In Toraja society, the funeral ritu

In Toraja society, the funeral ritual is the most elaborate and expensive event. The richer and more powerful the individual, the more expensive is the funeral. In the aluk religion, only nobles have the right to have an extensive death feast.[24] The death feast of a nobleman is usually attended by thousands and lasts for several days. A ceremonial site, called rante, is usually prepared in a large, grassy field where shelters for audiences, rice barns, and other ceremonial funeral structures are specially made by the deceased family. Flute music, funeral chants, songs and poems, and crying and wailing are traditional Toraja expressions of grief with the exceptions of funerals for young children, and poor, low-status adults.[25]

The ceremony is often held weeks, months, or years after the death so that the deceased's family can raise the significant funds needed to cover funeral expenses.[26] Torajans traditionally believe that death is not a sudden, abrupt event, but a gradual process toward Puya (the land of souls, or afterlife). During the waiting period, the body of the deceased is wrapped in several layers of cloth and kept under the tongkonan. The soul of the deceased is thought to linger around the village until the funeral ceremony is completed, after which it begins its journey to Puya.
Another component of the ritual is the slaughter of water buffalo. The more powerful the person who died, the more buffalo are slaughtered at the death feast. Buffalo carcasses, including their heads, are usually lined up on a field waiting for their owner, who is in the "sleeping stage". Torajans believe that the deceased will need the buffalo to make the journey and that they will be quicker to arrive at Puya if they have many buffalo. Slaughtering tens of water buffalo and hundreds of pigs using a machete is the climax of the elaborate death feast, with dancing and music and young boys who catch spurting blood in long bamboo tubes. Some of the slaughtered animals are given by guests as "gifts", which are carefully noted because they will be considered debts of the deceased's family.[28] However, a cockfight, known as bulangan londong, is an integral part of the ceremony. As with the sacrifice of the buffalo and the pigs, the cockfight is considered sacred because it involves the spilling of blood on the earth. In particular, the tradition requires the sacrifice of at least three chickens. However, it is common for at least 25 pairs of chickens to be set against each other in the context of the ceremony.There are three methods of burial: the coffin may be laid in a cave or in a carved stone grave, or hung on a cliff. It contains any possessions that the deceased will need in the afterlife. The wealthy are often buried in a stone grave carved out of a rocky cliff. The grave is usually expensive and takes a few months to complete. In some areas, a stone cave may be found that is large enough to accommodate a whole family. A wood-carved effigy, called Tau tau, is usually placed in the cave looking out over the land.[30] The coffin of a baby or child may be hung from ropes on a cliff face or from a tree. This hanging grave usually lasts for years, until the ropes rot and the coffin falls to the ground.

In the ritual called Ma'Nene, that takes place each year in August, the bodies of the deceased are exhumed to be washed, groomed and dressed in new clothes.[31] The mummies are then walked around the village.[32]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในราจาสังคม พิธีกรรมงานศพเป็นงานประณีต และมีราคาแพงที่สุด ดีขึ้น และมีประสิทธิภาพบุคคล มีราคาแพงมากเป็นศพ ในศาสนา aluk ขุนนางเท่านั้นมีสิทธิที่จะมีงานฉลองการตายอย่างละเอียด [24] ตายงานเลี้ยงของขุนนางจะเข้าร่วมประชุม โดยพันและเวลาหลายวัน มักจะมีเตรียมพิธีไซต์ rante ที่เรียกว่าในขนาดใหญ่ หญ้าเขตที่พักอาศัยสำหรับผู้ชม บ่มข้าว และโครงสร้างอื่น ๆ งานศพพิธีพิเศษทำ โดยครอบครัวผู้ เพลงขลุ่ย chants ศพ เพลง และบท กวี ร้องไห้ และ wailing มีแบบราจานิพจน์ของความเศร้าโศก มีข้อยกเว้นของศพหรือสำหรับเด็ก ผู้ใหญ่ไม่ดี สถานะต่ำด้วย [25]พิธีมักจัดขึ้นสัปดาห์ เดือน หรือปีหลังการตายเพื่อให้ครอบครัวของผู้ตายสามารถเพิ่มเงินอย่างมีนัยสำคัญต้องครอบคลุมค่าใช้จ่ายงานศพ [26] Torajans ซึ่งเชื่อว่า ความตายไม่ใช่เหตุการณ์ฉับพลัน อย่างทันทีทันใด แต่กระบวนการสมดุลไปทาง Puya (ที่ดินของวิญญาณ afterlife) ในระหว่างระยะเวลารอคอย ร่างกายของผู้ตายเป็นห่อผ้าหลายชั้น และยังคงอยู่ภายใต้การ tongkonan จิตวิญญาณของผู้ตายเป็นความคิดไปรอบหมู่บ้านจนกระทั่งพิธีพระศพเสร็จ หลังจากที่เริ่มการเดินทางของ Puya ส่วนประกอบอื่นของพิธีฆ่าควายได้ มีประสิทธิภาพมากขึ้นผู้ที่เสียชีวิต ควายเพิ่มเติมจะมีชัยที่เลี้ยงตาย ซากควาย รวมหัวของพวกเขา เป็นปกติเรียงในเขตรอเจ้าของของพวกเขา ผู้ที่อยู่ใน "ขั้นตอนนอนหลับ" Torajans เชื่อว่า ผู้ตายจะต้องควายจะทำให้การเดินทาง และที่พวกเขาจะเร็วกว่าถึง Puya ได้ควายมาก Slaughtering สิบควายและของสุกรใช้ machete เป็นจุดสุดยอดของงานเลี้ยงตายอย่างประณีต เต้นรำเพลง และชายหนุ่มที่จับ spurting เลือดในท่อไม้ไผ่ยาว ของสัตว์ slaughtered กำหนดให้ โดยผู้เข้าพักเป็น "ของขวัญ" ซึ่งมีตั้งข้อสังเกตอย่างระมัดระวังเนื่องจากพวกเขาจะถือเป็นหนี้สินของครอบครัวของผู้เสียชีวิต [28] อย่างไรก็ตาม cockfight เป็น รู้จักกันเป็น bulangan londong จะเป็นส่วนหนึ่งของพิธี เช่นเดียวกับการเสียสละของควายและสุกร cockfight ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ เพราะมันเกี่ยวข้องกับการออกของเลือดบนโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเพณีต้องเสียสละของไก่น้อยสาม อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับไก่ตั้งกับแต่ละอื่น ๆ ในบริบทของพิธีน้อย 25 คู่ มีสามวิธีการฝังศพ: โลงต่อตายอาจวาง ในถ้ำ หรือ ในป่าช้าเป็นหินแกะสลัก หรือแขวนบนหน้าผาได้ ประกอบด้วยทรัพย์สินใด ๆ ที่ผู้ตายจะต้องใน afterlife ที่ มั่งคั่งมักจะฝังอยู่ในป่าช้าหินที่แกะสลักจากหน้าผาหิน ไม้ใกล้ฝั่งมักจะแพง และใช้เวลากี่เดือนให้เสร็จสมบูรณ์ ในบางพื้นที่ ถ้ำหินอาจพบที่มีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับทั้งครอบครัว การแกะสลักไม้ effigy เต่าเต่า เรียกว่ามักจะอยู่ในถ้ำแห่งแผ่นดิน [30] หีบศพของทารกหรือเด็กอาจจะแขวนเชือกบนหน้าผา หรือ จากต้นไม้ ศพนี้แขวนปกติเวลาปี จนถึง rot เชือกและน้ำตกหีบศพไปพื้นดินในพิธีกรรมที่เรียกว่า Ma'Nene ที่เกิดขึ้นทุกปีในเดือนสิงหาคม ร่างกายของผู้ตายจะ exhumed การล้าง เตรียมแต่งตัวในเสื้อผ้าใหม่ [31] มัมมี่อยู่แล้วเดินรอบหมู่บ้าน [32]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในสังคม Toraja, พิธีกรรมงานศพเป็นงานที่ซับซ้อนมากที่สุดและมีราคาแพง ยิ่งขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นของแต่ละบุคคลที่มีราคาแพงมากขึ้นคืองานศพ ในศาสนา ALUK ขุนนางเท่านั้นที่มีสิทธิที่จะมีงานฉลองความตายอย่างกว้างขวาง. [24] ฉลองการตายของขุนนางมักจะเข้าร่วมจำนวนและเวลาหลายวัน เว็บไซต์พระราชพิธีที่เรียกว่า Rante, จัดทำมักจะอยู่ในที่มีขนาดใหญ่, สนามหญ้าที่พักพิงสำหรับผู้ชมที่โรงนาข้าวและอื่น ๆ โครงสร้างศพพระราชพิธีจะทำมาเป็นพิเศษโดยครอบครัวผู้เสียชีวิต เพลงขลุ่ยสวดศพเพลงและบทกวีและร้องไห้คร่ำครวญมีการแสดงออกดั้งเดิม Toraja ของความเศร้าโศกโดยมีข้อยกเว้นของงานศพสำหรับเด็กเล็กและยากจนสถานะต่ำผู้ใหญ่. [25] พิธีจะจัดขึ้นมักสัปดาห์เดือนหรือ ปีหลังจากการตายเพื่อให้ครอบครัวของผู้ตายสามารถเพิ่มเงินอย่างมีนัยสำคัญที่จำเป็นเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในงานศพ. [26] Torajans ประเพณีที่เชื่อว่าการตายไม่ได้เป็นอย่างฉับพลันเหตุการณ์อย่างกระทันหัน แต่เป็นกระบวนการที่ค่อยๆต่อ Puya (ดินแดนแห่งจิตวิญญาณหรือชีวิตหลังความตาย ) ในช่วงระยะเวลาที่รอคอย, ร่างกายของผู้ตายเป็นห่อหลายชั้นของผ้าและเก็บไว้ภายใต้ tongkonan จิตวิญญาณของผู้ตายเป็นความคิดที่วนเวียนรอบ ๆ หมู่บ้านจนกว่าพิธีศพเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากที่มันเริ่มต้นการเดินทางที่จะ Puya. ส่วนหนึ่งของพิธีกรรมก็คือการฆ่าควายน้ำ มีประสิทธิภาพมากขึ้นคนที่ตายควายมากขึ้นที่จะถูกฆ่าตายฉลอง ซากควายรวมทั้งหัวของพวกเขามักจะมีเรียงรายขึ้นบนสนามรอสำหรับเจ้าของของพวกเขาที่อยู่ใน "ขั้นตอนการนอนหลับ" Torajans เชื่อว่าผู้ตายจะต้องควายเพื่อให้การเดินทางและการที่พวกเขาจะได้เร็วขึ้นที่จะมาถึง Puya ถ้าพวกเขามีควายจำนวนมาก ฆ่านับควายและหลายร้อยของสุกรโดยใช้อ้อยเป็นจุดสุดยอดของงานฉลองการตายอย่างละเอียดที่มีการเต้นและเพลงและชายหนุ่มที่จับ spurting เลือดในหลอดไม้ไผ่ยาว บางส่วนของโรงฆ่าสัตว์จะได้รับโดยผู้เข้าพักเป็น "ของขวัญ" ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตอย่างระมัดระวังเพราะพวกเขาจะได้รับการพิจารณาหนี้ของครอบครัวของผู้ตาย. [28] อย่างไรก็ตามการชนไก่เป็นที่รู้จัก bulangan londong เป็นส่วนหนึ่งของพิธี เช่นเดียวกับความเสียสละของควายและหมูที่ชนไก่ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพราะเกี่ยวข้องกับหกของเลือดบนพื้นโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเพณีต้องเสียสละอย่างน้อยสามไก่ แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับอย่างน้อย 25 คู่ของไก่ที่จะตั้งกับแต่ละอื่น ๆ ในบริบทของ ceremony.There สามวิธีการฝังศพ: โลงศพอาจจะถูกวางไว้ในถ้ำหรือในหลุมฝังศพหินแกะสลักหรือแขวนบน หน้าผา มันมีทรัพย์สินใด ๆ ที่ผู้ตายจะต้องอยู่ในชีวิตหลังความตาย ที่ร่ำรวยมักถูกฝังในหลุมศพหินแกะสลักจากหน้าผาหิน หลุมฝังศพมักจะมีราคาแพงและใช้เวลาไม่กี่เดือนที่จะเสร็จสมบูรณ์ ในบางพื้นที่ถ้ำหินอาจจะพบว่ามีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับทั้งครอบครัว หุ่นไม้แกะสลักที่เรียกว่าเอกภาพเอกภาพมักจะวางไว้ในถ้ำมองออกไปแผ่นดิน. [30] โลงศพของทารกหรือเด็กอาจจะห้อยลงมาจากเชือกบนหน้าผาหรือจากต้นไม้ หลุมฝังศพที่แขวนนี้มักจะเป็นเวลานานหลายปีจนเชือกและเน่าโลงศพตกลงไปที่พื้น. ในพิธีกรรมที่เรียกว่า Ma'Nene ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละปีในเดือนสิงหาคมร่างของผู้ตายจะถูกขุดขึ้นมาจะได้รับการล้างและดูแลเป็นอย่างดีสวมใส่ ในเสื้อผ้าใหม่. [31] มัมมี่แล้วเดินไปรอบ ๆ หมู่บ้าน. [32]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในสังคม Toraja , พิธีงานศพที่ซับซ้อนมากที่สุด และแพงที่สุดในงาน ยิ่งขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ละคน แพงมากขึ้นคือ งานศพ ใน aluk ศาสนาเท่านั้น ขุนนางมีสิทธิที่จะเลี้ยงกว้างขวางความตาย [ 24 ] ความตายเทศกาลขุนนางมักจะเข้าร่วมโดยนับพันและเป็นเวลาหลายวัน พิธี rante ที่เรียกว่า , เว็บไซต์เป็นปกติที่เตรียมไว้ในขนาดใหญ่ , สนามที่พักพิงสำหรับผู้ชม อาทิข้าว หญ้า และโครงสร้างในงานศพพิธีอื่น ๆเป็นพิเศษที่ทำโดยครอบครัวของผู้เสียชีวิต . เพลงขลุ่ย งานศพ บทสวด เพลง และบทกวี และร้องไห้และร้องไห้ เป็นแบบดั้งเดิม Toraja การแสดงออกของความเศร้าโศก ด้วยข้อยกเว้นของงานศพเด็ก และคนจน คนฐานะต่ำ [ 25 ]

พิธีจัดขึ้นบ่อยครั้ง สัปดาห์ เดือน หรือปีหลังจากความตายเพื่อให้ครอบครัวผู้ตายสามารถเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ กองทุนต้องครอบคลุมค่าใช้จ่ายในงานศพ [ 26 ] torajans แต่เดิมเชื่อว่าความตายคือไม่เกิดเหตุการณ์กระทันหัน แต่ค่อยๆกระบวนการต่อปู่ย่า ( ดินแดนแห่งวิญญาณ หรือชีวิตหลังความตาย ) ในช่วงเวลาที่รอคอยร่างของผู้ตายถูกห่อหลายชั้นของผ้าและเก็บไว้ภายใต้ tongkonan . วิญญาณของผู้ตายเป็นความคิดที่จะอยู่รอบหมู่บ้าน จนกว่างานศพจะเสร็จสมบูรณ์หลังจากที่มันเริ่มต้นการเดินทางของปู่ย่า .
ส่วนประกอบอื่นของพิธีกรรมการฆ่าของควาย . ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าคนที่ตายควายถูกฆ่าตายมากกว่าที่งานเลี้ยง ซากควาย รวมทั้งศีรษะ มักเรียงรายอยู่บนสนามรอเจ้าของของพวกเขาที่อยู่ใน " นอนบนเวที " torajans เชื่อว่าผู้ตายจะต้องควายจะทำให้การเดินทางและที่พวกเขาจะเร็วจะมาถึงที่ปู่ย่าหากพวกเขาได้ควายมากฆ่านับร้อยตัว กระบือ ใช้มีดเป็นจุดสุดยอดของเทศกาลความตายที่ซับซ้อน ด้วยการเต้นและดนตรี และชายหนุ่มผู้จับกระฉูดเลือดในหลอดไม้ไผ่ยาว บางส่วนของการฆ่าสัตว์ จะได้รับ โดยท่านเป็น " ของขวัญ " ที่ระบุไว้อย่างรอบคอบ เพราะจะถือเป็นหนี้สินของครอบครัวผู้ตาย [ 28 ] อย่างไรก็ตาม การชนไก่ ,ที่รู้จักกันเป็น bulangan londong เป็นส่วนหนึ่งของพิธี กับการเสียสละของควาย และหมู การชนไก่ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะมันเกี่ยวข้องกับการหลั่งเลือดบนแผ่นดิน โดยประเพณีต้องสังเวยอย่างน้อยสามตัว อย่างไรก็ตามมันเป็นปกติสำหรับอย่างน้อย 25 คู่ของไก่จะกำหนดให้กับแต่ละอื่น ๆในบริบทของพิธี มีสามวิธีของการฝังศพ : โลงอาจจะนอนในถ้ำหรือในสุสานหินแกะสลัก หรือแขวนบนหน้าผา มันมีทรัพย์สินใด ๆ ที่ผู้ตายจะต้องในปรโลก คนรวยมักจะถูกฝังอยู่ในหลุมฝังศพที่แกะสลักจากหิน หน้าผาหินหลุมฝังศพมักจะแพงและใช้เวลาไม่กี่เดือนที่จะเสร็จสมบูรณ์ ในบางพื้นที่เป็นหินถ้ำอาจจะพบว่ามีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับได้ทั้งครอบครัว หุ่นแกะสลักไม้ เรียกว่า ตาว ตาว มักจะอยู่ในถ้ำมองออกไปทั่วแผ่นดิน [ 30 ] หีบศพของทารก หรือ เด็กอาจจะแขวนจากเชือกบนใบหน้าหน้าผาหรือต้นไม้ นี้วางหลุมศพมักจะเป็นเวลาหลายปีจนเชือกเปื่อยและโลงตกพื้น

ในพิธีกรรมเรียก ma'nene , ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละปีในเดือนสิงหาคม ร่างของผู้เสียชีวิตถูกขุดขึ้นมาเพื่อจะล้าง เตรียมและสวมใส่เสื้อผ้าใหม่ [ 31 ] มัมมี่แล้วเดินไปรอบๆ หมู่บ้าน [ 32 ]