On the final day of the Rains retre

On the final day of the Rains retreat in 1868, Rama IV passed away. His eldest son, Prince Chulalongkorn, who was now Rama V, was only fifteen years old. As a result, the running of the government was placed in the hands of a Regent — Chao Phraya Sri Suriyawong (Chuang Bunnag) — who was to hold this office until Rama V reached maturity. (In a later reminiscence, Rama V stated that during this period he lived in constant fear of being assassinated.) Shortly after the Regency was instituted, Somdet Toh — who was now 80 — appeared at the Regent's palace in the middle of a sunny day, carrying a lit torch that he held aloft with one hand, and a long, narrow palm-leaf Dhamma text that he carried at a backward-sloping angle under his other arm. After he had walked through the palace halls in this way, word reached the Regent. The Regent respectfully approached Somdet Toh and asked him to take a seat, after which he assured him that he understood the Somdet's message: He would not allow his deliberations to be overcome with the darkness of defilement, and he would hold to the Dhamma as a rudder while steering the ship of state.

Four years later Somdet Toh passed away.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในวันสุดท้ายของทรีฝนใน 1868 รามเสด็จสวรรคต เขาอ้าย จุฬาลงกรณ์ เจ้าชายที่ถูกตอนนี้จุลจอมเกล้า มีอายุเพียง 15 ปี ดัง ทำงานของรัฐบาลวางไว้ในมือของรีเจนท์เป็น — เจ้าเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วงบุนนาค) ซึ่งผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนี้จนกว่าครบกำหนดถึงพระ (ในความทรงจำในภายหลัง พระราม V ระบุว่า ในช่วงเวลานี้ เขาอาศัยอยู่ในความกลัวคงกำลังถูกลอบ) ในไม่ช้าหลังจากที่รีเจนซี่คือ instituted สมเด็จโต — ที่ขณะนี้มี 80 ตัวปรากฏที่เดอะรีเจนท์พาเลซในช่วงกลางวันแดด พกพาไฟฉายไฟที่เขาจัดโรงแรมอลอฟท์ ด้วยมือเดียว และข้อความยาว แคบลานธรรมที่เขาดำเนินการที่มีย้อนหลังลาดเอียงมุมใต้เขาแขนอื่น ๆ หลังจากที่เขาได้เดินผ่านห้องโถงพระราชวังด้วยวิธีนี้ คำถึงเดอะรีเจนท์ เดอะรีเจนท์รับทาบทามสมเด็จโต และขอให้เขาจะนั่ง ที่เขามั่นใจเขาว่า เขาเข้าใจข้อความของสมเด็จ: เขาจะไม่ยอมให้เขาอย่างรอบคอบยิ่งขึ้นเพื่อจะเอาชนะความมืดของ defilement และเขาจะค้างเพื่อธรรมที่เป็นหางเสือที่ขณะหมุนพวงมาลัยเรือรัฐ

สี่ปีหลังสมเด็จโตสวรรคต

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในวันสุดท้ายของการพักผ่อนฤดูฝนในปี 1868 รัชกาลที่ล่วงลับไปแล้ว ลูกชายคนโตของเจ้าชายจุฬาลงกรณ์ซึ่งเป็นจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในขณะนี้เป็นเพียงอายุสิบห้าปี เป็นผลให้การทำงานของรัฐบาลที่ถูกนำมาวางในมือของรีเจ้นท์ - เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วงบุนนาค) - ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนี้จนกว่าจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวถึงวุฒิภาวะ (ในความทรงจำต่อมาจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวระบุว่าในช่วงเวลานี้เขาอาศัยอยู่ในความกลัวคงที่ของการถูกลอบสังหาร.) หลังจากนั้นไม่นาน Regency ก่อตั้ง, สมเด็จโต - ผู้ที่เป็นตอนนี้ 80 - ปรากฏตัวขึ้นที่พระราชวังรีเจ้นท์ในช่วงกลางของวันแดด ถือคบเพลิงที่เขาชูด้วยมือข้างหนึ่งและยาวใบตาลข้อความธรรมแคบว่าเขาดำเนินการที่มุมย้อนหลังลาดใต้แขนอื่น ๆ ของเขา หลังจากที่เขาเดินผ่านห้องโถงพระราชวังในลักษณะนี้พูดถึงรีเจ้นท์ รีเจ้นท์กราบเข้าหาสมเด็จโตและขอให้เขานั่งหลังจากที่เขามั่นใจว่าเขาเข้าใจข้อความสมเด็จของเขาจะไม่ยอมให้การปรึกษาหารือของเขาที่จะเอาชนะด้วยความมืดของกิเลสและเขาจะถือธรรมเป็น หางเสือเรือในขณะที่พวงมาลัยของรัฐสี่ปีต่อมาสมเด็จโตผ่านไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในวันสุดท้ายของการออกพรรษาในปี 1868 , พระราม เสียชีวิต ลูกชายคนโตของเขา , เจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ ที่ตอนนี้ รัชกาลที่ 5 ได้เพียงสิบห้าปี ผลการทํางานของรัฐบาลที่ถูกวางไว้ในมือของรีเจ้นท์ - เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ( ช่วง บุนนาค ) ผู้ที่จะรับหน้าที่นี้ได้ จนกระทั่ง รัชกาลที่ 5 ถึง วุฒิภาวะ ( ในความทรงจำต่อไปพระราม 5 ระบุว่า ในช่วงเวลานี้เขาอยู่ในความกลัวคงที่ของการลอบสังหาร ) หลังจากรีเจนซี จะทำให้ไทยสูญเสีย - ใครตอนนี้ 80 - ปรากฏที่เป็นผู้สำเร็จราชการพระราชวังกลางวันแดด แบกไฟ ไฟฉายที่เขาชู กับ มือ และ ยาว แคบ ปาล์ม ใบธรรม ข้อความที่เขาแบกอยู่ข้างหลัง เอียงมุมภายใต้แขนอื่น ๆของเขาหลังจากที่เขาเดินผ่านห้องโถงในพระราชวังแบบนี้ คำถึงผู้สำเร็จราชการ โรงแรม รีเจนท์ น้อมเข้าหาสมเด็จฯโต และขอให้เขานั่ง หลังจากนั้นเขาก็เขามั่นใจว่าเขาเข้าใจเป็นสมเด็จข้อความ : เขาจะไม่อนุญาตให้พิจารณาของเขาที่จะเอาชนะกับความมืดเรื่องกิเลส และเขาจะยึดธรรมเป็นหางเสือขณะหมุนพวงมาลัยเรือของรัฐ

สี่ปีต่อมาสมเด็จโต เสียชีวิต