The findings revealed that most of

The findings revealed that most of the students held alternative conceptions of heat and temperature. Many students were confused of the concepts of heat and temperature and could not explain the differences between heat and temperature. Some students still regard that the words “heat” and “temperature” are the same things. This finding was likely similar to the work by Kesidou and Duit (1993), Elwan (2007). which pointed out students’ difficulties in distinctions between heat and temperature in the extensive–intensive framework. Additionally, many students held alternative conceptions that heat depend on the temperature of the object only because they viewed that higher temperature objects would have more heat energy. Heat capacity and specific heat capacity were often poorly differentiated in student’s mind as reported by Van Roon et al. (1994). Many students could not predict the final temperature when two samples at different temperatures are mixed. However, most of them understand that the final temperature cannot be higher than the temperature of two samples before mixing. Students could use the formulae, Q=mcΔt, to find out the amount of heat energy. However, they did not consider the value of specific heat capacity as a factor of temperature changing of the object. Sometimes, many students could give the correct answers but their reasons could not support their answers. This finding showed that the students were able to use formulae and solve the theoretical or mathematical problems, but they did not understand concepts underlying the formulae. Students could make sense with the concrete situation, closely with their life experiences, but they could not link what they had learned in physics classrooms with their experiences. One of the most important concepts that many students held alternative conceptions was thermal equilibrium. Gender did not account for a significant portion of the variation in achievement of heat and temperature concepts, the interaction between gender and treatment did. Similar findings were obtained by Başer (1996).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผลการวิจัยเปิดเผยว่า ส่วนใหญ่นักเรียนที่จัด conceptions ทางเลือกของความร้อนและอุณหภูมิ นักเรียนหลายคนที่สับสนของแนวคิดของความร้อนและอุณหภูมิ และสามารถอธิบายความแตกต่างระหว่างความร้อนและอุณหภูมิ นักเรียนบางคนยังสัมมาคารวะว่า คำ "ความร้อน" และ "อุณหภูมิ" เป็นสิ่งเดียวกัน ค้นหานี้มีแนวโน้มที่คล้ายกับการทำงานโดย Kesidou และ Duit (1993), Elwan (2007) ซึ่งชี้ให้เห็นความยากลำบากของนักเรียนในความแตกต่างระหว่างความร้อนและอุณหภูมิในกรอบมาก – มากมาย นอกจากนี้ นักเรียนจำนวนมากขึ้น conceptions อื่นที่ความร้อนขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของวัตถุเนื่องจากพวกเขาดูที่วัตถุอุณหภูมิสูงจะมีพลังงานความร้อนมากขึ้น ความร้อนจำเพาะและความจุความร้อนเฉพาะของถูกมักไม่ดีแยกแยะในจิตใจของนักเรียนเป็นรายงานโดยแวน Roon et al. (1994) นักเรียนหลายคนสามารถทำนายอุณหภูมิสุดท้ายเมื่อผสมกันสองตัวอย่างที่อุณหภูมิแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า อุณหภูมิสุดท้ายต้องไม่สูงกว่าอุณหภูมิของตัวอย่างที่สองนำมาผสม นักเรียนสามารถใช้สูตร Q = mcΔt การหาปริมาณพลังงานความร้อนได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้พิจารณาค่าความจุความร้อนเฉพาะเป็นปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของวัตถุ บางครั้ง นักเรียนจำนวนมากสามารถให้คำตอบที่ถูกต้อง แต่เหตุผลของพวกเขาไม่สนับสนุนคำตอบของพวกเขา ค้นหานี้แสดงให้เห็นว่า นักเรียนมีความสามารถในการใช้สูตร และแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ หรือทฤษฎี แต่พวกเขาไม่เข้าใจแนวคิดต้นแบบสูตร นักเรียนอาจเหมาะสมกับสถานการณ์คอนกรีต ใกล้ชิดกับประสบการณ์ชีวิตของพวกเขา แต่พวกเขาสามารถเชื่อมโยงสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ในห้องเรียนฟิสิกส์กับประสบการณ์ของพวกเขา แนวคิดสำคัญที่ว่า นักเรียนจำนวนมากจัดขึ้น conceptions อื่นอย่างใดอย่างหนึ่งถูกสมดุลความร้อน เพศไม่ได้บัญชีสำหรับเป็นส่วนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในความสำเร็จของความร้อน และอุณหภูมิแนวคิด การโต้ตอบระหว่างเพศและรักษาไม่ได้ พบคล้ายได้รับ โดย Başer (1996)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลการวิจัยพบว่านักเรียนส่วนใหญ่ที่จัดขึ้นมโนทัศน์ทางเลือกของความร้อนและอุณหภูมิ นักเรียนหลายคนสับสนของแนวความคิดของความร้อนและอุณหภูมิและไม่สามารถอธิบายความแตกต่างระหว่างความร้อนและอุณหภูมิ นักเรียนบางคนก็ยังคงถือได้ว่าคำว่า "ร้อน" และ "อุณหภูมิ" เป็นสิ่งเดียวกัน การค้นพบนี้ก็น่าจะคล้ายกับการทำงานโดย Kesidou และ Duit (1993), Elwan (2007) ซึ่งชี้ให้เห็นความยากลำบากของนักเรียนในความแตกต่างระหว่างความร้อนและอุณหภูมิในกรอบที่กว้างขวางมาก นอกจากนี้นักเรียนหลายคนจัดมโนทัศน์ทางเลือกที่ความร้อนขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของวัตถุเพียงเพราะพวกเขามองว่าวัตถุอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะมีพลังงานความร้อนมากขึ้น ความจุความร้อนและความจุความร้อนที่เฉพาะเจาะจงมักจะแตกต่างกันได้ไม่ดีในใจของนักเรียนตามที่รายงานโดยรถตู้ตำหนักและคณะ (1994) นักเรียนหลายคนไม่สามารถคาดการณ์อุณหภูมิสุดท้ายเมื่อสองตัวอย่างที่อุณหภูมิที่แตกต่างกันจะมีการผสม แต่ส่วนใหญ่ของพวกเขาเข้าใจว่าอุณหภูมิสุดท้ายไม่สามารถจะสูงกว่าอุณหภูมิของทั้งสองตัวอย่างก่อนผสม นักเรียนสามารถใช้สูตร Q = mcΔtเพื่อหาปริมาณของพลังงานความร้อน แต่พวกเขาไม่ได้พิจารณามูลค่าของความจุความร้อนที่เฉพาะเจาะจงเป็นปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของวัตถุ บางครั้งนักเรียนหลายคนอาจจะให้คำตอบที่ถูกต้อง แต่เหตุผลของพวกเขาไม่ได้รับการสนับสนุนคำตอบของพวกเขา การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่านักเรียนมีความสามารถในการใช้สูตรและแก้ปัญหาทางทฤษฎีหรือทางคณิตศาสตร์ แต่พวกเขาไม่ได้เข้าใจแนวคิดพื้นฐานสูตร นักเรียนจะทำให้ความรู้สึกกับสถานการณ์ที่เป็นรูปธรรมอย่างใกล้ชิดกับประสบการณ์ชีวิตของพวกเขา แต่พวกเขาไม่สามารถเชื่อมโยงสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ในห้องเรียนฟิสิกส์กับประสบการณ์ของพวกเขา หนึ่งในแนวคิดที่สำคัญที่สุดที่นักเรียนจำนวนมากจัดขึ้นมโนทัศน์ทางเลือกที่เป็นสมดุลความร้อน เพศไม่ได้คิดเป็นส่วนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในความสำเร็จของแนวคิดความร้อนและอุณหภูมิปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพศและการรักษาได้ การค้นพบที่คล้ายกันที่ได้จากBaşer (1996)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผลการวิจัยพบว่านักเรียนส่วนใหญ่จัดมโนมติเรื่องของความร้อนและอุณหภูมิ นักเรียนหลายคนมีความสับสนเกี่ยวกับแนวคิดของความร้อนและอุณหภูมิ และสามารถอธิบายความแตกต่างระหว่าง ความร้อนและอุณหภูมิ นักเรียนบางคนยังถือว่าคำ " ความร้อน " และ " อุณหภูมิ " เป็นสิ่งเดียวกันการค้นหานี้จะคล้ายกับการทำงานโดย kesidou และ duit ( 1993 ) , elwan ( 2007 ) ซึ่งชี้ให้เห็นปัญหาของนักศึกษาในความแตกต่างระหว่าง ความร้อนและอุณหภูมิในอย่างละเอียดและเข้มข้น กรอบ นอกจากนี้นักศึกษาหลายคณะมโนมติที่ความร้อนขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของวัตถุ เพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะเห็นว่าวัตถุมีมากขึ้น ความร้อน พลังงาน ความจุความร้อน และความจุความร้อนมักจะถูกการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ดีในจิตใจของนักเรียน รายงานโดย แวนรูน et al . ( 1994 )นักเรียนหลายคนไม่สามารถทำนายอุณหภูมิสุดท้ายเมื่อสองตัวอย่างที่อุณหภูมิต่างกัน จะผสม แต่ส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่สามารถเข้าใจที่อุณหภูมิสุดท้ายจะสูงกว่าอุณหภูมิของทั้งสองตัวอย่างก่อนผสม นักเรียนสามารถใช้สูตร Q = MC Δ T เพื่อหาปริมาณของพลังงานความร้อน อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่พิจารณาค่าความจุความร้อนเป็นปัจจัยของอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงของวัตถุ บางครั้ง นักเรียนหลายคนสามารถให้คำตอบที่ถูกต้อง แต่เหตุผลของพวกเขาอาจไม่สนับสนุนคำตอบของพวกเขา การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่า นักเรียนสามารถใช้สูตรคำนวณ และแก้ไขปัญหาทางทฤษฎีหรือทางคณิตศาสตร์ แต่พวกเขาไม่เข้าใจแนวคิดพื้นฐานสูตรนักเรียนสามารถให้ความรู้สึกกับสถานการณ์คอนกรีตอย่างใกล้ชิดกับประสบการณ์ชีวิตของพวกเขา แต่พวกเขาไม่สามารถเชื่อมโยงสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ในชั้นเรียนฟิสิกส์ที่มีประสบการณ์ของพวกเขา หนึ่งในแนวคิดที่สำคัญที่สุดที่นักศึกษาหลายคณะมโนมติที่ได้สมดุลทางความร้อนเพศไม่บัญชีสำหรับส่วนที่สำคัญของความแปรปรวนในผลสัมฤทธิ์ของแนวคิดความร้อนและอุณหภูมิ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพศและการทำ ผลที่คล้ายกันได้รับจาก BA เกินเอ้อ ( 1996 )