The Lichtenstein foundation notes t

The Lichtenstein foundation notes that the inspiration for this painting is a frame of Our Fighting Forces #66 (February 1962), which was published by National Periodical Publications (now DC Comics). In that frame only a portion of the dog's head is visible and the speech balloon says "Grrrrr!"[1] In addition to the painting itself, Lichtenstein produced a small 5.75 in × 4.5 in (14.6 cm × 11.4 cm) graphite on paper study.[2]

The painting was bequeathed to the Guggenheim Museum after Lichtenstein's 1997 death, following a promise made in 1992. The museum used Grrrrrrrrrrr!! in the promotional posters for the 1993 exhibition "Roy Lichtenstein: A Retrospective", which ran from October 7, 1993 – January 16, 1994.[3][4] Other notable exhibitions where this work was shown include "Rendezvous: Masterpieces from the Centre Georges Pompidou and the Guggenheim Museums" which ran from October 16, 1998 – January 24, 1999 at the Guggenheim Museum in New York, as well as "Art in America: 300 Years of Innovation" which traveled to several museums in China between 2007 and 2008.[5][6]

The work appeared on the cover of the November 1993 issue of ARTnews.[7][8]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มูลนิธิ Lichtenstein บันทึกว่า แรงบันดาลใจการวาดภาพนี้เฟรมของเราต่อสู้กองกำลัง #66 (1962 กุมภาพันธ์), ซึ่งถูกเผยแพร่ โดยสิ่งพิมพ์เป็นครั้งคราวชาติ (ตอนนี้การ์ตูน DC) จะปรากฏในเฟรมนั้น เฉพาะส่วนของหัวของสุนัข และบอลลูนคำพูดว่า "Grrrrr" [1] ในนอกให้วาดภาพตัวเอง Lichtenstein ผลิต 5.75 เล็กในแกรไฟต์ใน 4.5 (14.6 cm × 11.4 ซม.) ลอกบนกระดาษศึกษา [2]ภาพที่ bequeathed กับ Guggenheim Museum หลังความตายปี 1997 ของ Lichtenstein ต่อสัญญาในปี 1992 พิพิธภัณฑ์ใช้ Grrrrrrrrrrr !! ในโปสเตอร์ส่งเสริมการขายสำหรับนิทรรศการ 1993 "รอย Lichtenstein: A คาด" ซึ่งวิ่ง จาก 7 ตุลาคม 1993 – 16 มกราคม ปี 1994 [3] [4] นิทรรศการโดดอื่น ๆ ที่แสดงการทำงานนี้มี "นัดพบ:ผลงานมาสเตอร์พีซทำจากศูนย์จอร์จงและ Guggenheim พิพิธภัณฑ์" ซึ่งวิ่ง จาก 16 ตุลาคม 1998 – 24 มกราคม ปี 1999 ที่ Guggenheim Museum ใน New York เป็น "ศิลปะในอเมริกา: 300 ปีนวัตกรรม" ซึ่งเดินทางไปพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ในประเทศจีนระหว่างปี 2007 และ 2008 [5] [6]งานที่ปรากฏบนปกของฉบับเดือน 1993 พฤศจิกายนของ ARTnews [7] [8]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มูลนิธิ Lichtenstein ตั้งข้อสังเกตว่าแรงบันดาลใจในการวาดภาพนี้เป็นกรอบของการต่อสู้กับกองกำลังของเรา # 66 (กุมภาพันธ์ 1962) ซึ่งได้รับการตีพิมพ์โดยวารสารสิ่งพิมพ์แห่งชาติ (ตอนนี้การ์ตูนดีซี) อยู่ในกรอบที่เพียงส่วนหนึ่งของหัวของสุนัขที่สามารถมองเห็นและบอลลูนคำพูดที่ว่า "Grrrrr!" [1] นอกจากภาพวาดของตัวเอง Lichtenstein ผลิตขนาดเล็ก 5.75 ใน× 4.5 (14.6 ซม. × 11.4 ซม.) กราไฟท์บนกระดาษ การศึกษา. [2] ภาพวาดที่ได้รับพินัยกรรมพิพิธภัณฑ์ Guggenheim หลังจาก Lichtenstein 1997 ตายตามสัญญาที่ทำขึ้นในปี 1992 พิพิธภัณฑ์ใช้ Grrrrrrrrrrr !! ในโปสเตอร์ส่งเสริมการขายสำหรับการจัดนิทรรศการ 1993 "รอย Lichtenstein: มีความหลัง" ซึ่งวิ่งจาก 7 ตุลาคม 1993 - 16 มกราคม 1994 [3] [4] การจัดนิทรรศการเด่นอื่น ๆ ที่งานนี้ก็แสดงให้เห็นรวมถึง "Rendezvous: เอกจาก ศูนย์ Georges Pompidou และพิพิธภัณฑ์ Guggenheim "ซึ่งวิ่งจาก 16 ตุลาคม 1998 - 24 มกราคม 1999 ที่พิพิธภัณฑ์ Guggenheim Museum ในนิวยอร์กเช่นเดียวกับ" ศิลปะในอเมริกา: 300 ปีแห่งนวัตกรรม "ซึ่งเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์หลายแห่งในประเทศจีนระหว่าง 2007 และ 2008 [5] [6] การทำงานที่ปรากฏบนหน้าปกของพฤศจิกายน 1993 ปัญหาของ ARTnews ได้. [7] [8]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มูลนิธิ ลิคเทนสไทน์บันทึกว่า แรงบันดาลใจในการวาดภาพนี้เป็นกรอบของเราต่อสู้กับกองกำลัง # 66 ( กุมภาพันธ์ 2505 ) ซึ่งได้รับการตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์วารสารแห่งชาติ ( หนังสือการ์ตูนดีซี ) ในกรอบเพียงส่วนหัวของสุนัขที่สามารถมองเห็นและบอลลูนคำพูดที่บอกว่า " grrrrr ! " [ 1 ] นอกจากภาพวาดตัวเอง ลิคเทนสไทน์ผลิตขนาดเล็กที่มีใน× 4.5 ( 14.6 cm × 11.4 ซม. ) บนกระดาษกราศึกษา [ 2 ]ภาพวาดเป็นพินัยกรรมที่พิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ ลิคเทนสไทน์ของปี 1997 หลังจากความตาย ตามสัญญาในปี 1992 พิพิธภัณฑ์ที่ใช้ grrrrrrrrrrr ! ! ในโปสเตอร์ส่งเสริมการขายสำหรับปี 1993 นิทรรศการ " รอย ลิคเทนสไทน์ : ย้อนหลัง " ซึ่งวิ่งจากวันที่ 7 ตุลาคม 2536 – 16 มกราคม 1994 [ 3 ] [ 4 ] คนอื่น นิทรรศการที่งานนี้ถูกแสดงรวม " นัดพบ : ผลงานชิ้นเอกจากศูนย์ฌอร์ฌ ปงปีดูและกุกเกนไฮม์พิพิธภัณฑ์ " ซึ่งวิ่งจาก 16 ตุลาคม 2541 – 24 มกราคม 1999 ที่พิพิธภัณฑ์ในนิวยอร์ก รวมทั้งศิลปะในสหรัฐอเมริกา : 300 ปีของนวัตกรรม " ซึ่งเดินทางไปพิพิธภัณฑ์หลายแห่งในประเทศจีนระหว่างปี 2007 และ 2008 . [ 5 ] [ 6 ]งานที่ปรากฏบนหน้าปกของฉบับเดือนพฤศจิกายน 1993 artnews [ 7 ] [ 8 ]