• move() iterates forward through t

• move() iterates forward through the sequence, whereas move_backward() iterates backward. This difference matters only if the source and destination ranges overlap. – To move a subrange to the front, use move(). Thus, for move(), destBeg should have a position in front of sourceBeg. – To move a subrange to the back, use move_backward(). Thus, for move_backward(), destEnd should have a position after sourceEnd. So,wheneverthethirdargumentis anelementof thesourcerangespecifiedbythefirsttwoargu- ments, use the other algorithm. Note that switching to the other algorithm means that you switch from passing the beginning of the destination range to passing the end. See Section 11.6.1, page 559, for an example that demonstrates the differences for the corresponding copy algo- rithms. • The caller must ensure that the destination range is big enough or that insert iterators are used. • These algorithms are available since C++11. • Complexity: linear (numElems move assignments). The following example demonstrates some simple calls of move(). It is the improved example of algo/copy1.cpp (see Section 11.6.1, page 558), using move() instead of copy() whenever possible:

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

• move() คำนวณซ้ำไป โดยลำดับ ในขณะที่ move_backward() คำนวณซ้ำย้อนหลัง ความแตกต่างนี้สำคัญถ้าเหลื่อมช่วงต้นทางและปลายทางเท่านั้น -การย้ายเป็น subrange หน้า ใช้ move() ดังนั้น สำหรับ move(), destBeg ควรได้ตำแหน่งหน้า sourceBeg -การย้ายเป็น subrange ไปด้านหลัง ใช้ move_backward() ดังนั้น สำหรับ move_backward() destEnd ควรมีตำแหน่งหลัง sourceEnd ดังนั้น wheneverthethirdargumentis anelementof thesourcerangespecifiedbythefirsttwoargu-ments ใช้อัลกอริทึมอื่น ๆ หมายเหตุที่สลับกับอัลกอริทึมอื่น ๆ หมายความ ว่า คุณสลับผ่านจุดเริ่มต้นของช่วงปลายทางจะผ่านจุดสิ้นสุด ดูส่วน 11.6.1 หน้า 559 สำหรับตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างสำหรับเกี่ยวข้องสำเนา algo-rithms •ผู้เรียกต้องแน่ใจว่า ช่วงปลายมีขนาดใหญ่เพียงพอ หรือที่แทรกใช้ iterators •อัลกอริทึมเหล่านี้มีตั้งแต่ C 11 •ความซับซ้อน: เชิงเส้น (numElems ย้ายกำหนด) ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงการเรียกบางอย่างของ move() ตัวอย่างที่ดีของ algo/copy1 ได้cpp (ดูส่วน 11.6.1 หน้า 558), ใช้ move() แทน copy() เมื่อใดก็ ตามที่เป็นไปได้:

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

•ย้าย () iterates ผ่านไปข้างหน้าตามลำดับในขณะที่ move_backward () iterates ย้อนหลัง ความแตกต่างนี้มีความสำคัญเฉพาะในกรณีที่ต้นทางและปลายทางช่วงทับซ้อน - ต้องการย้าย subrange ไปด้านหน้าใช้ย้าย () ดังนั้นสำหรับการย้าย () destBeg ควรจะมีตำแหน่งในด้านหน้าของ sourceBeg - ต้องการย้าย subrange ไปด้านหลังใช้ move_backward () ดังนั้นสำหรับ move_backward () destEnd ควรจะมีตำแหน่งหลังจาก sourceEnd ดังนั้น wheneverthethirdargumentis anelementof thesourcerangespecifiedbythefirsttwoargu ments, ใช้วิธีอื่น ๆ โปรดทราบว่าการเปลี่ยนมาใช้วิธีการอื่น ๆ หมายความว่าคุณเปลี่ยนจากการผ่านจุดเริ่มต้นของช่วงเป้าหมายที่จะผ่านจุดสิ้นสุด ดูมาตรา 11.6.1, หน้า 559 ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างสำหรับสำเนาที่เกี่ยวข้องอัลโก-rithms •โทรต้องให้แน่ใจว่าช่วงปลายทางมีขนาดใหญ่พอหรือว่าใส่ iterators ถูกนำมาใช้ •ขั้นตอนวิธีการเหล่านี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่ C + +11 •ซับซ้อน: เชิงเส้น (numElems ย้ายที่ได้รับมอบหมาย) ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงบางสายง่ายของการย้าย () มันเป็นตัวอย่างที่ดีของ algo/copy1.cpp (ดูมาตรา 11.6.1, หน้า 558) โดยใช้ย้าย () แทนสำเนา () เมื่อใดก็ตามที่เป็นไปได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บริการ move() กล่าวย้ำไปข้างหน้าผ่านลำดับ ในขณะที่ move_backward() กล่าวย้ำ ย้อนหลัง ความแตกต่างที่สำคัญเท่านั้น หากแหล่งที่มาและปลายทางช่วงทับซ้อนกัน และย้าย subrange ด้านหน้าเพื่อใช้ move() . ดังนั้น สำหรับ move() destbeg , ควรมีตำแหน่งในด้านหน้าของ sourcebeg . และย้าย subrange กลับไปใช้ move_backward() . ดังนั้น สำหรับ move_backward() ,destend ควรมีตำแหน่งหลังจาก sourceend . ดังนั้น wheneverthethirdargumentis anelementof thesourcerangespeci จึง edbythe จึง rsttwoargu - ments , ใช้อัลกอริทึมอื่น ๆ ทราบว่าเปลี่ยนอัลกอริทึมอื่น ๆหมายความว่าคุณสลับจากผ่านจุดเริ่มต้นของช่วงปลายทางผ่านจบ ดูส่วน 11.6.1 หน้า 559 , ,สำหรับตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในการคัดลอกที่อัลโก - rithms . แต่ละสายจะต้องมั่นใจว่าช่วงปลายมีขนาดใหญ่พอ หรือใส่ iterators ใช้ - ขั้นตอนวิธีการเหล่านี้มีตั้งแต่ ซี 11 - ความซับซ้อน : เชิงเส้น ( numelems ย้ายงาน ) ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงเรียกง่ายๆของ move() . มันคือการปรับปรุงตัวอย่างของอัลกอ / copy1 .CPP ( ดูมาตรา 11.6.1 หน้า 558 ) โดยใช้ move() แทน
copy() เมื่อใดก็ตามที่เป็นไปได้ :