At the federal level, the call to u

At the federal level, the call to use technology for improved educational
outcomes is evident. The National Education Technology Plan, released by the
U.S. Department of Education in 2010, highlighted a vision for transforming
American education that included the need for strengthened leadership, innovation
in colleges of education, and engaging and empowering personalized
learning experiences. This plan also called for universities to partner more
closely with K-12 institutions, leadership to connect technology with core
functions of schools, and institutions to rethink barriers to learning such as
seat time and age-determined groups. In addition, a request in mid-2011 by the
U.S. Department of Education Office of Special Education Programs (OSEP)
for the establishment of a Center for Online Learning and Students with
Disabilities, suggests that the federal government believes that online learning
can serve all students (Watson et al., 2011). State-level support is emerging
rapidly. Changes in the law in some states require students to have online
learning experiences (Cavanaugh, Barbour, & Clark, 2009; Roblyer, 2008;
Tucker, 2007). Since 2010, 14 states have enacted laws to initiate or expand
online coursework. These states include Florida, Georgia, Idaho, Indiana,Iowa, Maine, Nevada, New Mexico, Ohio, Oregon, Tennessee, Utah, Virginia,
and Washington (Watson et al., 2011). Some of these laws included language
to allow virtual schools, while others required mandatory online courses for
graduation or online offerings at all grade levels. In addition to opening the
doors for expansion, these laws and regulations touch on issues such as teacher
certification, funding, standards for online courses, and professional development
for online teachers. Twenty-six other states have similar laws pending
(Watson et al., 2011). The number of states embracing tech-friendly education
reform is noteworthy and important as leadership faculty consider relevant
field experiences for future leaders. These legislative actions also provide support
for the argument that knowledge of best practices in online learning will
become increasingly important for all school leaders.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระดับกลาง เรียกการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาศึกษาผลคือเห็นได้ชัด แห่งชาติศึกษาเทคโนโลยีแผนการ ออกโดยการสหรัฐอเมริกาแผนกการศึกษาในปี 2553 เน้นวิสัยทัศน์สำหรับการแปลงศึกษาอเมริกันที่ต้องการความเข้มแข็งเป็นผู้นำ นวัตกรรมในวิทยาลัยการศึกษา และเสน่ห์ และกระจายอำนาจส่วนบุคคลเรียนรู้ประสบการณ์ แผนนี้เรียกว่ามหาวิทยาลัยคู่เพิ่มเติมอย่างใกล้ชิดกับสถาบัน K-12 นำเทคโนโลยีเชื่อมต่อกับแกนฟังก์ชันของโรงเรียน สถาบันการ rethink อุปสรรคในการเรียนรู้เช่นที่นั่งกลุ่ม และ กำหนดอายุเวลา นอกจากนี้ คำในกลาง 2011 โดยการสหรัฐอเมริกาสำนักงานแผนกการศึกษาโปรแกรมการศึกษาพิเศษ (OSEP)ในการก่อตั้งของศูนย์เรียนรู้ออนไลน์และนักศึกษาพิการ แนะนำที่ รัฐบาลเชื่อว่าการเรียนแบบออนไลน์สามารถรองรับนักเรียนทั้งหมด (Watson et al., 2011) ระดับรัฐสนับสนุนจะเกิดขึ้นรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายในบางรัฐต้องเรียนออนไลน์ได้ประสบการณ์การเรียนรู้ (อย่างไร Cavanaugh, Barbour และคลาร์ก 2009 Roblyer, 2008ทักเกอร์ 2007) ตั้งแต่ 2553 อเมริกา 14 ได้บัญญัติกฎหมายเพื่อเริ่ม หรือขยายสอนออนไลน์ รัฐเหล่านี้รวมถึงฟลอริดา จอร์เจีย ไอดาโฮ อินดีแอนา รัฐไอโอวา เมน เนวาดา นิวเม็กซิโก โอไฮโอ โอเรกอน เทนเนสซี ยูทาห์ เวอร์จิเนียและวอชิงตัน (Watson et al., 2011) ของกฎหมายเหล่านี้รวมภาษาให้โรงเรียนเสมือน ในขณะที่คนอื่นต้องบังคับหลักสูตรออนไลน์สำหรับศึกษาหรือเหนื่อยออนไลน์เกรดทุกระดับ นอกจากเปิดตัวประตูสำหรับขยาย กฎหมาย และข้อบังคับเหล่านี้สัมผัสปัญหาเช่นครูรับรอง เงินทุน มาตรฐานสำหรับหลักสูตรออนไลน์ และพัฒนาอาชีพสำหรับครูออนไลน์ ยี่สิบหกรัฐอื่น ๆ ได้เหมือนกฎหมายค้างอยู่(Watson et al., 2011) หมายเลขของอเมริกาที่บรรดามิตรเทคนิคศึกษาปฏิรูปเป็นสิ่งสำคัญที่คณะผู้พิจารณาที่เกี่ยวข้อง และน่าสนใจฟิลด์ประสบการณ์สำหรับผู้นำในอนาคต การดำเนินการที่ประเทศเหล่านี้ยังให้การสนับสนุนสำหรับอาร์กิวเมนต์ที่จะรู้แนวทางปฏิบัติในการเรียนรู้ออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้นำโรงเรียนทั้งหมด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในระดับรัฐบาลกลางโทรที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาที่ดีขึ้น
ผลที่เห็นได้ชัด แผนเทคโนโลยีการศึกษาแห่งชาติที่ออกโดย
สหรัฐ กรมสามัญศึกษาในปี 2010 เน้นวิสัยทัศน์สำหรับการเปลี่ยน
การศึกษาของอเมริกันซึ่งรวมถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างความเข้มแข็งเป็นผู้นำนวัตกรรม
ในวิทยาลัยของการศึกษาและการมีส่วนร่วมและเพิ่มขีดความสามารถส่วนบุคคล
ประสบการณ์การเรียนรู้ แผนนี้ยังเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยอื่น ๆ อีกมากมายที่จะเป็นพันธมิตร
ใกล้ชิดกับ K-12 สถาบันความเป็นผู้นำในการเชื่อมต่อเทคโนโลยีที่มีแกน
การทำงานของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาที่จะคิดใหม่อุปสรรคในการเรียนรู้เช่น
เวลาที่นั่งและกลุ่มอายุที่กำหนด นอกจากนี้ยังมีการร้องขอในช่วงกลางปี ​​2011 โดย
สหรัฐอเมริกา กรมสามัญศึกษาสำนักงานของโปรแกรมการศึกษาพิเศษ (OSEP)
สำหรับการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ออนไลน์และนักเรียนที่มี
ความพิการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเชื่อว่าการเรียนรู้ออนไลน์
สามารถให้บริการนักเรียนทุกคน (วัตสัน et al., 2011) การสนับสนุนจากรัฐในระดับที่เกิดขึ้น
อย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายในบางรัฐต้องการให้นักเรียนมีออนไลน์
ประสบการณ์การเรียนรู้ (Cavanaugh, บาร์เบอร์และคลาร์ก 2009; Roblyer 2008;
ทักเกอร์, 2007) ตั้งแต่ 2010, 14 รัฐได้ตรากฎหมายที่จะเริ่มต้นหรือขยาย
การเรียนการสอนออนไลน์ เหล่านี้รวมถึงรัฐฟลอริด้า, จอร์เจีย, ไอดาโฮ, Indiana, Iowa, เมน, เนวาดา, New Mexico, โอไฮโอ, โอเรกอน, เทนเนสซี, ยูทาห์, เวอร์จิเนีย
และวอชิงตัน (วัตสัน et al., 2011) บางส่วนของกฎหมายเหล่านี้รวมถึงภาษา
ที่จะอนุญาตให้โรงเรียนเสมือนขณะที่คนอื่นต้องหลักสูตรออนไลน์ที่บังคับใช้สำหรับ
การสำเร็จการศึกษาหรือการเสนอออนไลน์ในทุกระดับชั้น นอกเหนือจากการเปิด
ประตูสำหรับการขยายตัวตามกฎหมายและกฎระเบียบเหล่านี้สัมผัสกับปัญหาดังกล่าวเป็นครู
ได้รับการรับรองการระดมทุนมาตรฐานสำหรับหลักสูตรออนไลน์และการพัฒนาอาชีพ
สำหรับครูผู้สอนออนไลน์ ยี่สิบหกรัฐอื่น ๆ ที่คล้ายกันมีกฎหมายที่ค้างอยู่
(วัตสัน et al., 2011) จำนวนของรัฐกอดการศึกษาเทคโนโลยีที่เหมาะกับ
การปฏิรูปเป็นเรื่องสำคัญและมีความสำคัญในฐานะเป็นผู้นำคณะพิจารณาที่เกี่ยวข้อง
ประสบการณ์ภาคสนามสำหรับผู้นำในอนาคต การกระทำเหล่านี้กฎหมายยังให้การสนับสนุน
สำหรับการโต้แย้งว่าความรู้ในการปฏิบัติที่ดีที่สุดในการเรียนรู้ออนไลน์จะ
กลายเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้นสำหรับผู้นำโรงเรียนทั้งหมด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในระดับรัฐบาลกลาง เรียกร้องให้ใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ทางการศึกษา
. ชัดเจน แผนเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาแห่งชาติที่ออกโดยสหรัฐสำนักการศึกษา
ในปี 2010 เน้นวิสัยทัศน์ เพื่อเปลี่ยน
อเมริกันการศึกษาที่รวมต้องการความเข้มแข็ง ความเป็นผู้นำ นวัตกรรม
ในวิทยาลัยของการศึกษา และการเสริมสร้างศักยภาพส่วนบุคคล
และการเรียนรู้แผนนี้เรียกว่ามหาวิทยาลัยพันธมิตรมากขึ้น
อย่างใกล้ชิดกับภาคบังคับสถาบันภาวะผู้นำเพื่อเชื่อมต่อเทคโนโลยีที่มีแกน
หน้าที่ของโรงเรียน และสถาบันเพื่อทบทวนอุปสรรคในการเรียนรู้ เช่น เวลานั่ง และกำหนดกลุ่ม
อายุ . นอกจากนี้ ขอให้ดำเนินโดย
สหรัฐอเมริกากรมสำนักงานการศึกษาโปรแกรมการศึกษาพิเศษ ( osep )
สำหรับการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ออนไลน์และนักเรียนกับ
พิการ ชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลเชื่อว่าการเรียนรู้ออนไลน์
สามารถให้บริการนักเรียนทุกคน ( Watson et al . , 2011 ) สนับสนุนระดับรัฐนวย
อย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายในบางรัฐต้องการให้นักเรียนได้ประสบการณ์การเรียนรู้ออนไลน์
( กัน Barbour , &คลาร์ก , 2009 ; roblyer , 2008 ;
ทัคเกอร์ , 2007 )ตั้งแต่ 2010 , 14 รัฐมีกฎหมายบัญญัติเพื่อการเริ่มต้นหรือขยาย
สอนออนไลน์ รัฐเหล่านี้รวมถึงฟลอริด้า , จอร์เจีย , ไอดาโฮ , Indiana , ไอโอวา , Maine , เนวาดา , เม็กซิโก , โอไฮโอ , Oregon , เทนเนสซี , ยูทาห์ , Virginia ,
และวอชิงตัน ( Watson et al . , 2011 ) บางส่วนของกฎหมายเหล่านี้ ได้แก่ ภาษา
เพื่อช่วยให้โรงเรียนเสมือน ในขณะที่คนอื่นต้องบังคับสำหรับ
หลักสูตรออนไลน์บูชาหรือออนไลน์ที่จบการศึกษาทุกระดับชั้น . นอกจากเปิด
ประตูสำหรับการเหล่านี้ กฎหมายและระเบียบที่สัมผัสกับปัญหา เช่น ครู
รับรอง , เงินทุน , มาตรฐานสำหรับหลักสูตรออนไลน์ และการพัฒนาอาชีพสำหรับครูออนไลน์ ยี่สิบหกสหรัฐอเมริกามีกฎหมายที่คล้ายคลึงกันระหว่าง
( Watson et al . , 2011 ) หมายเลขของรัฐเกี่ยว
- เป็นกันเอง เทคการปฏิรูปเป็นน่าสังเกตและที่สำคัญเป็นคณะผู้นำพิจารณาประสบการณ์ภาคสนามที่เกี่ยวข้อง
สำหรับผู้นำในอนาคต การกระทำที่กฎหมายเหล่านี้ยังมีการสนับสนุน
สำหรับอาร์กิวเมนต์ที่ความรู้ของการปฏิบัติที่ดีที่สุดในการเรียนรู้ออนไลน์จะกลายเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้นสำหรับ
ผู้นำโรงเรียน