Late in the evening of Tuesday Octo

Late in the evening of Tuesday October 6, 2009, the world's longest reigning living monarch, King Bhumibol Adulyadej, Rama IX of the Chakri dynasty of Siam, was restless and alone, unsteadily pacing the corridors of Siriraj Hospital on the west bank of the Chao Phraya river that loops and weaves through the unruly urban sprawl of Bangkok. Bhumibol, a revered ruler whose towering influence during six decades on the throne profoundly shaped the character and destiny of modern Thailand, had been admitted to Siriraj on September 19, a few months before his 82nd birthday, with a mild fever and difficulty swallowing. His recovery was complicated by his Parkinson's disease and a possible bout of pneumonia, and there were worrying whispers among well-connected Thais that the king was also sunk in deep depression. Even so, by the first week of October his doctors pronounced him well enough to be discharged to the nearby Chitralada Palace, where he had lived for most of his reign. But Bhumibol declined to go home. He remained at Siriraj, in a 16th floor room in a special section reserved for royal use in one of the hospital's towers. On October 4, a full moon hung in the sky over Siriraj, heralding the start of the holy kathin month in the ancient Theravada Buddhist tradition, an auspicious time for merit making at the end of the rainy season and the beginning the rice harvest. Two nights later, Bhumibol rose from his bed and went for a solitary walk along the quiet hospital corridors. Pausing at a window, he gazed out into the Bangkok night with his one good eye, searching the opposite bank of the Chao Phraya for the golden spires of the Temple of the Emerald Buddha and the Grand Palace, which for more than two centuries, since the founding of the Chakri dynasty, have represented the heart of spiritual and royal power in Thailand. They were shrouded in darkness, lost and invisible in the gloom. Bhumibol sent orders that the lights of the Grand Palace were not to be turned off during the night. He wanted to always be able see it from his hospital on the far side of the river. In Bangkok's frantic jumble of slums and shophouses, luxury high-rise condominiums and decrepit apartment buildings, stretching away to the horizon from Bhumibol's hospital windows, and in the constellations of provincial towns and rural villages beyond, many millions of Thais were anxious and fearful of the future. Millions were angry, too. Thailand was troubled and divided, and Bhumibol's illness seemed to be a reflection of the disorder that afflicted his kingdom, and a disquieting omen of turmoil to come. A decade earlier, brash Chinese-Thai telecoms billionaire Thaksin Shinawatra had launched an unprecedented effort to transform Thai politics with his authoritarian “CEO-style management” of the country. Thaksin had been more spectacularly successful than anyone had expected - so successful that the elderly courtiers and bureaucrats surrounding the king had come to view him as a dangerous rival to Bhumibol and an existential threat to the very survival of the Chakri dynasty. And so Thailand's establishment had turned on Thaksin. The escalating struggle threatened to tear the country apart, exposing deep ideological, social, regional and economic faultlines that belied the official myth of a harmonious and contented “Land of Smiles”. A proud nation that just a few years before had symbolized the emergence of Southeast Asia as a dynamic developing and democratizing region was suddenly flung backwards into conflict, self-doubt and confusion.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในช่วงเย็นของวันอังคาร 6 ตุลาคม 2009 โลกครองราชย์ยาวที่สุดนั่งเล่นโมนาร์ช ภูมิพลอดุลยเดช ๙ ของราชวงศ์จักรีของไทย ได้คน เดียว และสโมสร unsteadily pacing ทางเดินของโรงพยาบาลศิริราชในฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ลูป และทอดผ่านนั่น urban วินัยของกรุงเทพมหานคร ภูมิพล ไม้เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลสูงในช่วงหกทศวรรษบนบัลลังก์ซึ้งรูปอักขระและชะตากรรมของประเทศไทยทันสมัย มีการชมศิริราชวันที่ 19 กันยายน กี่เดือนก่อนของเขาวันเกิด 82 มีไข้อ่อน ๆ และกลืนลำบาก กู้คืนเขาที่ซับซ้อนของโรคและการแข่งขันที่เป็นไปได้ของโรค และมีกังวล whispers ในหมู่คนไทยที่เชื่อมต่อห้องพักที่คิงยังจมหายในโรคซึมเศร้าลึก ถึงกระนั้น โดยสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม หมอเขาออกเสียงเขาดีพอเพื่อจะปล่อยใกล้เคียงธร ซึ่งเขามีอยู่สำหรับส่วนมากของพระองค์ แต่ภูมิพลปฏิเสธที่จะกลับบ้าน เขายังคงอยู่ในศิริราช ในห้องพักชั้น 16 ในส่วนพิเศษที่สงวนไว้สำหรับรอยัลใช้ในอาคารโรงพยาบาล บน 4 ตุลาคม จันทร์เต็มดวงแขวนบนท้องฟ้าผ่านศิริราช heralding เริ่มเดือนงานทอดกฏิศักดิ์สิทธิ์ในพุทธศาสนาเถรวาทอันโบราณ เวลามงคลการทำบุญเมื่อสิ้นสุดฤดูฝนและต้นข้าวเก็บเกี่ยว สองคืนในภายหลัง ภูมิพลจากเตียง และไปเดินเล่นตามทางเดินโรงพยาบาลเงียบปัจเจก หยุดที่หน้าต่าง เขาจ้องออกเป็นกรุงเทพฯ กับเขาดีตา ค้นหาฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาสำหรับยอดแหลมทองของวัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระบรมมหาราชวัง ซึ่งกว่าสองศตวรรษ ตั้งแต่การก่อตั้งราชวงศ์จักรี มีแสดงแห่งจิตวิญญาณ และพระราชอำนาจในประเทศไทย พวกเขามีป่าไม้ในที่มืด สูญหาย และมองไม่เห็นในหยี ภูมิพลส่งใบสั่งที่ไฟพาไม่ไปปิดในตอนกลางคืน เขาต้องการเสมอสามารถดูจากโรงพยาบาลของเขาในด้านของแม่น้ำ ในกรุงเทพฯ jumble คลั่ง slums และห้องแถว คอนโดมิเนียมหรูสูงและอาคารอพาร์ทเมนท์ระอา ยืดออกไปสุดขอบฟ้าของภูมิพลโรงพยาบาล windows และนจังหวัดเมืองและหมู่บ้านชนบทเกิน หลายล้านคนกระตือรือร้น และน่ากลัวในอนาคต ล้านถูกโกรธ เกินไป ประเทศไทยมีปัญหา และ แบ่ง และเจ็บป่วยของภูมิพลดูเหมือนจะ สะท้อนให้เห็นถึงโรคที่ afflicted ราชอาณาจักรของเขา และลาง disquieting ของความวุ่นวายมา ทศวรรษก่อนหน้า brash ไทยจีนแค่สนับสนุนเป็นเศรษฐีทักษิณชินวัตรได้เปิดตัวเป็นประวัติการณ์พยายามแปลงเมืองไทยกับเขาประเทศ "CEO สไตล์การจัดการ" ของประเทศ ทักษิณได้ภาพมากขึ้นประสบความสำเร็จมากกว่าใครได้คาด - เพื่อให้ประสบความสำเร็จที่ courtiers ผู้สูงอายุและ bureaucrats รอบกษัตริย์มาเพื่อดูเขาเป็นคู่แข่งที่อันตรายให้ภูมิพลและเป็นภัยคุกคามต่อการอยู่รอดของราชวงศ์จักรีมาก existential และเพื่อ ก่อตั้งประเทศได้เปิดทักษิณ การต่อสู้ escalating ขู่ฉีกแบ่งประเทศกัน เปิดเผย faultlines ลึกอุดมการณ์ สังคม ภูมิภาค และเศรษฐกิจที่ belied ตำนานอย่างเป็นทางการของความกลมกลืน และพึงพอใจที่ "สยามเมืองยิ้ม" ภูมิใจประเทศที่เพียงไม่กี่ปีก่อนมีรูปเฟืองเกิดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นการพัฒนาแบบไดนามิก และ democratizing ภูมิภาคได้ทันทีส่วนใหญ่ผลิตเป็นความขัดแย้ง สงสัยในตนเอง และความสับสน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปลายในช่วงเย็นวันอังคาร 6 ตุลาคม 2009, ครองราชย์ของพระมหากษัตริย์ของโลกที่ยาวที่สุดในชีวิตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชพระรามเก้าแห่งราชวงศ์จักรีของไทยเป็นกระสับกระส่ายและคนเดียวโทงเทงเดินไปเดินมาทางเดินของโรงพยาบาลศิริราชบนฝั่งตะวันตกของเจ้าพระยา แม่น้ำเจ้าพระยาที่ลูปและแยบยลผ่านแผ่กิ่งก้านสาขาเกเรของกรุงเทพฯ ภูมิพล, ผู้ปกครองที่นับถือที่มีอิทธิพลสูงในระหว่างหกสิบปีบนบัลลังก์อย่างสุดซึ้งรูปตัวอักษรและชะตากรรมของประเทศไทยที่ทันสมัย​​ได้รับการเข้ารับการรักษาศิริราชในวันที่ 19 กันยายนไม่กี่เดือนก่อนวันเกิด 82 ของเขาด้วยไข้อ่อนและกลืนลำบาก การกู้คืนของเขาได้รับความซับซ้อนโดยโรคพาร์กินสันของเขาและการแข่งขันที่เป็นไปได้ของโรคปอดบวมและมีกระซิบกังวลในหมู่คนไทยที่มีต่อพระมหากษัตริย์ที่ยังจมอยู่ในภาวะซึมเศร้าลึกได้ ดังนั้นแม้โดยในสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคมแพทย์ของเขาประกาศว่าเขาดีพอที่จะถูกปล่อยสู่ใกล้เคียงสวนจิตรลดาซึ่งเขาเคยอาศัยอยู่มากที่สุดในรัชสมัยของพระองค์ แต่ภูมิพลปฏิเสธที่จะกลับบ้าน เขายังคงอยู่ที่ศิริราชในห้องพักชั้นที่ 16 ในส่วนพิเศษที่สงวนไว้สำหรับใช้ในพระราชหนึ่งในอาคารของโรงพยาบาล ที่ 4 ตุลาคมพระจันทร์เต็มดวงแขวนอยู่ในท้องฟ้าเหนือศิริราชป่าวประกาศเริ่มต้นของกฐินเดือนศักดิ์สิทธิ์ในสมัย​​โบราณประเพณีเถรวาทพุทธฤกษ์ทำบุญในช่วงปลายฤดูฝนและต้นฤดูเก็บเกี่ยวข้าว สองคืนต่อมาภูมิพลเพิ่มขึ้นจากเตียงของเขาและไปเดินเล่นคนเดียวไปตามทางเดินในโรงพยาบาลที่เงียบสงบ หยุดที่หน้าต่างเขาจ้องมองออกไปในคืนที่กรุงเทพฯด้วยตาของเขาที่ดีหนึ่งในการค้นหาฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำเจ้าพระยาสำหรับยอดทองของวัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระบรมมหาราชวังซึ่งเป็นเวลากว่าสองศตวรรษตั้งแต่ การก่อตั้งราชวงศ์จักรีที่มีการแสดงการเต้นของหัวใจของอำนาจทางจิตวิญญาณและพระราชในประเทศไทย พวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดหายไปและมองไม่เห็นในความเศร้าโศก ภูมิพลส่งคำสั่งว่าไฟของแกรนด์พาเลซที่ไม่ได้ถูกปิดในช่วงกลางคืน เขาต้องการที่จะเสมอจะสามารถมองเห็นได้จากโรงพยาบาลของเขาในอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ ในความสับสนคลั่งกรุงเทพฯของสลัมและร้านค้าหรูหราคอนโดมิเนียมสูงระฟ้าและอาคารอพาร์ทเมนเสื่อมยืดออกไปที่ขอบฟ้าจากภูมิพลของหน้าต่างโรงพยาบาลและในกลุ่มดาวของเมืองจังหวัดและหมู่บ้านชนบทเกินหลายล้านของคนไทยเป็นกังวลและกลัว ในอนาคต ล้านโกรธด้วย ประเทศไทยมีความสุขและแบ่งและความเจ็บป่วยภูมิพลดูเหมือนจะเป็นภาพสะท้อนของความผิดปกติท​​ี่เป็นโรคอาณาจักรของเขาและเป็นลางเค้าลางของความวุ่นวายที่จะมา ทศวรรษก่อนหน้านี้หน้าด้านโทรคมนาคมจีนไทยมหาเศรษฐีทักษิณชินวัตรได้เปิดตัวความพยายามเป็นประวัติการณ์ที่จะเปลี่ยนการเมืองไทยด้วยเผด็จการ "การบริหารจัดการในรูปแบบซีอีโอ" ของเขาของประเทศ ทักษิณเคยประสบความสำเร็จมากขึ้นงดงามกว่าคนคาดว่า - ที่ประสบความสำเร็จเพื่อให้ข้าราชบริพารผู้สูงอายุและข้าราชการรอบกษัตริย์ทรงมาเพื่อดูว่าเขาเป็นคู่แข่งที่อันตรายที่จะภูมิพลและภัยคุกคามที่ดำรงอยู่เพื่อความอยู่รอดมากของราชวงศ์จักรี และเพื่อให้สถานประกอบการของไทยได้เปิดทักษิณ การต่อสู้เพิ่มขึ้นขู่ว่าจะฉีกประเทศออกจากกันเผยให้เห็นอุดมการณ์ faultlines สังคมในระดับภูมิภาคและเศรษฐกิจลึกที่ปฏิเสธตำนานอย่างเป็นทางการของความสามัคคีและเป็นที่พึงพอใจ "ดินแดนแห่งรอยยิ้ม" ประเทศความภาคภูมิใจที่เพียงไม่กี่ปีก่อนที่จะได้เป็นสัญลักษณ์ของการเกิดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในขณะที่การพัฒนาและการ democratizing ภูมิภาคแบบไดนามิกถูกเหวี่ยงไปข้างหลังก็เป็นความขัดแย้งในตัวเองที่มีข้อสงสัยและความสับสน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ปลายในตอนเย็นวันอังคารที่ 6 ตุลาคม 2552 โลกของพระมหากษัตริย์ครองราชย์ยาวนานอยู่ กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรีแห่งสยาม ตื่นเต้นอยู่คนเดียว เซไปเซมา เว้นระยะทางเดินของโรงพยาบาลศิริราช ในฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ลูปและสานผ่าน urban sprawl เกเรของกรุงเทพมหานคร . พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ,เคารพผู้ปกครองที่มีอิทธิพลในช่วง 6 ทศวรรษสูงตระหง่านบนบัลลังก์ซึ่งรูปร่างตัวละครและชะตากรรมของประเทศที่ทันสมัย ได้รับการยอมรับไป ศิริราช เมื่อวันที่ 19 กันยายน ไม่กี่เดือนก่อนวันเกิดประธานาธิบดีของเขา ด้วยพิษไข้ที่ไม่รุนแรงและกลืนลำบาก การกู้คืนของเขาซับซ้อนโดยของเขาโรคพาร์กินสันและการแข่งขันที่เป็นไปได้ของปอดบวมและมีกังวลกระซิบระหว่างเชื่อมต่อได้ดี คนไทยที่ พระราชาก็ยังจมอยู่ในภาวะซึมเศร้าลึก ดังนั้นแม้ โดยในสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม แพทย์ของเขาว่าเขาดีพอที่จะถูกส่งไปที่วังจิตรลดา ซึ่งเขาได้อาศัยอยู่มากที่สุดแห่งรัชกาลของพระองค์ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปฏิเสธที่จะกลับบ้าน เขาอยู่ที่ศิริราชใน ห้องอยู่ชั้น 16 ในส่วนพิเศษที่สงวนไว้สำหรับพระใช้ หนึ่งในอาคารของโรงพยาบาล วันที่ 4 ตุลาคมพระจันทร์เต็มดวงแขวนอยู่เหนือท้องฟ้า ศิริราช ประกาศถึงการเริ่มต้นของเดือนกฐินโบราณศักดิ์สิทธิ์ในพุทธศาสนาเถรวาทประเพณี เป็นฤกษ์ดีสำหรับทำบุญในปลายฤดูฝน และต้นข้าวเก็บเกี่ยว สองคืนต่อมาภูมิพล ลุกขึ้นจากเตียงของเขาและไปโดดเดี่ยว เดินไปตามทางเดินของโรงพยาบาลที่เงียบ หยุดที่หน้าต่าง เขาจ้องมองออกไปในคืนที่กรุงเทพกับเขาสักตา หาฝั่งตรงข้ามของเจ้าพระยาสำหรับยอดแหลมสีทองในวัดพระแก้ว และพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นเวลากว่าสองศตวรรษ นับตั้งแต่การก่อตั้งราชวงศ์จักรีเป็นตัวแทนหัวใจของจิตวิญญาณและพระราชอำนาจในไทย พวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืด สูญหาย และมองไม่เห็นในความสลัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสั่งว่า ไฟของพระบรมมหาราชวังไม่ได้จะปิดในช่วงกลางคืน เขาต้องการเสมอสามารถดูได้จากโรงพยาบาลเขาอีกฟากของแม่น้ำ ในกรุงเทพปั่นป่วนสับสนของชุมชนแออัดและร้านค้า ,คอนโดมิเนียมหรูสูงและอาคารอพาร์ทเม้นเก่า ยืดไปถึงฟ้า จากโรงพยาบาลภูมิพล หน้าต่างและในกลุ่มดาว และหมู่บ้านชนบทที่นอกจากหัวเมืองมากมาย คนไทยหลายล้านคนกำลังกังวลและกลัวอนาคต ล้านก็โกรธเหมือนกัน ประเทศไทยมีปัญหา และแตกแยกกันและความเจ็บป่วยภูมิพลดูจะเป็นภาพสะท้อนของโรคที่ทรมานอาณาจักรของเขา และเริ่มดูไม่ดีของความวุ่นวายที่จะตามมา ทศวรรษก่อนหน้านี้ หน้าด้าน ภาษาจีนไทย Telecoms มหาเศรษฐี ทักษิณ ชินวัตร ได้เปิดตัวความพยายามประวัติการณ์เพื่อแปลงการเมืองไทยกับเผด็จการ " สไตล์ CEO บริหาร " ของประเทศทักษิณได้รับเพิ่มเติมอันที่ประสบความสำเร็จกว่าใครคิด - ประสบความสำเร็จดังนั้นว่าผู้สูงอายุและข้าราชการ ข้าราชบริพาร โดยกษัตริย์เข้ามาดู เขาเป็นคู่แข่งที่อันตรายและภัยคุกคามที่มีอยู่ให้เจริญการอยู่รอดของราชวงศ์จักรี และเพื่อให้ประเทศไทยตั้งหักหลังทักษิณ การต่อสู้ escalating ขู่ว่าจะฉีกประเทศออกจากกันเปิดเผยลึกอุดมการณ์ สังคม ภูมิภาค และเศรษฐกิจ faultlines ที่โกหกเรื่องอย่างเป็นทางการของความสามัคคีและพึงพอใจ " ดินแดนแห่งรอยยิ้ม " ประเทศภูมิใจว่า เพียงไม่กี่ปี ก่อน มีสัญลักษณ์ การเกิดขึ้นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นแบบไดนามิกและเขตพัฒนา democratizing ก็เหวี่ยงถอยหลังเข้าไปในความขัดแย้งที่ตนเองสงสัยและสับสน