ด้านศาสนา ปรัชญา วัฒนธรรม รุ่งเรืองสุดขีดในยุคถังไท่จง ถังไท่จงได้ยกย่องขงจื้อ เป็นมหาปราชญ์ประจำชาติ กำหนดให้การสอบจอหงวน ต้องสอบผ่านข้อเขียนตามบัญญัติของขงจื้อ ถังไท่จง มีแซ่หลี่ ซึ่งเป็นแซ่เดียว กับ หลี่เอ๋อ หรือเล่าจื้อ เจ้าสำนักเต๋าแบบปรัชญา พระองค์จึงได้ยกย่องลัทธิเต๋าแบบปรัชญาให้มีฐานะเสมอลัทธิขงจื้อ และทุกท่านรวมถึงผมด้วยต้องเคยดู ไซอิ๋ว ทั้งที่ออกมาเป็นละครเป็นภาพยนตร์ พระถังซัมจังในไซอิ๋ว เนี่ยละครับ ที่เอามาจากยุคของถังไท่จง พระถังซัมจัง ได้เดินทางไปถึงชมพูทวีปดินแดนเกิดของพุทธศาสนา และได้กลับมาสะสางแปลพระธรรมคัมภีร์จากภาษาสันสกฤตเป็นภาษาจีน รวม 1,335 ม้วน เสร็จแล้วได้นำขึ้นถวายให้ถังไท่จงทอดพระเนตร ซึ่งถังไท่จงได้พระราชนิพนธ์คำยกย่องพระคัมภีร์นี้ด้วย และยังทรงเคารพนับถือพระถังซัมจังอย่างสูงยิ่ง อีกทั้งถังไท่จงยังส่งเสริมพุทธศาสนาด้วย ทำให้พุทธศาสนารุ่งเรืองในจีนอย่างมากในยุคนี้
.
ด้านการต่างประเทศ ไม่พูดถึงก็ไม่ได้เลยนะครับ สมัยถังไท่จงนั้น กษัตริย์หลายอาณาจักรหลายแว่นแคว้นต่างยกย่องให้ถังไท่จง เป็นเทียนข่าน กษัตริย์ที่เหนือกว่ากษัตริย์ทุกองค์ จนมีคำกล่าวที่ว่า “มีถนนถึงฉางอานทุกแห่งหน” การทำศึกสงครามกับชนนอกด่านนั้นไม่ได้ใช้แต่กำลังอย่างเดียวเหมือนในสมัยที่ผ่านมาแต่ยังใช้ไม้อ่อนและการเชื่อมสัมพันธไมตรีด้วย วิธีการเชื่อมสัมพันธไมตรีอย่างหนึ่ง คือ การเป็นทองแผ่นเดียวกัน ด้วยความรุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรมของจีนยุคถังไท่จง จึงทำให้บรรดากษัตริย์จากอาณาจักรต่างๆ กว่า 70 อาณาจักรในยุคนั้น ส่งลูกหลานเข้ามารับการศึกษาในราชสำนักถังอย่างคึกคัก จีนยุคถังไท่จงจึงเสมือนเป็นศูนย์กลางของโลกอย่างแท้จริง