While interest in the study of mumm

While interest in the study of mummies dates as far back as Ptolemaic Greece, most structured scientific study began at the beginning of the 20th Century.[10] Prior to this, many rediscovered mummies were sold as curiosities or for use in pseudoscientific novelties such as mummia.[11] The first modern scientific examinations of mummies began in 1901, conducted by professors at the English-language Government School of Medicine in Cairo, Egypt. The first X-ray of a mummy came in 1903, when professors Grafton Elliot Smith and Howard Carter used the only X-ray machine in Cairo at the time to examine the mummified body of Thutmose IV.[12] British chemist Alfred Lucas applied chemical analyses to Egyptian mummies during this same period, which returned many results about the types of substances used in embalming. Lucas also made significant contributions to the analysis of Tutankhamun in 1922.[13]

Pathological study of mummies saw varying levels of popularity throughout the 20th century.[14] In 1992, the First World Congress on Mummy Studies was held in Puerto de la Cruz on Tenerife in the Canary Islands. More than 300 scientists attended the Congress to share nearly 100 years of collected data on mummies. The information presented at the meeting triggered a new surge of interest in the subject, with one of the major results being integration of biomedical and bioarchaeological information on mummies with existing databases. This was not possible prior to the Congress due to the unique and highly specialized techniques required to gather such data.[15]

In more recent years, CT scanning has become an invaluable tool in the study of mummification by allowing researchers to digitally "unwrap" mummies without risking damage to the body.[16] The level of detail in such scans is so intricate that small linens used in tiny areas such as the nostrils can be digitally reconstructed in 3-D.[17] Such modelling has been utilized to perform digital autopsies on mummies to determine cause of death and lifestyle, such as in the case of Tutankhamun

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในขณะที่สนใจในการศึกษามัมมี่วัน as far back as Ptolemaic กรีซ ส่วนใหญ่มีโครงสร้างทางวิทยาศาสตร์ศึกษาเริ่มที่จุดเริ่มต้นของศตวรรษ 20 [10] ก่อนการนี้ หลาย rediscovered มัมมี่ถูกขาย เป็นห้องสารภัณฑ์ หรือ สำหรับใช้ใน novelties pseudoscientific เช่น mummia [11] ตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่แรกของมัมมี่เริ่มใน 1901 ดำเนินการ โดยอาจารย์ที่โรงเรียนรัฐบาลภาษาอังกฤษของยาในไคโร อียิปต์ เอ็กซ์เรย์แรกของมัมมี่มาใน 1903 เมื่ออาจารย์กราฟ Elliot Smith และคาร์เตอร์ Howard ใช้เครื่องเอกซเรย์เฉพาะในไคโรเมื่อตรวจสอบตัว mummified Thutmose IV [12] นักเคมีอังกฤษอัลเฟรด Lucas ใช้วิเคราะห์สารเคมีกับมัมมี่อียิปต์ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ซึ่งส่งกลับผลลัพธ์มากเกี่ยวกับชนิดของสารที่ใช้ในรวี Lucas ยังได้จัดสรรที่สำคัญการวิเคราะห์ของ Tutankhamun ในค.ศ. 1922 [13]การศึกษาทางพยาธิวิทยาของมัมมี่เห็นระดับต่าง ๆ ของความนิยมตลอดศตวรรษ 20 [14] ใน 1992 สภาโลกครั้งแรกในการศึกษามัมมี่ถูกจัดขึ้นในโตเดอลาครูซในเตเนรีเฟในหมู่เกาะคะเนรี นักวิทยาศาสตร์กว่า 300 เข้าร่วมสภาร่วมเกือบ 100 ปีของมัมมี่เก็บรวบรวมข้อมูล ข้อมูลที่นำเสนอในการประชุมทริกเกอร์กระแสใหม่น่าสนใจในเรื่อง หนึ่งของผลลัพธ์สำคัญที่ถูกรวมทางชีวการแพทย์ และข้อมูล bioarchaeological มัมมี่พร้อมฐานข้อมูล นี้ไม่สามารถก่อนสภาเนื่องจากเทคนิคเฉพาะ และคำเฉพาะที่จำเป็นในการรวบรวมข้อมูลดังกล่าว [15]In more recent years, CT scanning has become an invaluable tool in the study of mummification by allowing researchers to digitally "unwrap" mummies without risking damage to the body.[16] The level of detail in such scans is so intricate that small linens used in tiny areas such as the nostrils can be digitally reconstructed in 3-D.[17] Such modelling has been utilized to perform digital autopsies on mummies to determine cause of death and lifestyle, such as in the case of Tutankhamun

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในขณะที่ความสนใจในการศึกษาของมัมมี่วันที่ไกลกลับเป็น Ptolemaic กรีซการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่มีโครงสร้างส่วนใหญ่เริ่มต้นที่จุดเริ่มต้นของศตวรรษที่ 20. [10] ก่อนหน้านี้มัมมี่ค้นพบหลายคนถูกขายเป็นวิทยากรหรือสำหรับใช้ใน novelties pseudoscientific เช่น mummia. [11] การตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกที่ทันสมัยของมัมมี่เริ่มต้นขึ้นในปี 1901 ที่จัดทำโดยอาจารย์ที่รัฐบาลภาษาอังกฤษของโรงเรียนแพทย์ในกรุงไคโรประเทศอียิปต์ ครั้งแรกที่เอ็กซ์เรย์ของแม่มาในปี 1903 เมื่ออาจารย์กราฟตันเอลเลียตสมิ ธ และโฮเวิร์ดคาร์เตอร์ใช้เพียงเครื่องเอ็กซ์เรย์ในกรุงไคโรในเวลาในการตรวจสอบร่างกายตายซากของโมส IV. [12] อังกฤษเคมีอัลเฟรดลูคัสใช้สารเคมี การวิเคราะห์มัมมี่อียิปต์ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ซึ่งผลลัพธ์จำนวนมากเกี่ยวกับชนิดของสารที่ใช้ในการแต่งศพ ลูคัสยังได้มีส่วนร่วมสำคัญในการวิเคราะห์ Tutankhamun ใน 1922 [13] การศึกษาพยาธิสภาพของมัมมี่เห็นที่แตกต่างกันในระดับของความนิยมตลอดศตวรรษที่ 20. [14] ในปี 1992 การประชุม World Congress ครั้งแรกที่คุณแม่มีการศึกษาที่จัดขึ้นใน Puerto de la Cruz ใน Tenerife ในหมู่เกาะคานารี กว่า 300 นักวิทยาศาสตร์เข้าร่วมการประชุมที่จะร่วมกันเกือบ 100 ปีของข้อมูลที่รวบรวมไว้ในมัมมี่ ข้อมูลที่นำเสนอในที่ประชุมจะก่อให้เกิดคลื่นใหม่ของความสนใจในเรื่องที่มีหนึ่งในผลที่สำคัญเป็นการบูรณาการข้อมูลทางการแพทย์และ bioarchaeological ในมัมมี่ที่มีอยู่กับฐานข้อมูล นี้เป็นไปไม่ได้ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์เกิดจากการใช้เทคนิคที่ไม่ซ้ำกันและความเชี่ยวชาญสูงจำเป็นต้องใช้ในการรวบรวมข้อมูลดังกล่าว. [15] ในปีที่ผ่านมากขึ้นสแกน CT ได้กลายเป็นเครื่องมือที่ทรงคุณค่าในการศึกษาของมัมมี่โดยการอนุญาตให้นักวิจัยที่จะดิจิทัล "แกะ" มัมมี่โดยไม่ต้องเสี่ยงให้เกิดความเสียหายต่อร่างกาย. [16] ระดับของรายละเอียดในการสแกนดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนที่ผ้าปูที่นอนผ้าขนาดเล็กที่ใช้ในพื้นที่เล็ก ๆ เช่นจมูกสามารถสร้างขึ้นใหม่ในระบบดิจิตอล 3 มิติ. [17] การสร้างแบบจำลองดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้ในการ ดำเนินการชันสูตรศพดิจิตอลบนมัมมี่เพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตและการดำเนินชีวิตเช่นในกรณีของ Tutankhamun

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในขณะที่ความสนใจในการศึกษามัมมี่วันที่ไกลกลับเป็น Ptolemaic กรีซส่วนใหญ่มีโครงสร้างทางวิทยาศาสตร์ศึกษาเริ่มที่จุดเริ่มต้นของศตวรรษที่ 20 [ 10 ] ก่อนนี้หลายค้นพบมัมมี่ถูกขายเป็นวิทยากร หรือใช้ใน pseudoscientific novelties เช่น mummia [ 11 ] ครั้งแรกที่สอบทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ของมัมมี่เริ่มขึ้นใน 1901ดำเนินการโดยอาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษ รัฐบาลโรงเรียนแพทย์ในไคโร , อียิปต์ รังสีแรกของมัมมี่มาในปี 1903 เมื่อศาสตราจารย์ Grafton เอลเลียตสมิ ธและ โฮเวิร์ด คาร์เตอร์ ใช้เครื่องเอกซเรย์ในไคโรที่เวลาทดสอบสำคัญร่างกายของทัตโมส iv [ 12 ] นักเคมีชาวอังกฤษอัลเฟรด ลูคัส เคมีประยุกต์เพื่อวิเคราะห์มัมมี่อียิปต์ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ที่ส่งกลับผลลัพธ์มากเกี่ยวกับชนิดของสารที่ใช้ดองศพ . ลูคัสยังให้ความสำคัญต่อการวิเคราะห์ของ Tutankhamun ใน 1922 [ 13 ]

มีส่วนร่วมของมัมมี่เห็นแตกต่างระดับของความนิยมตลอดศตวรรษที่ 20 [ 14 ] ใน 1992 , รัฐสภาโลกครั้งแรกในมัมมี่การศึกษาที่จัดขึ้นใน Puerto de la Cruz ใน Tenerife ใน Canary Islandsมากกว่า 300 นักวิทยาศาสตร์เข้าร่วมประชุมรัฐสภาร่วมกันเกือบ 100 ปีของข้อมูลที่รวบรวมเกี่ยวกับมัมมี่ ข้อมูลที่นำเสนอในการประชุมกระตุ้นกระแสใหม่ที่น่าสนใจ ในเรื่องที่มีหนึ่งหลักผลการบูรณาการการแพทย์ และ bioarchaeological ข้อมูลเกี่ยวกับมัมมี่กับฐานข้อมูลที่มีอยู่นี้ไม่ได้ก่อนรัฐสภาเนื่องจากเอกลักษณ์และความเชี่ยวชาญสูงเทคนิคต้องรวบรวมข้อมูลดังกล่าว . [ 15 ]

ใน ปี ล่าสุด สแกน CT ได้กลายเป็นเครื่องมือที่ทรงคุณค่าในการศึกษาเป็นมัมมี่ โดยให้นักวิจัยที่จะเซ็นชื่อแบบดิจิทัล " แกะ " มัมมี่ โดยไม่สร้างความเสียหายให้กับร่างกาย[ 16 ] ระดับของรายละเอียดในการสแกนดังกล่าวจึงซับซ้อนที่ผ้าขนาดเล็กที่ใช้ในพื้นที่เล็กๆ เช่น จมูกสามารถเซ็นชื่อแบบดิจิทัลที่สร้างใน 3-D [ 17 ] เช่นแบบจำลองได้ถูกใช้เพื่อทำการชันสูตรศพดิจิตอลบนมัมมี่ เพื่อหาสาเหตุการตาย และไลฟ์สไตล์ เช่นในกรณีของ Tutankhamun