Saturnia takes its name from the Ro

Saturnia takes its name from the Roman god Saturn (us). Legend has it that he grew tired of the constant wars of humans, and sent a thunderbolt to earth that created a magic spring of warm sulphurous water which would pacify mankind.

Dionysius of Halicarnassus lists Saturnia as one of the towns first occupied by the Pelasgi and then by the Etruscan civilization. A Roman colony arrived in 183 BC, but little is known about it other than the fact that it was a prefecture. There are still remains of the city walls, in the polygonal style, which contain Roman gateways. Roman remains have also been discovered within the town, and remains of tombs outside. These tombs were originally covered by tumuli, which have now disappeared, so that George Dennis, author of Cities and Cemeteries of Etruria, mistook them for megalithic remains.

In 1300, Saturnia became the hideout of outlaws and was razed to the ground by the Sienese. Forgotten for several centuries, Saturnia was rediscovered in the late 19th century when the land around the spring was drained and a spa built. Thousands of visitors come to bathe in the waters to this day.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Saturnia นำชื่อมาจากเทพเจ้าโรมันเสาร์ (เรา) ตำนานมีว่า เขาเติบโตเบื่อสงครามคงของมนุษย์ และฟ้าไปโลกที่สร้างน้ำพุวิเศษ sulphurous น้ำอุ่นซึ่งจะสงบมนุษย์Dionysius Halicarnassus แสดงรายการ Saturnia เป็นหนึ่งในเมืองแรก ครอบครอง โดย Pelasgi แล้ว โดยที่อารยธรรม โคโลนีโรมันมาถึง 183 BC แต่น้อยเป็นที่รู้จักกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ใช่ความจริงที่ว่า เป็นจังหวัดที่ ยังมีของกำแพงเมือง ในแบบ polygonal ที่ประกอบด้วยเกตเวย์โรมัน โรมันยังคงมียังถูกค้นพบภายในเมือง และของเมืองนอก สุสานเหล่านี้ถูกแรกครอบคลุม โดย tumuli ซึ่งตอนนี้หาย ให้จอร์จเดนนิส ผู้เขียนของเมืองและ Cemeteries ของจักรอิทรูเรีย mistook นั้นสำหรับ megalithic ยังคงใน 1300, Saturnia กลายเป็น สถานที่หลบภัยของเพลิดเพลิน และได้พินาศวอดวายไปพื้นดิน โดยที่เซียนา ลืมหลายศตวรรษ Saturnia ถูก rediscovered ในช่วงปลายศตวรรษ เมื่อที่ดินรอบฤดูใบไม้ผลินั้นหมดกำลัง และสร้างสปา ผู้เข้าชมนับพันมาอาบน้ำนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

saturnia ใช้ชื่อจากโรมันพระเจ้าดาวเสาร์ ( เรา ) ตำนานกล่าวว่าเขาเบื่อสงครามคงที่ของมนุษย์ และได้ส่งสายฟ้าไปโลกที่สร้างความมหัศจรรย์ของน้ำอุ่นฤดูใบไม้ผลิกำมะถันซึ่งจะทำให้มนุษยชาติ

นิโคลัสที่ของรายการ saturnia ฮาลิคาร์นัสซุสเป็นหนึ่งในเมืองแรกที่ถูกครอบครองโดย pelasgi แล้วโดยอารยธรรมอีทรัสคัน . โรมันอาณานิคมมาถึงพ.ศ. 183 ,แต่เป็นที่รู้จักกันเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับมันนอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่ามันเป็นอำเภอ ยังคงมีซากกำแพงเมือง ในสไตล์เหลี่ยม ซึ่งมีทั้งโรมัน ยังคงโรมันยังถูกค้นพบในสุสานของเมือง , และยังคงอยู่ข้างนอก สุสานเหล่านี้ถูกปกคลุมด้วยทูมูลี ซึ่งตอนนี้ได้หายไป ดังนั้นจอร์จเดนนิสผู้เขียนของเมืองและสุสานของชาวทัส , เข้าใจผิด คิดว่าพวกเขาหินยังคง

ใน 1300 saturnia กลายเป็นที่ซ่อนของพวกนอกกฎหมาย และถูกรื้อถอนไปพื้นดินโดย sienese . ลืมมาหลายศตวรรษ saturnia ถูกค้นพบในปลายศตวรรษที่ 19 เมื่อที่ดินรอบฤดูใบไม้ผลิคือเนื้อและสปาที่สร้างขึ้น นับพันของผู้เข้าชมมาอาบน้ำ จนถึงทุกวันนี้