันได้อย่างไร วิธี
ที่ฉันสามารถปรับปรุงการทำงานของฉันได้อย่างไร คำถามดังกล่าวตามธรรมชาติมาใจของคุณเป็นผู้ประกอบการและ
เป็นนักวิจัยที่คุณทำให้ความพยายามที่จะหาคำตอบของพวกเขา ก็คือการหาคำตอบของคำถามดังกล่าว
ที่คุณจำเป็นต้องมีทักษะการวิจัย.
วิจัยพัฒนาในคุณวิธีคิดที่เป็นตรรกะและเหตุผลและที่
ขอให้คุณตรวจสอบด้านวิกฤตสถานการณ์วันต่อวันของคุณทุกคน มันจะช่วยให้
คุณเข้าใจและกำหนดหลักการที่ควบคุมกระบวนการเฉพาะ
ในการปฏิบัติของคุณและพัฒนาและทดสอบวิธีการใหม่ ๆ ที่นำไปสู่ความก้าวหน้าของ
การปฏิบัติและอาชีพของคุณ วิธีคิดนี้พัฒนาในตัวคุณมีมุมมองที่แตกต่างกันมาก
ในการทำงานของคุณ การวิจัยพัฒนาวิธีนี้การวิเคราะห์ของการคิดในตัวคุณและ
ความรู้เกี่ยวกับวิธีการวิจัยช่วยให้คุณมีเทคนิคที่จะหาคำตอบ
สำหรับคำถามวิจัยของคุณ การวางแนวทางการวิจัยครั้งนี้จะกลายเป็นวงจรของการปฏิบัติของคุณ
ซึ่งในที่สุดก็ขอให้คุณต่อไปสังเกตคำถามสำรวจทดสอบและเข้าใจ
ด้านต่างๆของการปฏิบัติของคุณ. การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติมืออาชีพที่ดีในวิชาชีพจำนวนมากและได้รับการรับผิดชอบ อย่างมากที่มีอิทธิพลต่อขั้นตอนการปฏิบัติและผลเหล่านี้ในอาชีพ ในบรรดาหลายอาชีพเช่นแพทย์สาธารณสุขจิตวิทยาและการศึกษาการวิจัยและการปฏิบัติที่มีการบูรณาการอย่างดีและการปฏิบัติต้องอาศัยอย่างหนักเมื่อสิ่งที่ค้นพบผ่านการวิจัย เป็นเรื่องของความเป็นจริงการวิจัยและการปฏิบัติเป็นสองด้านของเหรียญเดียวกันที่ควรและไม่สามารถแยกออกจากกัน มันจะเหมาะสมที่จะพูดได้ว่ามากขึ้นการบูรณาการระหว่างการวิจัยและการปฏิบัติในอาชีพที่มากขึ้นความก้าวหน้าในฐานความรู้ทางทฤษฎีและการปฏิบัติ เป็นที่กล่าวถึงการวิจัยเป็นนิสัยของการตั้งคำถามกับสิ่งที่คุณทำและอย่างเป็นระบบในการตรวจสอบของคุณสังเกตทางคลินิกที่จะอธิบายและค้นหาคำตอบสำหรับสิ่งที่คุณสังเกตในการปฏิบัติของคุณมีมุมมองในการจัดตั้งการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมสำหรับการบริการมืออาชีพที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น. ให้ เราใช้เวลาบางสาขาวิชาที่เป็นตัวอย่าง. สมมติว่าคุณกำลังทำงานในด้านของสุขภาพ คุณอาจจะเป็นบริการที่หน้าบรรทัดผู้ให้บริการผู้บังคับบัญชาหรือสุขภาพของผู้ดูแลระบบ / วางแผน คุณอาจจะอยู่ในโรงพยาบาลหรือการทำงานในฐานะที่เป็นผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพชุมชน คุณอาจจะเป็นพยาบาลแพทย์อาชีวบำบัดนักกายภาพบำบัด, นักสังคมสงเคราะห์หรือแพทย์อื่น ๆ ในตำแหน่งใด ๆ เหล่านี้คุณอาจถามตัวเองหรือจะถามบางคำถามต่อไปนี้:

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิจัยไม่ได้เป็นเพียงชุดของทักษะ แต่ก็เป็นวิธีคิดที่ ภายในกรอบของการคิดคุณมักจะถามสิ่งที่คุณสังเกต ให้ความพยายามที่จะสำรวจ เข้าใจและอธิบายการสังเกตของคุณและข้อสรุปและข้อสรุป เพื่อเสริมสร้างการปฏิบัติของคุณทักษะและความรู้ของพวกเขา มันมองการปฏิบัติงานอย่างอยากรู้อยากเห็นหรือสถานการณ์ของคุณ ,วิกฤตและวิเคราะห์เพื่อให้ได้ความรู้ในเชิงลึกของเหตุผล ความเกี่ยวข้อง ประสิทธิผลและประสิทธิภาพ นายพัฒนาทัศนคติที่กระตุ้น คุณที่จะท้าทายด้านต่าง ๆสถานการณ์การทำงานของคุณจะถามจุดประสงค์ของพวกเขา ความเกี่ยวข้องและความถูกต้อง เพื่อหาจุดแข็งของพวกเขาและจุดอ่อน และศึกษาความเป็นไปได้ และแนวทางในการปรับปรุงเพิ่มเติมและการปรับแต่ง . วิจัยพัฒนาความคิดนี้ครับมุมมองในคุณ คิดในนี้โหมดการวิจัย เป็นผู้ประกอบการที่คุณพัฒนาความสามารถที่จะถามตัวเองคำถามเช่น :ฉันกำลังทำอะไร ? ทำไมฉันต้องทำอย่างนี้ ? แล้วมันมีผลต่อฉันลูกค้าหรือผู้บริโภค ? ยังไงฉันสามารถปรับปรุงการทำงานของฉัน ? คำถามธรรมชาติในใจของคุณเป็นแพทย์ และเป็นนักวิจัยที่คุณทำให้ความพยายามที่จะหาคำตอบของพวกเขา มันคือการค้นหาคำตอบสำหรับคำถามดังกล่าวคุณต้องมีทักษะการวิจัยวิจัยพัฒนาในคุณวิธีคิดที่เป็นตรรกะและเหตุผลและสนับสนุนให้คุณให้วิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบทุกแง่มุมของสถานการณ์แบบวันต่อวันของคุณ มันช่วยให้คุณเข้าใจและกำหนดหลักการที่ควบคุมกระบวนการเฉพาะในการฝึก และพัฒนา และทดสอบวิธีใหม่ที่สนับสนุนความก้าวหน้าของการปฏิบัติของคุณและอาชีพ วิธีคิดพัฒนาในมุมมองที่ต่างกันมากในการทำงานของคุณ การวิจัยพัฒนาวิธีวิเคราะห์การคิดในคุณและความรู้เกี่ยวกับระเบียบวิธีวิจัย มีเทคนิคในการค้นหาคำตอบกับคำถามวิจัยของคุณ การวิจัยนี้มุ่งกลายเป็นวงจรของการปฏิบัติของคุณซึ่ง จะกระตุ้นให้คุณเพิ่มเติม สังเกต , คำถาม , สำรวจ , ทดสอบ และเข้าใจด้านต่างๆของการปฏิบัติของคุณการวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกอาชีพหลายอาชีพ และ มี ดีรับผิดชอบมีผลอย่างมากต่อการปฏิบัติและผลลัพธ์ในขั้นตอนเหล่านี้สาขาอาชีพ ท่ามกลางหลายอาชีพ เช่น การแพทย์ สาธารณสุขศาสตร์ จิตวิทยา และการศึกษา การวิจัย และการปฏิบัติจะรวมกันและการปฏิบัติอาศัยอย่างหนักเมื่อสิ่งที่ค้นพบผ่านการวิจัย เป็นเรื่องของความเป็นจริง การวิจัย และการปฏิบัติเป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน ที่ควร และไม่สามารถแยกออกจากกันได้ มันจะเหมาะสมกับกล่าวว่า การบูรณาการระหว่างการวิจัย และการปฏิบัติในวิชาชีพได้มากขึ้นความก้าวหน้าในทางทฤษฎีและปฏิบัติ ความรู้พื้นฐาน ดังกล่าวการวิจัยเป็นนิสัยของการตั้งคำถามในสิ่งที่คุณทำและวิธีการตรวจสอบระบบของคุณการสังเกตทางคลินิกที่จะอธิบายและหาคำตอบสำหรับสิ่งที่คุณสังเกตในการปฏิบัติของคุณด้วยมุมมองที่จะจัดระบบการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริการอย่างมืออาชีพให้เราใช้เวลาบางสาขาเป็นตัวอย่างสมมติว่าคุณกำลังทำงานในด้านสุขภาพ คุณอาจจะ บริการแนวหน้าผู้ให้บริการ , หัวหน้างานหรือผู้บริหารวางแผนสุขภาพ คุณอาจจะอยู่ในโรงพยาบาล หรือ ทำงานเป็นชุมชนสุขภาพคนงาน คุณอาจเป็นพยาบาล , แพทย์ , อาชีพบำบัด , นักกายภาพบำบัด , สังคมสงเคราะห์หรือแพทย์อื่น ๆ ในตำแหน่งเหล่านี้คุณอาจถามตัวเองหรือถามหลายคำถามต่อไปนี้ :