Stop the Ivory TradePhoto Ofir Dror

Stop the Ivory Trade
Photo Ofir Drori - LAGA

Illegal ivory seized in Cameroon
Why the ban?

In 1979 there were an estimated 1.3 million African elephants. A decade later, widespread poaching had reduced that figure by more than half. Just 600,000 African elephants remained.

Africa’s savannahs and forests were no longer sanctuaries for elephants; they had been turned into graveyards.

In 1989, a worldwide ban on ivory trade was approved by CITES. Levels of poaching fell dramatically, and black market prices of ivory slumped.

CITES had saved the African elephant. Or had it?
Poaching and trading

Since 1997, there have been sustained attempts by certain countries to weaken the ban. In 1999, Botswana, Namibia and Zimbabwe were allowed an ‘experimental one-off sale’ of over 49,000kg of ivory to Japan. Then in 2002, a further one off-sale was approved, which finally took place in 2008 – and resulted in 105,000kg of ivory being shipped to China and Japan.

Today, levels of poaching and illegal trade have spiralled out of control once again. In many areas, rates of poaching are now the worst they have been since 1989. In 2011, just thirteen of the largest seizures amounted to over 23,000kg, breaking all records since the ivory ban. In July 2012 CITES recognised that elephant poaching had reached 'unsustainable' levels, not only in small unprotected populations but also among larger populations traditionally regarded as safe.

Between October 2012 and January 2013 over a 12 week period, 12 tonnes were seized in just 4 incidents and 2013 itself witnessed the largest amount of ivory ever seized in consignments of 500kg or more.

To date, poaching and trafficking in ivory is at the highest level in 25 years. Between 2009 and June 2014, criminal networks trafficked as much as 170 tons of ivory. The price of ivory has skyrocketed from USD $5/kg in 1989 to a wholesale price of USD $2,100/kg in China in 2014, with retail prices much higher.

It is estimated that between 434,000 and 684,000 African elephants now remain, although the real figure could be lower.
The solutions

In a climate where both the black market price for ivory and its demand are so high, elephants' lives are put at risk by the mere prospect of a sanctioned sale of ivory. If the poaching of elephants and ever growing trade in illegal ivory is to be seriously addressed, part of the solution to this complex problem must be a return to the full ban on the sale of ivory established in 1989.

Other measures which must be taken with urgency include:

Address the involvement of international criminal syndicates by means of strong law enforcement at both national and international levels along the full extent of the supply - demand chain. The effectiveness of this measure should be judged not only by ivory seizures and arrests recorded but also by convictions with proportionate penalties and the disruption of trade networks.
Close down domestic (national) markets in ivory, to accompany the international trade ban instituted by CITES.
Educate consumers in order to stem the demand for ivory. A survey in China found that almost 70% of the public thought ivory did not come from dead elephants but that it fell out naturally, like teeth.

The alternative to taking the bull by the horns? Some countries continue to report localised extinctions of small vulnerable elephant populations, a number of others edge closer to losing all their remaining elephants and the larger 'safer' populations start or continue their own downward spiral.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หยุดการค้างาช้างภาพ Ofir Drori - LAGAงาช้างผิดกฎหมายยึดในแคเมอรูนทำไมบ้านในปีค.ศ. 1979 มีการประเมิน 1.3 ล้านช้าง เป็นทศวรรษภายหลัง แพร่ poaching มีลดลงที่ โดยมากกว่าครึ่งหนึ่ง ช้างแอฟริกาเพียง 600000 ยังคงSavannahs ของแอฟริกาและป่าไม่มีศูนย์อนุรักษ์ช้าง พวกเขามีการเปิดลงในหลุมฝังศพในปี 1989 การห้ามค้างาช้างทั่วโลกได้รับอนุมัติ โดย CITES ระดับของ poaching ลดลงอย่างมาก และราคาในตลาดมืดของไอโวรี่ slumpedCITES ได้บันทึกช้างแอฟริกา หรือได้หรือไม่Poaching และค้าขายตั้งแต่ปี 1997 มี sustained พยายาม โดยบางประเทศไทยบ้าน ในปี 1999 บอตสวานา นามิเบีย และซิมบับเวได้อนุญาตการ 'ทดลองใช้ครั้งเดียวขาย' กว่า 49,000 กิโลกรัมของไอโวรี่ประเทศญี่ปุ่น แล้วใน 2002 เป็นหนึ่งปิดขายที่อนุมัติ ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2008 – และผล 105,000 กก.ของงาช้างที่ถูกจัดส่งไปประเทศจีนและญี่ปุ่นวันนี้ ระดับของ poaching และผิดกฎหมายการค้าได้ spiralled ออกจากการควบคุมอีกครั้ง ในหลายพื้นที่ ราคาของ poaching ก็ร้ายไว้ตั้งแต่พ.ศ. 2532 ใน 2011, thirteen เส้นที่ใหญ่ที่สุดมีถึงกว่า 23, 000 กก. แบ่งเรกคอร์ดทั้งหมดตั้งแต่บ้านงาช้าง ในเดือน 2555 กรกฎาคม CITES ยังว่า poaching ช้างได้ถึงระดับ 'unsustainable' ไม่เพียงแต่ ในประชากรขนาดเล็กป้องกัน แต่ยังอยู่ใน หมู่ประชากรขนาดใหญ่ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัย ระหว่างเดือน 2012 ตุลาคมและ 2013 มกราคมเป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ 12 ตันถูกยึดในเหตุการณ์เพียง 4 และ 2013 เองเห็นยอดเงินที่ใหญ่ที่สุดของงาช้างที่เคยยึดในส่งมอบของ 500 กิโลกรัมหรือมากกว่า วันที่ poaching และค้าในงาช้างอยู่ที่ระดับสูงสุด 25 ปี ระหว่าง 2009 2014 มิถุนายน เครือข่ายอาชญากรค้างาช้างถึง 170 ตัน ราคางาช้างมี skyrocketed จาก USD $5 กิโลกรัมในปี 1989 ราคาขายส่งของจีน $2,100 USD/kg ใน 2014 ราคาขายปลีกสูงขึ้นมันคือประมาณว่า ระหว่าง 434,000 และ 684,000 ช้างตอนนี้ยังคง แม้ว่าตัวเลขจริงอาจจะต่ำกว่า โซลูชั่นในสภาพภูมิอากาศที่ราคาตลาดมืดสำหรับงาช้างและอุปสงค์มีสูง ชีวิตของช้างจะจัดเก็บเสี่ยง โดยโน้มเพียงขาย sanctioned ของไอโวรี่ ถ้า poaching ช้างและเคยขึ้นค้างาช้างที่ผิดกฎหมายจะให้ความสนใจอย่างจริงจัง ส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหานี้ซับซ้อนต้องได้กลับไปบ้านเต็มขายงาช้างก่อตั้งขึ้นในปี 1989 มาตรการอื่น ๆ ซึ่งต้องดำเนินการ ด้วยความเร่งด่วนรวมถึง: เกี่ยวข้องในอาชญากรรมระหว่างประเทศ โดยการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็งในระดับชาติ และนานาชาติตามขอบเขตเต็มรูปแบบของห่วงโซ่อุปสงค์ - อุปทาน ควรตัดสินประสิทธิภาพของวัดนี้ไม่เพียงแต่งาช้างเส้นทางบันทึกจับกุม แต่ยัง ตามเรียนตามโทษและทีมเครือข่ายค้า ปิดประเทศ (ชาติ) ในไอวอรี่ ไปกับบ้านค้าสากลโลก โดย CITES รู้ผู้บริโภคเพื่อให้เกิดความต้องการใช้งาช้าง การสำรวจในประเทศจีนพบว่า เกือบ 70% ของประชาชนคิดว่า งาช้างได้มาจากช้างที่ตายแล้ว แต่ว่า มันตกออกมาตามธรรมชาติ เช่นฟันทางเลือกในการวัวใจดีสู้ บางประเทศยังรายงานไหน extinctions ของประชากรเสี่ยงช้างเล็ก ตัวเลขอื่นขอบใกล้สูญหายของช้างที่เหลือทั้งหมดของพวกเขา และประชากร 'ปลอดภัย' ใหญ่เริ่ม หรือทำเกลียวของตัวเองลง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หยุดการค้างาช้าง
ภาพ Ofir Drori - LAGA งาช้างที่ผิดกฎหมายยึดในประเทศแคเมอรูนทำไมห้ามหรือไม่ในปี 1979 มีประมาณ 1.3 ล้านช้างแอฟริกัน ทศวรรษต่อมารุกล้ำอย่างกว้างขวางได้ตัวเลขที่ลดลงโดยมากกว่าครึ่งหนึ่ง เพียงแค่ 600,000 ช้างแอฟริกันยังคงอยู่. สะแอฟริกาและป่าเขตรักษาพันธุ์ไม่มีอีกต่อไปสำหรับช้าง; พวกเขาได้รับกลายเป็นสุสาน. ในปี 1989 ทั่วโลกห้ามเกี่ยวกับการค้างาช้างได้รับอนุมัติจาก CITES ระดับของการรุกล้ำลดลงอย่างมากและราคาในตลาดสีดำของงาช้างทรุด. CITES ได้ช่วยช้างแอฟริกัน หรือมีมันได้หรือไม่รุกล้ำและการค้าตั้งแต่ปี 1997 มีการพยายามอย่างต่อเนื่องโดยบางประเทศจะลดลงห้าม ในปี 1999, บอตสวานานามิเบียและซิมบับเวได้รับอนุญาต 'ขายหนึ่งออกทดลอง' กว่า 49,000kg งาช้างไปยังประเทศญี่ปุ่น จากนั้นในปี 2002 อีกหนึ่งปิดการขายได้รับการอนุมัติในที่สุดซึ่งเกิดขึ้นในปี 2008 -. และส่งผลให้ใน 105,000kg งาช้างถูกส่งไปยังประเทศจีนและญี่ปุ่นในวันนี้ระดับของการรุกล้ำและการค้าที่ผิดกฎหมายได้ลุกลามออกจากการควบคุมอีกครั้ง ในหลายพื้นที่ของอัตราการรุกล้ำอยู่ในขณะนี้ที่เลวร้ายที่สุดพวกเขาได้รับตั้งแต่ปี 1989 ในปี 2011 เพียงแค่สิบสามของอาการชักที่ใหญ่ที่สุดมีจำนวนมากกว่า 23,000kg ทำลายระเบียนทั้งหมดตั้งแต่การห้ามงาช้าง ในเดือนกรกฎาคม 2012 CITES รับการยอมรับว่าการรุกล้ำช้างมาถึง 'ยั่งยืน' ระดับไม่เพียง แต่ในประชากรที่ไม่มีการป้องกันเล็ก ๆ แต่ยังอยู่ในหมู่ประชากรที่มีขนาดใหญ่ได้รับการยกย่องเป็นประเพณีที่เป็นที่ปลอดภัย. ระหว่างเดือนตุลาคมปี 2012 และมกราคม 2013 ในช่วง 12 สัปดาห์ 12 ตันถูกยึดในเวลาเพียง 4 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและ 2013 ที่ตัวเองเห็นจำนวนเงินที่ใหญ่ที่สุดของงาช้างที่ยึดที่เคยอยู่ในการส่งของ 500kg หรือมากกว่า. ในวันที่รุกล้ำและการลักลอบค้างาช้างที่ระดับสูงสุดในรอบ 25 ปี ระหว่างปี 2009 และมิถุนายน 2014 เครือข่ายความผิดทางอาญาการค้ามนุษย์มากที่สุดเท่าที่ 170 ตันจากงาช้าง ราคาของงาช้างได้พุ่งสูงขึ้นจาก USD $ 5 / กก. ในปี 1989 ที่จะราคาขายส่งของ USD $ 2,100 / กก. ในประเทศจีนในปี 2014 โดยมีราคาขายปลีกที่สูงขึ้นมาก. มันเป็นที่คาดว่าระหว่าง 434,000 และ 684,000 ช้างแอฟริกันในขณะนี้ยังคงอยู่แม้ว่าตัวเลขจริง อาจจะลดลง. การแก้ปัญหาในสภาพภูมิอากาศที่ทั้งราคาในตลาดสีดำสำหรับงาช้างและความต้องการที่มีสูงดังนั้นชีวิตของช้าง 'จะใส่ที่มีความเสี่ยงโดยเพียงโอกาสของการขายตามทำนองคลองธรรมจากงาช้าง ถ้าการรุกล้ำของช้างและการค้าที่เคยเติบโตในงาช้างที่ผิดกฎหมายคือการได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังส่วนหนึ่งของวิธีการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนนี้จะต้องกลับไปที่บ้านเต็มรูปแบบในการขายงาช้างที่จัดตั้งขึ้นในปี 1989 มาตรการอื่น ๆ ที่จะต้องดำเนินการกับ เร่งด่วนรวมถึงที่อยู่มีส่วนร่วมขององค์กรอาชญากรรมระหว่างประเทศโดยวิธีการของการบังคับใช้กฎหมายที่แข็งแกร่งทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติตามขอบเขตของอุปทาน - ห่วงโซ่อุปสงค์ ประสิทธิผลของมาตรการนี้ควรได้รับการตัดสินโดยไม่เพียง แต่อาการชักและการจับกุมงาช้างบันทึกไว้ แต่ยังตามความเชื่อมั่นที่มีบทลงโทษตามสัดส่วนและการหยุดชะงักของเครือข่ายการค้า. ปิดลงภายในประเทศ (แห่งชาติ) ในตลาดงาช้างไปกับการห้ามการค้าระหว่างประเทศก่อตั้งโดย CITES ให้ความรู้แก่ผู้บริโภคในการที่จะเกิดความต้องการงาช้าง การสำรวจในประเทศจีนพบว่าเกือบ 70% ของความคิดงาช้างประชาชนไม่ได้มาจากช้างที่ตายแล้ว แต่ที่มันหลุดออกมาจากธรรมชาติเช่นฟัน. เลือกที่จะถ่ายวัวโดยเขา? บางประเทศยังคงรายงานการสูญพันธุ์เป็นภาษาท้องถิ่นของประชากรช้างที่มีช่องโหว่ขนาดเล็กจำนวนของคนอื่น ๆ ที่ใกล้ชิดกับขอบช้างสูญเสียของพวกเขาที่เหลืออยู่และมีขนาดใหญ่ 'ที่ปลอดภัย' ประชากรเริ่มต้นหรือยังคงเกลียวลงของตัวเอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รูปงาช้างการค้าหยุดโอเฟียร์ โดรรี - laga


ทำไมยึดงาช้างผิดกฎหมายในประเทศบ้าน ?

ในปี 1979 มีประมาณ 1.3 ล้านแอฟริกาช้าง ทศวรรษต่อมาแพร่หลายล่าสัตว์มีตัวเลขลดลงกว่าครึ่ง แค่ 600000 ช้างแอฟริกันยังคงอยู่

อาฟริกา savannahs และป่าไม่มีเสฉวนเพื่อช้าง พวกเขาได้กลายเป็นสุสาน .

ใน 1989การห้ามค้างาช้างทั่วโลกที่ได้รับการอนุมัติโดยอ้าง . ระดับของ poaching ลงอย่างมาก และตลาดมืด ราคางาช้างลดลง

CITES ได้ช่วยชีวิตช้างแอฟริกา หรือได้มันมา การลักลอบล่าสัตว์ และค้า

ตั้งแต่ปี 1997 มีความพยายามอย่างต่อเนื่อง โดยบางประเทศ ทำให้บ้าน ในปี 1999 , บอตสวานา , นามิเบียและซิมบับเวได้รับอนุญาต ' ' ออกขายจำนวนกว่า 49000kg งาช้างที่ญี่ปุ่น จากนั้นในปี 2002 อีกหนึ่งปิดการขายที่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งในที่สุดก็เอาสถานที่ในปี 2008 ) และส่งผลให้ 105000kg งาช้างถูกส่งไปยังประเทศจีนและญี่ปุ่น .

วันนี้ ระดับของการลักลอบล่าสัตว์ และการค้าผิดกฎหมายมี spiralled ออกจากการควบคุมอีกครั้ง ในพื้นที่หลายอัตราของ poaching ตอนนี้แย่ที่สุดที่พวกเขาได้รับตั้งแต่ 2532 ใน 2011 ,แค่สิบสามของอาการชักที่ใหญ่ที่สุดมีมากกว่า 23000kg , ทำลายระเบียนทั้งหมดตั้งแต่งาช้างบ้าน . ในเดือนกรกฎาคม 2012 cites จำช้างล่าสัตว์ได้ถึง ' ยั่งยืน ' ระดับไม่เพียง แต่ในขนาดเล็ก แต่ยังไม่มีการป้องกันประชากรของประชากรขนาดใหญ่ซึ่งถือว่าปลอดภัย

ระหว่างเดือนตุลาคม 2012 มกราคม 2013 ในช่วง 12 สัปดาห์12 ตันถูกยึดในเพียง 4 เหตุการณ์และ 2013 นั่นเอง เห็นยอดเงินที่ใหญ่ที่สุดของงาช้างที่เคยยึดในการคัดยังไม่คัด 500kg หรือมากกว่า

ไปเดทล่าสัตว์และการค้างาช้างอยู่ในระดับที่สูงที่สุดใน 25 ปี ระหว่าง 2009 และมิถุนายน 2014 , เครือข่ายอาชญากรค้าเท่าที่ 170 ตัน งาช้างราคางาช้างมี skyrocketed จาก USD $ 5 กิโลกรัมใน 1989 ราคาขายส่งของ USD $ 2 , 100 กิโลกรัม ในประเทศจีน ในปี 2014 กับราคาขายปลีกสูงมาก

คาดว่าระหว่าง 434000 684000 ช้างแอฟริกันและตอนนี้ยังคงอยู่ แม้ว่าตัวเลขที่แท้จริงอาจจะต่ำกว่า
โซลูชั่น

ในสภาพอากาศที่ทั้งดำ งาช้าง และความต้องการของตลาด ราคาสูงมากชีวิตของช้างใส่ที่มีความเสี่ยงโดยลูกค้าเพียงของอนุมัติขายงาช้าง ถ้าล่าสัตว์ของช้าง และเคยเติบโตการค้างาช้างที่ผิดกฎหมายต้องจริงจังอยู่ส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนนี้ต้องกลับไปบ้านที่เต็มรูปแบบในการขายงาช้าง ก่อตั้งขึ้นใน 1989

มาตรการอื่น ๆที่ต้องถ่ายกับความเร่งด่วนรวมถึง :

ที่อยู่ การมีส่วนร่วมขององค์กรอาชญากรรมระหว่างประเทศ โดยการบังคับใช้กฎหมายเข้มแข็งทั้งระดับชาติและนานาชาติ รวมทั้งขอบเขตของการจัดหาโซ่อุปสงค์ ประสิทธิผลของมาตรการนี้ควรพิจารณาไม่เพียง แต่จากการจับกุมงาช้าง ชัก และบันทึก แต่ด้วยความเชื่อมั่นที่มีโทษ สัดส่วนและการหยุดชะงักของเครือข่ายการค้า .
ปิดตลาดในประเทศ ( ชาติ ) งาช้าง ไปกับการค้าระหว่างประเทศ ห้ามทำให้ไซเตส .
ความรู้แก่ผู้บริโภคเพื่อให้ลำต้นความต้องการงาช้าง การสำรวจในประเทศจีนพบว่าเกือบ 70% ของความคิดสาธารณะงาช้างไม่ได้มาจากศพช้าง แต่นั่นมันหล่นออกมาตามธรรมชาติ เช่นฟัน

ทางเลือกที่จะใช้วัวโดยเขา ?บางประเทศยังคงมีรายงานแค่การสูญพันธุ์ของประชากรช้างมีความเสี่ยงขนาดเล็ก จำนวนของอื่น ๆขอบใกล้ชิดกับการสูญเสียทั้งหมดเหลือช้างและขนาดใหญ่ ' ปลอดภัย ' ประชากรเริ่มหรือสานต่อเกลียวลงของพวกเขาเอง