คำตอบทั้งหมดซึ่งแรกของโลกาภิวัตน์ที

คำตอบทั้งหมด
ซึ่งแรกของโลกาภิวัตน์ที่เกิดขึ้นในโลกโบราณ เครือข่ายทางการค้าที่เจริญรุ่งเรืองที่พัฒนาแห่งเมดิเตอร์เรเนียน และแม่น้ำสินธุ โดยยุคทองอิสลาม ตลาดเหล่านี้ได้รวม และ cosmopolitanism ที่สนับสนุนไม่เพียง ผ่านการ ค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยชาวยิวและชาวมุสลิม แต่มุ่งเน้นการแสวงบุญความเชื่อของอิสลามเอง โดยยุคแรก ๆ ค้า สำรวจ และลัทธินำแหล่งวัตถุดิบและตลาดยุโรปอเมริกาลัทธิใหม่ มันยังเห็นการเพิ่มขึ้นของทุนนิยมและมายคลาค้ายุโรปที่มีประสิทธิภาพ
โดยศตวรรษที่ ชนะยุโรปและลัทธิจักรวรรดินิยม interwove เศรษฐกิจตะวันตกกับคนอื่นทั่วโลกลึกกว่าที่เคย นำไปสู่การแยกภูมิภาคเป็นที่รู้จักมากขึ้นระหว่างอุตสาหกรรม และแผนเศรษฐกิจ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกเองก็เกือบหมดเพื่อรองรับการสะสมทุน ในขณะที่กระบวนการโลกาภิวัตน์ lagged หลังสงครามโลก มันกระดอนในทศวรรษที่ผ่านมาหลัง WWII ส่วนใหญ่เนื่องจากสำคัญลดต้นทุนการขนส่งหรือขนส่ง กำจัดภาษีศุลกากรหลาย สนับสนุนมากขึ้นของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาข้ามขอบเขตนานาชาติ และการสร้าง และการบวงสรวงของเงินอุดหนุนเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและองค์กรสากล เพียงเพื่อชื่อไม่กี่
โดยศตวรรษ ความก้าวหน้าในการสื่อสารและเทคโนโลยีสังคมส่วนการเพิ่มความสามารถในการข้ามอุปสรรคทางวัฒนธรรม และภาษาศาสตร์ บุญอื่นสำหรับธุรกิจรวมทั่วโลก


One could say that globalization has been going on since the Middle Ages, when merchants traveled the Silk Road from Europe to China to buy and sell fabrics, perfumes, spices, jewels, glassware, and slaves. With every technological breakthrough bringing faster communication or more efficient transport of goods, the countries of the world have become more closely connected.

The modern era of globalization began just after World War II, when world leaders acted on their belief that interdependence would help prevent war, and that breaking down barriers to international trade would spread prosperity. At the Bretton Woods Conference in 1944, representatives of 44 nations laid the foundations for the International Monetary Fund and what would become the World Bank.

In the 1950s, multinational corporations based in the U.S. and Europe grew tremendously. International trade mushroomed during the second half of the 20th century. The past two decades, especially, have seen more and more countries moving toward free-market economies and lowering barriers to trade.

National economies have now become so tightly interconnected that a problem in one country can affect the rest of the world—as we saw in the financial crisis that began in 2007.

There was a large increase in economic globalisation in the 19th century

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คำตอบทั้งหมดซึ่งแรกของโลกาภิวัตน์ที่เกิดขึ้นในโลกโบราณเครือข่ายทางการค้าที่เจริญรุ่งเรืองที่พัฒนาแห่งเมดิเตอร์เรเนียนและแม่น้ำสินธุโดยยุคทองอิสลามตลาดเหล่านี้ได้รวมและ cosmopolitanism ที่สนับสนุนไม่เพียงผ่านการค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยชาวยิวและชาวมุสลิมแต่มุ่งเน้นการแสวงบุญความเชื่อของอิสลามเองโดยยุคแรกๆ ค้าสำรวจและลัทธินำแหล่งวัตถุดิบและตลาดยุโรปอเมริกาลัทธิใหม่มันยังเห็นการเพิ่มขึ้นของทุนนิยมและมายคลาค้ายุโรปที่มีประสิทธิภาพโดยศตวรรษที่ชนะยุโรปและลัทธิจักรวรรดินิยม interwove เศรษฐกิจตะวันตกกับคนอื่นทั่วโลกลึกกว่าที่เคยนำไปสู่การแยกภูมิภาคเป็นที่รู้จักมากขึ้นระหว่างอุตสาหกรรมและแผนเศรษฐกิจในขณะที่เศรษฐกิจโลกเองก็เกือบหมดเพื่อรองรับการสะสมทุนในขณะที่กระบวนการโลกาภิวัตน์ lagged หลังสงครามโลกมันกระดอนในทศวรรษที่ผ่านมาหลัง WWII ส่วนใหญ่เนื่องจากสำคัญลดต้นทุนการขนส่งหรือขนส่งกำจัดภาษีศุลกากรหลายสนับสนุนมากขึ้นของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาข้ามขอบเขตนานาชาติและการสร้างและการบวงสรวงของเงินอุดหนุนเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและองค์กรสากลเพียงเพื่อชื่อไม่กี่โดยศตวรรษ ความก้าวหน้าในการสื่อสารและเทคโนโลยีสังคมส่วนการเพิ่มความสามารถในการข้ามอุปสรรคทางวัฒนธรรม และภาษาศาสตร์ บุญอื่นสำหรับธุรกิจรวมทั่วโลกOne could say that globalization has been going on since the Middle Ages, when merchants traveled the Silk Road from Europe to China to buy and sell fabrics, perfumes, spices, jewels, glassware, and slaves. With every technological breakthrough bringing faster communication or more efficient transport of goods, the countries of the world have become more closely connected.The modern era of globalization began just after World War II, when world leaders acted on their belief that interdependence would help prevent war, and that breaking down barriers to international trade would spread prosperity. At the Bretton Woods Conference in 1944, representatives of 44 nations laid the foundations for the International Monetary Fund and what would become the World Bank.In the 1950s, multinational corporations based in the U.S. and Europe grew tremendously. International trade mushroomed during the second half of the 20th century. The past two decades, especially, have seen more and more countries moving toward free-market economies and lowering barriers to trade.เศรษฐกิจของประเทศขณะนี้เป็นดังแน่นมกราคมว่า ปัญหาในประเทศหนึ่งอาจมีผลต่อส่วนที่เหลือของโลก — ตามที่เราเห็นในวิกฤตการณ์ทางการเงินที่เริ่มในปี 2550มีการเพิ่มขนาดใหญ่ในนโบายเศรษฐกิจในศตวรรษที่ 19

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

และแม่น้ำสินธุโดยยุคทองอิสลามตลาดเหล่านี้ได้รวมและ cosmopolitanism ที่สนับสนุนไม่เพียงผ่านการค้า โดยยุคแรก ๆ ค้าสำรวจ
ชนะยุโรปและลัทธิจักรวรรดินิยม interwove และแผนเศรษฐกิจ ในขณะที่กระบวนการโลกาภิวัตน์ lagged หลังสงครามโลกมันกระดอนในทศวรรษที่ผ่านมาหลังสงครามโลกครั้งที่สอง กำจัดภาษีศุลกากรหลาย และการสร้าง เพียงเพื่อชื่อไม่กี่
โดยศตวรรษ และภาษาศาสตร์บุญอื่นสำหรับธุรกิจรวมทั่วโลกหนึ่งอาจกล่าวได้ว่าโลกาภิวัตน์ได้เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคกลางเมื่อพ่อค้าเดินทางเส้นทางสายไหมจากยุโรปไปยังประเทศจีนเพื่อซื้อและขายผ้า, น้ำหอม, เครื่องเทศ, อัญมณี, แก้ว, และทาส ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการสื่อสารทุกนำเร็วขึ้นหรือขนส่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นของสินค้าประเทศทั่วโลกได้กลายเป็นที่เชื่อมต่ออย่างใกล้ชิดมากขึ้น. ยุคใหม่ของโลกาภิวัตน์เริ่มเพียงหลังสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อผู้นำของโลกทำหน้าที่บนความเชื่อของพวกเขาที่พึ่งพาอาศัยซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดสงคราม และที่จะหมดสภาพความอุปสรรคในการค้าระหว่างประเทศจะกระจายความเจริญรุ่งเรือง ในการประชุมเบรตตันวูดส์ในปี 1944 ผู้แทนจาก 44 ประเทศที่วางรากฐานสำหรับกองทุนการเงินระหว่างประเทศและสิ่งที่จะกลายเป็นโลกธนาคาร. ในปี 1950 บริษัท ข้ามชาติอยู่ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างมาก การค้าระหว่างประเทศ mushroomed ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 ที่ผ่านมาสองทศวรรษที่ผ่านมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งได้เห็นประเทศมากขึ้นและย้ายไปยังเศรษฐกิจตลาดเสรีและลดอุปสรรคในการค้า. เศรษฐกิจแห่งชาติได้ตอนนี้กลายเป็นที่เชื่อมต่อกันเพื่อให้แน่นว่าปัญหาในประเทศใดประเทศหนึ่งจะมีผลต่อส่วนที่เหลือของโลกตามที่เราเห็น ในวิกฤตการณ์ทางการเงินที่เริ่มต้นขึ้นในปี 2007. มีเพิ่มขึ้นมากในโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจในศตวรรษที่ 19 คือ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คำตอบทั้งหมด
ซึ่งแรกของโลกาภิวัตน์ที่เกิดขึ้นในโลกโบราณเครือข่ายทางการค้าที่เจริญรุ่งเรืองที่พัฒนาแห่งเมดิเตอร์เรเนียนและแม่น้ำสินธุโดยยุคทองอิสลามตลาดเหล่านี้ได้รวมและคตินิยมสากลที่สนับสนุนไม่เพียงผ่านการค้าแต่มุ่งเน้นการแสวงบุญความเชื่อของอิสลามเองโดยยุคแรกจะค้าสำรวจและลัทธินำแหล่งวัตถุดิบและตลาดยุโรปอเมริกาลัทธิใหม่มันยังเห็นการเพิ่มขึ้นของทุนนิยมและมายคลาค้ายุโรปที่มีประสิทธิภาพ
โดยศตวรรษที่ชนะยุโรปและลัทธิจักรวรรดินิยม interwove เศรษฐกิจตะวันตกกับคนอื่นทั่วโลกลึกกว่าที่เคยนำไปสู่การแยกภูมิภาคเป็นที่รู้จักมากขึ้นระหว่างอุตสาหกรรมและแผนเศรษฐกิจในขณะที่กระบวนการโลกาภิวัตน์หลังสงครามโลกมันกระดอนในทศวรรษที่ผ่านมาหลัง WWII ส่วนใหญ่เนื่องจากสำคัญลดต้นทุนการขนส่งหรือขนส่งกำจัดภาษีศุลกากรหลายล้าหลังและการสร้างและการบวงสรวงของเงินอุดหนุนเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและองค์กรสากลเพียงเพื่อชื่อไม่กี่
โดยศตวรรษความก้าวหน้าในการสื่อสารและเทคโนโลยีสังคมส่วนการเพิ่มความสามารถในการข้ามอุปสรรคทางวัฒนธรรมและภาษาศาสตร์บุญอื่นสำหรับธุรกิจรวมทั่วโลก


อาจกล่าวได้ว่า โลกาภิวัตน์มีมาตั้งแต่สมัยกลางเมื่อพ่อค้าเดินทางถนนผ้าไหมจากยุโรปไปยังประเทศจีนเพื่อซื้อและขายผ้า , น้ำหอม , เครื่องเทศ , อัญมณี , เครื่องแก้ว และทาส ทุกความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนำการสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้นเร็วขึ้น หรือการขนส่งสินค้า ประเทศของโลกมีมากขึ้นการเชื่อมต่ออย่างใกล้ชิด

สมัยใหม่ยุคโลกาภิวัตน์เริ่มหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อผู้นำโลกทำในความเชื่อของพวกเขาที่การพึ่งพาอาศัยกัน จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดสงครามและทำลายลงอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศจะกระจายความเจริญ ในการประชุม Bretton Woods ในปี 1944 ผู้แทน 44 ประเทศวางรากฐานสำหรับกองทุนการเงินระหว่างประเทศและสิ่งที่จะกลายเป็นธนาคารโลก

ในปี 1950 , บริษัท ข้ามชาติที่อยู่ในสหรัฐฯและยุโรปที่เติบโตอย่างมาก การค้าระหว่างประเทศ mushroomed ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 ที่ผ่านมาสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้เห็นประเทศมากขึ้นและย้ายไปยังเศรษฐกิจตลาดเสรีและลดอุปสรรคการค้า .

เศรษฐกิจของประเทศที่ได้กลายเป็นที่เชื่อมต่อกันแน่นมากที่เป็นปัญหาในประเทศใดประเทศหนึ่งจะส่งผลกระทบต่อส่วนที่เหลือของโลกที่เราเห็นในวิกฤตการณ์ทางการเงินที่เริ่มต้นในปี 2007

มีเพิ่มขึ้นมากในโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจใน
ศตวรรษที่ 19