The present analysis of the dietary

The present analysis of the dietary factors affecting ADHD in older elementary students found that children on an unbalanced diet were 14.63 times more disposed toward ADHD than those who maintained a balanced diet. Gender(by 5.68 times), school credits(by 3.80 times), the frequency of breakfast (2.52 times) and the frequency of processed food intake(1.06 times) were associated with a higher disposition toward ADHD. Previous studies analyzed the correlation between ADHD and the dietary factors in line with the disposition toward ADHD without paying attention to the factors influencing ADHD, which is why it is difficult to directly compare the present findings with previous ones. Still the correlational research by Son and Kim[7] reported a higher relevance between ADHD scores in children and their irregular meal time, preference for treats to staples, eating while watching TV, and frequent consumption of ramen and confectionary. Jang and Kim[8] found boys received higher ADHD scores than girls and showed unfavorable dietary habits in regard of breakfast, balanced diet and frequencies of fruit and milk intakes in comparison to non-ADHD students. Notably, they showed a significantly frequent consumption of ramen. Likewise, the higher the ADHD scores, the higher the caffeine intake. In contrast to previous studies analyzing correlations only, the factors found in the present research to affect ADHD should be used for developing nursing intervention programs for ADHD prevention and treatment applicable to older elementary students. Moreover, the effects of such programs need be analyzed by further studies

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การวิเคราะห์ปัจจัยอาหารที่มีผลต่อภาระผูกพันในนักเรียนประถมศึกษาเก่าปัจจุบันพบว่า เด็กในอาหารไม่สมดุลได้ 14.63 ครั้งมากตัดแล้วต่อภาระผูกพันมากกว่าผู้ที่รักษาสมดุล เพศ (โดย 5.68 ครั้ง), เครดิตโรงเรียน (โดย 3.80 ครั้ง), ความถี่ของอาหารเช้า (เวลา 2.52) และความถี่ของการบริโภคอาหารแปรรูป (1.06 เท่า) เกี่ยวข้องกับการจัดการที่สูงขึ้นต่อภาระผูกพัน ก่อนหน้านี้การศึกษาวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างภาระผูกพันและปัจจัยอาหารกับการจัดการต่อภาระผูกพันโดยไม่ให้ความสนใจกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภาระผูกพัน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ยากที่จะเปรียบเทียบได้โดยตรงที่พบปัจจุบัน มีก่อนหน้า ยัง วิจัย correlational สนและคิม [7] รายงานความเกี่ยวข้องสูงระหว่างคะแนนภาระผูกพันในเด็กและเวลาอาหารผิดปกติ การกำหนดลักษณะสำหรับปฏิบัติการลวดเย็บกระดาษ การรับประทานอาหารขณะดูทีวี และใช้บ่อยของราเม็งและ confectionary แจงและคิม [8] พบชายที่ได้รับสูงขึ้นภาระผูกพันคะแนนกว่าผู้หญิงและแสดงร้ายอุปนิสัยในสัมมาคารวะเช้า สมดุล และความถี่ของนมและผลไม้ภาคโดยนักเรียนไม่มีภาระผูกพัน ยวด พวกเขาพบว่าการใช้บ่อยมากของราเม็ง ในทำนองเดียวกัน ภาระผูกพันสูงกว่าคะแนน สูงกว่าการบริโภคคาเฟอีน ในทางตรงกันข้าม ไปก่อนหน้าการศึกษาวิเคราะห์ความสัมพันธ์เฉพาะ ปัจจัยที่พบในการวิจัยปัจจุบันมีผลต่อภาระผูกพันควรใช้สำหรับการพัฒนาพยาบาลแทรกแซงโปรแกรมสำหรับป้องกันภาระผูกพันและการรักษาที่ใช้กับนักเรียนระดับประถมศึกษาอายุ นอกจากนี้ ต้องวิเคราะห์ผลกระทบของโปรแกรมดังกล่าว โดยศึกษาเพิ่มเติม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปัจจุบันการวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการบริโภคอาหารในผู้ป่วยสมาธิสั้นที่มีอายุมากกว่านักเรียนชั้นประถมพบว่าเด็กในอาหารที่ไม่สมดุลเป็น 14.63 ครั้งที่จำหน่ายขึ้นต่อสมาธิสั้นกว่าผู้ที่เก็บรักษาอาหารที่สมดุล เพศ (โดย 5.68 ครั้ง) สินเชื่อโรงเรียน (โดย 3.80 ครั้ง) ความถี่ในการรับประทานอาหารเช้า (2.52 ครั้ง) และความถี่ของการบริโภคอาหารแปรรูป (1.06 ครั้ง) มีความสัมพันธ์กับการจำหน่ายที่สูงขึ้นต่อสมาธิสั้น การศึกษาก่อนหน้าการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยสมาธิสั้นและปัจจัยการบริโภคอาหารที่สอดคล้องกับการจำหน่ายไปยังผู้ป่วยสมาธิสั้นโดยไม่ได้ให้ความสนใจกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อสมาธิสั้นซึ่งเป็นเหตุผลที่มันเป็นเรื่องยากที่จะเปรียบเทียบโดยตรงผลการวิจัยในปัจจุบันที่มีคนก่อนหน้านี้ ยังคงการวิจัยหาความสัมพันธ์โดยบุตรและคิม [7] รายงานความเกี่ยวข้องสูงระหว่างคะแนนสมาธิสั้นในเด็กและเวลาอาหารของพวกเขาผิดปกติการตั้งค่าสำหรับการปฏิบัติเพื่อลวดเย็บกระดาษ, การรับประทานอาหารในขณะที่ดูทีวีและการบริโภคบ่อยของราเม็งและขนมหวาน จางและคิม [8] พบเด็กชายที่ได้รับคะแนนสูงกว่าผู้ป่วยสมาธิสั้นเด็กผู้หญิงและแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่เอื้ออำนวยในเรื่องของอาหารเช้า, อาหารที่สมดุลและความถี่ของการบริโภคผลไม้และนมในการเปรียบเทียบกับนักเรียนที่ไม่ใช่สมาธิสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาแสดงให้เห็นว่าการบริโภคบ่อยอย่างมีนัยสำคัญของราเม็ง ในทำนองเดียวกันที่สูงกว่าคะแนนสมาธิสั้นที่สูงกว่าการบริโภคคาเฟอีน ในทางตรงกันข้ามกับการศึกษาก่อนหน้าการวิเคราะห์ความสัมพันธ์เพียงปัจจัยที่พบในการวิจัยในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อสมาธิสั้นควรจะใช้สำหรับการพัฒนาโปรแกรมการพยาบาลสำหรับการป้องกันและการรักษาผู้ป่วยสมาธิสั้นที่ใช้บังคับกับนักเรียนชั้นประถมที่มีอายุมากกว่า นอกจากนี้ผลกระทบของโปรแกรมดังกล่าวจำเป็นต้องวิเคราะห์โดยการศึกษาต่อไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อปัจจุบันของอาหาร ADHD ในแก่นักเรียนประถมศึกษาพบว่า เด็กๆ ในอาหารที่สมดุลเป็น 14.63 ต่อครั้งมากกว่าคนที่ทิ้งสมาธิสั้นรักษาสมดุลอาหาร เพศ ( 5.68 ครั้ง ) , เครดิตโรงเรียน ( 3.80 ครั้ง ) , ค่าอาหารเช้า ( 2.52 ครั้ง ) และความถี่ของการบริโภคอาหารแปรรูป ( 106 ครั้ง ) ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการที่สูงขึ้นที่มีอาการสมาธิสั้น การศึกษาวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างโรคและปัจจัยอาหารที่สอดคล้องกับการจัดการกับอาการสมาธิสั้น โดยไม่สนใจปัจจัยสมาธิสั้น ซึ่งทำให้เป็นการยากที่จะโดยตรงเปรียบเทียบผลการศึกษากับก่อนหน้านี้ยังสัมพันธ์งานวิจัยโดยลูกชายและคิม [ 7 ] รายงานสูงกว่าคะแนนความเกี่ยวข้องระหว่างโรคในเด็กและเวลาผิดปกติของอาหาร , การตั้งค่าสำหรับถือว่าการเย็บเล่ม กินตอนดูทีวี และการบริโภคบ่อยของบะหมี่และขนม . จางและคิม [ 8 ] พบเด็กได้รับสูงกว่าคะแนนมากกว่าผู้หญิง และมีสมาธิสั้น ร้ายอาหาร นิสัยในเรื่องอาหารเช้าสมดุลอาหารและความถี่ของผลไม้และนมได้รับการปลอดโรค นักเรียน นักศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขามีการบริโภคมาก บ่อย ครับ อนึ่ง ยิ่งสมาธิสั้นคะแนน สูงกว่าปริมาณคาเฟอีน . ในทางตรงกันข้ามกับการศึกษาวิเคราะห์ความสัมพันธ์เท่านั้นปัจจัยที่พบในงานวิจัยปัจจุบันมีผลต่อสมาธิสั้น ควรใช้โปรแกรมการพัฒนาการพยาบาลเพื่อป้องกันและการรักษาที่เกี่ยวข้องกับรุ่นเก่าสมาธิสั้นเบื้องต้นของนักเรียน นอกจากนี้ ผลของโปรแกรมดังกล่าวต้องถูกวิเคราะห์โดยการศึกษาเพิ่มเติม