Our study focuses on a case study c

Our study focuses on a case study company of medium-sized pasteurized milk plants located in central Thailand. Its supply chain stakeholders are farmers, local third party logistics providers who collect and deliver raw milk from several farms to a collecting point, collecting centres (which have a contract according to the milk board agreement), a processing plant, retailers, schools and consumers who directly buy from a plant, as shown in Figure 1. Our objectives are to explore the current supply chain and increase the productivity of the production process. The current production process is shown in Figure 2. The process begins with weighing raw material and mixing it in a tank. Then, the mixed milk is pasteurized and homogenized in a tank at a certain capacity. Next, the filler machine fills pasteurized milk and packs it in a plastic bag. Then, the worker will count 50 packs and pack those in a big plastic bag for convenient handling and delivery. Finally, the product will be kept in temperature-controlled rooms at under 8 degrees Celsius until it is delivered to customers. The productivity improvement focused on in this company is line balancing (LB). In food processing plants, the production cycle time is based on worker pace, machine speed and conveyor speed. In the assembly line, there are several stations that are composed of particular tasks. The original line balancing problem was developed to be cost efficient for mass production of standardised products (Boysen et al., 2007). The concept was to design or group tasks in workstations so that the work force (the number of station) is minimised, or the output rate is maximised, which is equal to minimised cycle time. Line balancing methods attempt to allocate equal amounts of time for each worker so that the production flows smoothly without long waiting times (Bhattacharjee and Sahu, 1987). Several researchers proposed algorithms to look for optimal solutions of LB (Padron et al., 2009; Becker and Scholl, 2004). The traditional methods of assembly line balancing assumed that production task time is constant, which
is not realistic (Das et al., 2010). In labour intensive production processes, the task time is uncertain since it depends on the skill of each employee, work environment, fatigue, etc. Shin and Min (1991) and Das et al. (2010) studied line balancing when the task time is varied. Then, to reduce the waiting time of other stations other than the bottleneck, the station can implement the ECRS concept, which stands for Eliminate, Combine, Rearrange and Simplify (Al-Saleh, 2011; Ongkunaruk and Wongsatit, 2014; Sane et al., 2014) In a labour intensive industry like the agro-industry, line balancing could save labour costs and increase productivity, as studied by Ongkunaruk and Wongsatit (2014). They analysed the time study of the pre-cooking process at a frozen chicken company and proposed to improve the productivity by integrating ECRS and line balancing concepts. After identifying the bottleneck operation, the number of workers in each station was adjusted so that the waiting time was reduced. In addition, they combined two stations and simplified chicken transportation by using carts instead of walking. After implementing the proposed methods, the line efficiency was increased to 94.20%, and labour and labour costs were reduced.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เราเน้นบริษัทกรณีศึกษาของโรงงานนมพาสเจอร์ไรส์ขนาดกลางตั้งอยู่ในภาคกลาง เสียของห่วงโซ่อุปทานเป็นเกษตรกร ผู้ให้บริการโลจิสติกส์บุคคลที่สามภายในที่รวบรวม และจัดส่งน้ำนมดิบจากฟาร์มหลายจุดสะสม รวบรวมศูนย์ (ซึ่งมีสัญญาตามข้อตกลงของคณะกรรมการนม), โรงงานแปรรูป ร้านค้าปลีก โรงเรียน และผู้บริโภคที่ซื้อโดยตรงจากโรงงาน ดังแสดงในรูปที่ 1 วัตถุประสงค์ของเราคือจะ ได้โซ่ปัจจุบัน และเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต กระบวนการผลิตปัจจุบันจะแสดงในรูปที่ 2 กระบวนการเริ่มต้น ด้วยการชั่งวัตถุดิบ และผสมในถัง นมผสมเป็น pasteurized แล้ว homogenized เป็นกลุ่มในถังที่ความจุ เครื่องฟิลเลอร์เติมนมพาสเจอร์ไรส์ และแพ็คในถุงพลาสติก แล้ว ผู้ปฏิบัติงานจะนับจำนวน 50 ชุด และบรรจุในถุงพลาสติกขนาดใหญ่สำหรับการจัดการโรงแรมและการจัดส่ง ในที่สุด ผลิตภัณฑ์จะถูกเก็บไว้ในห้องที่ควบคุมอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 8 องศาเซลเซียสจนกว่าจะถูกส่งไปยังลูกค้า ปรับปรุงการผลิตที่เน้นในบริษัทนี้คือ บรรทัดดุล (ปอนด์) ในโรงงานแปรรูปอาหาร การผลิตรอบเวลาจะขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติงานก้าว ความเร็วของเครื่อง และความเร็วสายพานลำเลียง ในสายการประกอบ มีหลายสถานีที่ประกอบด้วยงานบางอย่าง รายการเดิมที่สมดุลปัญหาได้รับการพัฒนาให้เป็นต้นทุนที่มีประสิทธิภาพสำหรับการผลิตจำนวนมากของแบบผลิตภัณฑ์ (Boysen et al., 2007) แนวคิดคือการออกแบบหรือกลุ่มงานในเวิร์กสเตชันเพื่อ ให้กระบวนการแรงงาน (จำนวนสถานี) อัตราผลผลิตคือ maximised ซึ่งมีค่าเท่ากับระยะเวลาวงจรกระบวน บรรทัดดุลวิธีพยายามจัดสรรจำนวนเท่าของเวลาสำหรับแต่ละผู้ปฏิบัติงานเพื่อให้การผลิตไหลได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องรอนานเวลา (Bhattacharjee และ Sahu, 1987) หลายนักวิจัยเสนออัลกอริทึมการค้นหาโซลูชั่นที่ดีที่สุดปอนด์ (Padron et al., 2009 Becker และรองเท้าสกอลล์ 2004) วิธีการแบบดั้งเดิมของแอสเซมบลีบรรทัดดุลสันนิษฐานว่าเวลางานผลิตคง ที่ is not realistic (Das et al., 2010). In labour intensive production processes, the task time is uncertain since it depends on the skill of each employee, work environment, fatigue, etc. Shin and Min (1991) and Das et al. (2010) studied line balancing when the task time is varied. Then, to reduce the waiting time of other stations other than the bottleneck, the station can implement the ECRS concept, which stands for Eliminate, Combine, Rearrange and Simplify (Al-Saleh, 2011; Ongkunaruk and Wongsatit, 2014; Sane et al., 2014) In a labour intensive industry like the agro-industry, line balancing could save labour costs and increase productivity, as studied by Ongkunaruk and Wongsatit (2014). They analysed the time study of the pre-cooking process at a frozen chicken company and proposed to improve the productivity by integrating ECRS and line balancing concepts. After identifying the bottleneck operation, the number of workers in each station was adjusted so that the waiting time was reduced. In addition, they combined two stations and simplified chicken transportation by using carts instead of walking. After implementing the proposed methods, the line efficiency was increased to 94.20%, and labour and labour costs were reduced.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาของเรามุ่งเน้นไปที่ บริษัท กรณีศึกษาขนาดกลางพืชนมพาสเจอร์ไรส์ที่ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศไทย ผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่อุปทานของตนเป็นเกษตรกรผู้ให้บริการท้องถิ่นจิสติกส์บุคคลที่สามที่รวบรวมและจัดส่งน้ำนมดิบจากฟาร์มหลายไปยังจุดที่การจัดเก็บภาษีที่เก็บรวบรวมศูนย์ (ซึ่งมีการทำสัญญาตามสัญญาคณะกรรมการนม) โรงงานแปรรูปที่ร้านค้าปลีกโรงเรียนและผู้บริโภค โดยตรงที่ซื้อจากโรงงานดังแสดงในรูปที่ 1 วัตถุประสงค์ของเรามีการสำรวจห่วงโซ่อุปทานในปัจจุบันและเพิ่มผลผลิตของกระบวนการผลิต ขั้นตอนการผลิตในปัจจุบันจะแสดงในรูปที่ 2 กระบวนการเริ่มต้นด้วยการชั่งน้ำหนักวัตถุดิบและผสมในถัง แล้วนมพาสเจอร์ไรส์ผสมและปั่นในถังที่มีความจุบางอย่าง ถัดไปเครื่องบรรจุนมพาสเจอร์ไรส์เติมและแพ็คไว้ในถุงพลาสติก จากนั้นคนงานจะนับ 50 แพ็คแพ็คและผู้ที่อยู่ในถุงพลาสติกขนาดใหญ่สำหรับการจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกและการส่งมอบ ในที่สุดสินค้าจะถูกเก็บไว้ในห้องควบคุมอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 8 องศาเซลเซียสจนกว่าจะมีการส่งมอบให้กับลูกค้า การปรับปรุงการผลิตที่เน้นใน บริษัท นี้สายสมดุล (LB) ในโรงงานแปรรูปอาหารรอบเวลาการผลิตจะขึ้นอยู่กับคนงานก้าวความเร็วเครื่องและความเร็วในการลำเลียง ในสายการผลิตที่มีหลายสถานีที่มีองค์ประกอบของงานโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สายเดิมสมดุลปัญหาถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพสำหรับการผลิตมวลของผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน (Boysen et al., 2007) แนวคิดก็คือการออกแบบหรืองานในกลุ่มเวิร์คสเตชั่เพื่อให้แรงงาน (จำนวนสถานี) จะลดลงหรืออัตราการส่งออกจะขยายใหญ่สุดซึ่งเท่ากับรอบเวลาลดลง วิธีการสมดุลสายการพยายามที่จะจัดสรรปริมาณที่เท่ากันของเวลาสำหรับคนงานแต่ละคนเพื่อให้การผลิตไหลได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องรอเวลานาน (Bhattacharjee และ Sahu, 1987) นักวิจัยหลายเสนอขั้นตอนวิธีการที่จะมองหาโซลูชั่นที่ดีที่สุดของ LB (Padron et al, 2009;. เบกเกอร์และ Scholl, 2004) วิธีการแบบดั้งเดิมของสมดุลสายการประกอบสันนิษฐานว่าเวลางานการผลิตคงที่ซึ่งไม่เป็นจริง (ดา et al., 2010)
ในกระบวนการผลิตแรงงานเข้มข้นเวลางานที่มีความไม่แน่นอนเพราะมันขึ้นอยู่กับฝีมือของพนักงานแต่ละคนสภาพแวดล้อมการทำงาน, ความเมื่อยล้า ฯลฯ ชินและมิน (1991) และดาสและอัล (2010) ศึกษาสมดุลสายเมื่อถึงเวลางานที่แตกต่างกัน จากนั้นจะลดเวลาที่รอคอยของสถานีอื่น ๆ นอกเหนือจากคอขวดที่สถานีสามารถใช้แนวคิด ECRS ซึ่งย่อมากำจัด, เครื่องมือ, การจัดเรียงและลดความซับซ้อน (Saleh Al-2011; Ongkunaruk และ Wongsatit 2014; เสน et al, 2014) ในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานสูงเช่นอุตสาหกรรมเกษตรสมดุลสายจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายแรงงานและเพิ่มผลผลิตเช่นการศึกษาโดย Ongkunaruk และ Wongsatit (2014) พวกเขาวิเคราะห์การศึกษาเวลาของกระบวนการก่อนการปรุงอาหารที่ บริษัท ไก่สดแช่แข็งและเสนอที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตโดยรวม ECRS และแนวคิดสมดุลสาย หลังจากระบุคอขวดการดำเนินการจำนวนของคนงานในแต่ละสถานีมีการปรับเพื่อให้เวลาที่รอคอยก็ลดลง นอกจากนี้พวกเขารวมทั้งสองสถานีและการขนส่งไก่ง่ายโดยใช้รถแทนการเดิน หลังจากการใช้วิธีการที่นำเสนอประสิทธิภาพของสายเพิ่มขึ้นเป็น 94.20% และค่าใช้จ่ายแรงงานและแรงงานลดลง