StimulantsUse of either prescribed

Stimulants
Use of either prescribed or nonprescribed stimulants is a
growing problem in young adults. The most commonly
reported reason is to “stay awake to study” or increase
concentration. 44 Students may utilize these drugs more
than age-matched non-students. 45 A survey at 119 colleges
and universities across the US found a 6.9% lifetime
prevalence for the use of stimulants. 46 Other studies show
prevalence as high as 14%. 44,47 Men are more likely than
women to use stimulants, as well as caffeine and energy
drinks. Nonprescribed use of stimulants is associated with
increased use of alcohol, cocaine, and marijuana. 46 Not all
stimulant use is illicit, as between 2%–8% of college students’
self-reported symptoms are consistent with attention deficit
hyperactivity disorder (ADHD). 48 However, when parents of
college students were asked to report such symptoms in their

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สารกระตุ้นใช้สารกระตุ้นกำหนด หรือ nonprescribed เป็นการปัญหาที่เพิ่มขึ้นในคนหนุ่มสาว กันมากที่สุดรายงานเหตุผลคือการ "ตื่นเพื่อศึกษา" มากขึ้นความเข้มข้น นักเรียน 44 อาจใช้ยาเหล่านี้มากขึ้นกว่าตรงอายุไม่นักเรียน 45 การสำรวจที่ 119 วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาพบว่าอายุการใช้งาน 6.9%ชุกสำหรับการใช้สารกระตุ้น 46 อื่น ๆ ศึกษาแสดงความชุกสูงถึง 14% 44,47 ผู้ชายมีแนวโน้มมากกว่าผู้หญิงการใช้ สารกระตุ้น เช่นเดียวกับคาเฟอี นและพลังงานเครื่องดื่ม การใช้สารกระตุ้น nonprescribed เชื่อมโยงด้วยใช้เพิ่มขึ้นของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โคเคน และกัญชา 46 ไม่ทั้งหมดใช้กระตุ้นอยู่ผิดกฎหมาย ระหว่าง 2 – 8 ร้อยละของนักศึกษาวิทยาลัยตนเองรายงานอาการเดียวกันกับการขาดความสนใจโรคสมาธิสั้น (สมาธิสั้น) 48 อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ปกครองของนักศึกษาวิทยาลัยขอให้อาการดังกล่าวในรายงานของพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กระตุ้น
การใช้สารกระตุ้นอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่กำหนดหรือ nonprescribed เป็น
ปัญหาการเจริญเติบโตในผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาว มากที่สุดโดยทั่วไป
เหตุผลที่รายงานคือการ "ตื่นนอนเพื่อการศึกษา" หรือเพิ่ม
ความเข้มข้น 44 นักเรียนอาจใช้ยาเหล่านี้มากขึ้น
กว่าอายุที่จับคู่ที่ไม่ใช่นักศึกษา 45 การสำรวจที่ 119 วิทยาลัย
และมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐอเมริกาพบว่าอายุการใช้งาน 6.9%
อัตราความชุกของการใช้สารกระตุ้น 46 การศึกษาอื่น ๆ แสดง
ความชุกสูงที่สุดเท่าที่ 14% 44,47 ผู้ชายมีแนวโน้มมากกว่า
ผู้หญิงที่จะใช้สารกระตุ้นเช่นเดียวกับคาเฟอีนและพลังงาน
เครื่องดื่ม การใช้สารกระตุ้น Nonprescribed มีความเกี่ยวข้องกับ
การใช้งานที่เพิ่มขึ้นของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โคเคนและกัญชา 46 ไม่ได้ทุก
การใช้สารกระตุ้นเป็นที่ผิดกฎหมายระหว่าง 2% -8% ของนักศึกษา '
อาการตนเองรายงานมีความสอดคล้องกับความสนใจการขาดดุล
โรคสมาธิสั้น (ADHD) 48 แต่เมื่อพ่อแม่ของ
นักศึกษาที่ถูกถามในการรายงานอาการดังกล่าวในของพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กระตุ้นให้ใช้ที่กำหนดไว้หรือ nonprescribed กระตุ้นคือปัญหาที่เพิ่มขึ้นในผู้ใหญ่ มากที่สุดโดยทั่วไปรายงานว่า เหตุผลคือ " ตื่นตัวที่จะศึกษา " หรือเพิ่มสมาธิ 44 คน อาจใช้ยาเหล่านี้มากขึ้นกว่า age-matched นักเรียนไม่ 45 สำรวจที่ 119 วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐพบ 6.9 % อายุการใช้งานความชุกของการใช้สารกระตุ้น . แสดง 46 การศึกษาอื่น ๆความชุกสูงเท่ากับ 14 % 44,47 ผู้ชายมีแนวโน้มมากกว่าผู้หญิงใช้ stimulants ตลอดจนคาเฟอีนและพลังงานเครื่องดื่ม nonprescribed ใช้สารกระตุ้นมีความเกี่ยวข้องกับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นของแอลกอฮอล์ โคเคน และกัญชา ไม่ใช่ทั้งหมดใช้ยากระตุ้นอยู่นอกกฎหมาย ระหว่างร้อยละ 2 – 8 % ของนักศึกษาวิทยาลัย "self-reported สอดคล้องกับสมาธิสั้นอาการความผิดปกติของสมาธิสั้น ( ADHD ) 48 อย่างไรก็ตาม เมื่อพ่อแม่ของนักศึกษาวิทยาลัยได้ขอให้รายงานอาการดังกล่าวในพวกเขา