As with the literature on the offen

As with the literature on the offense behavior of rapists, it is currently not possible to conclude that there is evidence for changes in the knowledge structures of rapists as a function of expertise. Despite this, the potential power expertise has in explaining when we might expect explicit rape-supportive questionnaire or interview responses to converge and diverge with implicitly measured cognitive distortions suggests that researchers should incorporate an examination of expertise into their research agendas. However, it is worth sounding a note of caution from another strand of research. If questionnaire responses from novices that appear to endorse distorted views are truly the outcome of cognitive processes that are less stable and entrenched, researchers might expect to see evidence of more distorted responses when questionnaire measures of cognitive distortions are presented after rape proclivity measures in novice rapists/rape-prone individuals. In other words, only when they have admitted an arousal to or a propensity towards rape should they feel cognitive pressure to justify or minimize their responses. However, a series of studies by Bohner and colleagues appears to show the opposite finding. They found that the correlation between rape myth acceptance and rape proclivity was stronger when rape myths were presented first (Bohner, Siebler, & Schmelcher, 2006; Bohner et al., 1998). This suggests that the accessibility of rape myths appears to heighten self-reported rape proclivity rather than men seeking to minimize or excuse their proclivity by citing myths or distortions about rape. Only well designed studies will tease apart the relationships between rape proclivity, excuse making/minimizations, truly distorted belief structures, and expertise.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เช่นเดียวกับวรรณกรรมกับพฤติกรรมกระทำผิดของ rapists มันอยู่ไม่ได้จะสรุปว่า มีหลักฐานการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างความรู้ของ rapists เป็นฟังก์ชันของความเชี่ยวชาญ แม้นี้ มีความเชี่ยวชาญอำนาจการอธิบายเมื่อเราอาจคาดหวังที่ชัดเจนสนับสนุนข่มขืนแบบสอบถาม หรือสัมภาษณ์ตอบมาบรรจบ และปมากด้วยนัยวัดการบิดเบือนทางปัญญาแนะนำว่า นักวิจัยควรรวมการตรวจสอบความเชี่ยวชาญในวาระวิจัยของพวกเขา อย่างไรก็ตาม มันคุ้มเสียงหมายเหตุข้อควรระวังจากสาระอื่นของการวิจัย ถ้าตอบแบบสอบถามจากสามเณรที่ปรากฏมุมมองที่บิดเบี้ยวให้ความเห็นชอบอย่างแท้จริงเป็นผลของกระบวนการทางปัญญาที่มีความเสถียรน้อย และยึดที่มั่น นักวิจัยอาจจะเห็นหลักฐานของเพิ่มเติมผิดเพี้ยนคำตอบเมื่อถามมาตรการของการบิดเบือนความรู้ความเข้าใจจะแสดงหลังจากข่มขืน proclivity มาตรการในสามเณร rapists/ข่ม ขืนแนวโน้มที่บุคคลได้ ในคำอื่น ๆ เมื่อพวกเขาได้เข้าการเร้าอารมณ์ไปหรือนิสัยชอบต่อข่มขืน ควรพวกเขารู้สึกว่าความดันความรู้ความเข้าใจการจัดชิดขอบ หรือลดการตอบสนองของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ชุดของการศึกษาโดย Bohner และเพื่อนร่วมงานจะ แสดงการค้นพบตรงกันข้าม พวกเขาพบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างการยอมรับเรื่องข่มขืนกระทำชำเราและข่มขืน proclivity แข็งแกร่งเมื่อตำนานการข่มขืนกระทำชำเราถูกนำเสนอครั้งแรก (Bohner, Siebler, & Schmelcher, 2006 Bohner et al. 1998) นี้แสดงให้เห็นว่า การเข้าถึงของตำนานการข่มขืนกระทำชำเราปรากฏโขย่ง proclivity ข่มขืนตนเองรายงานแทนที่เป็นผู้ชายที่ต้องการลด หรือแก้ตัว proclivity ของพวกเขา โดยอ้างถึงตำนานหรือบิดเบือนเกี่ยวกับการข่มขืนกระทำชำเรา เพียงศึกษาออกแบบมาดีจะทำให้แยกความสัมพันธ์ระหว่าง proclivity ข่มขืน ทำแก้ ตัว/minimizations อย่างแท้จริงผิดเพี้ยนความเชื่อและโครงสร้าง ความเชี่ยวชาญ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เช่นเดียวกับหนังสือที่เกี่ยวกับพฤติกรรมการกระทำผิดกฎหมายของการข่มขืนปัจจุบันมันเป็นไปไม่ได้ที่จะสรุปว่ามีหลักฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างความรู้ในการข่มขืนเป็นหน้าที่ของความเชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ความเชี่ยวชาญด้านพลังงานที่มีศักยภาพในการอธิบายเมื่อเราอาจคาดหวังอย่างชัดเจนข่มขืนสนับสนุนแบบสอบถามหรือการสัมภาษณ์การตอบสนองจะมาบรรจบกันและแตกต่างกับวัดโดยปริยายบิดเบือนความรู้ความเข้าใจให้เห็นว่านักวิจัยควรรวมการตรวจสอบที่มีความเชี่ยวชาญเข้าสู่วาระการวิจัยของพวกเขา แต่ก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่าทำให้เกิดเสียงบันทึกของความระมัดระวังจากสาระของการวิจัยอื่น ถ้าคำตอบแบบสอบถามจากสามเณรที่ปรากฏเพื่อรับรองมุมมองที่บิดเบี้ยวอย่างแท้จริงผลของกระบวนการทางปัญญาที่น้อยมั่นคงและยึดที่มั่นนักวิจัยอาจจะคาดหวังที่จะเห็นหลักฐานของการตอบสนองที่บิดเบี้ยวมากขึ้นเมื่อมาตรการแบบสอบถามการบิดเบือนความรู้ความเข้าใจจะถูกนำเสนอหลังจากที่มาตรการข่มขืนความปรารถนาในการข่มขืนสามเณร / บุคคลข่มขืนได้ง่าย ในคำอื่น ๆ เพียง แต่เมื่อพวกเขาได้เข้ารับการรักษาเร้าอารมณ์หรือความโน้มเอียงไปสู่​​การข่มขืนพวกเขาควรจะรู้สึกกดดันองค์ความรู้ที่จะปรับหรือลดการตอบสนองของพวกเขา แต่ชุดของการศึกษาโดย Bohner และเพื่อนร่วมงานจะปรากฏขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นการค้นพบที่ตรงข้าม พวกเขาพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างการยอมรับข่มขืนและข่มขืนตำนานความปรารถนาเป็นแข็งแกร่งเมื่อตำนานข่มขืนถูกนำเสนอเป็นครั้งแรก (Bohner, Siebler และ Schmelcher, 2006. Bohner, et al, 1998) นี้แสดงให้เห็นว่าการเข้าถึงของตำนานการข่มขืนจะปรากฏขึ้นเพื่อยกระดับตนเองรายงานปรารถนาข่มขืนมากกว่าผู้ชายที่มองหาที่จะลดหรือแก้ตัวความปรารถนาของพวกเขาโดยอ้างตำนานหร​​ือบิดเบือนเกี่ยวกับการข่มขืน เฉพาะการศึกษาออกแบบมาอย่างดีจะหยอกล้อออกจากกันความสัมพันธ์ระหว่างความปรารถนาข่มขืน, การทำข้อแก้ตัว / minimizations บิดเบี้ยวอย่างแท้จริงโครงสร้างความเชื่อและความเชี่ยวชาญ