According to Louvre Curator Jean-Pi

According to Louvre Curator Jean-Pierre Cuzin, "The entire history of portraiture afterwards depends on the Mona Lisa. If you look at all the other portraits – not only of the Italian Renaissance, but also of the seventeenth to nineteenth centuries – if you look at Picasso, at everyone you want to name, all of them were inspired by this painting. Thus it is sort of the root, almost, of occidental portrait painting."


In a break with the Florentine tradition of outlining the painted image, Leonardo perfected the technique known as sfumato, which translated literally from Italian means "vanished or evaporated." Creating imperceptible transitions between light and shade, and sometimes between colors, he blended everything "without borders, in the manner of smoke," his brush strokes so subtle as to be invisible to the naked eye.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตามที่ Louvre ภัณฑารักษ์ปิแอร์ Cuzin "ประวัติศาสตร์ทั้งหมดของหลังจากนั้นขึ้นอยู่กับโมนาลิซ่า ถ้าคุณดูที่ ตัวอื่นถ่ายไม่เพียง ของยุคฟื้นฟู ศิลปวิทยาอิตาลี แต่ยัง ของ ศตวรรษนักสิบเก้า – ถ้าคุณดูที่ปิกัสโซ คนคุณต้องการตั้งชื่อ พวกเขามีแรงบันดาลใจ โดยภาพวาดนี้ จึง ได้จัดเรียงของราก เกือบ ของอ็อคจิตรกรรม" ในการพักผ่อนด้วยสรุปภาพวาดประเพณี Florentine เลโอนาร์โดสมบูรณ์แบบเทคนิคที่เรียกว่า sfumato ซึ่งแปลอักษรจากอิตาลีหมายถึง "ไหล หรือระเหย" เขาสร้างกระทำเปลี่ยน ระหว่างแสงและเงา และบางครั้ง ระหว่างสี ผสมทุกอย่าง "พรมแดน ในลักษณะของควัน พู่กันของเขาลูบคลำลึกซึ้งดังนั้นจะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตามที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ภัณฑารักษ์ Jean-Pierre cuzin "ประวัติศาสตร์ทั้งหมดของการวาดภาพหลังจากนั้นขึ้นอยู่กับโมนาลิซ่าถ้าคุณมองที่ทุกการถ่ายภาพบุคคลอื่น ๆ -. ไม่เพียง แต่ของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอิตาลี แต่ยังสิบเจ็ดจะสิบเก้าศตวรรษ - ถ้าคุณดู ที่ปีกัสโซที่ทุกคนที่คุณต้องการที่จะตั้งชื่อทั้งหมดของพวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากภาพวาดนี้. ดังนั้นมันจึงเป็นประเภทของรากเกือบของภาพวาด Occidental. " ในการแบ่งกับประเพณีฟลอเรนซ์สรุปภาพวาดที่เลโอนาร์โดที่สมบูรณ์แบบ เทคนิคที่เรียกว่า sfumato ซึ่งแปลตามตัวอักษรจากวิธีอิตาลี "หายไปหรือระเหย." การสร้างการเปลี่ยนมองไม่เห็นระหว่างแสงและเงาและบางครั้งระหว่างสีเขาผสมทุกอย่าง "ไร้พรมแดนในลักษณะของควัน" แปรงจังหวะที่ลึกซึ้งเพื่อให้เป็นที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ภัณฑารักษ์ฌอง ปิแอร์ cuzin ตามลูฟ " ประวัติศาสตร์ทั้งหมดของเพลงหลังจากนั้น ขึ้นอยู่กับ โมนา ลิซ่า ถ้าคุณมองไปที่ภาพอื่นทั้งหมดและไม่เพียง แต่ของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอิตาลี แต่ยังที่สิบเจ็ดสิบเก้าศตวรรษ–ถ้าคุณดูที่ปิกัสโซ่ที่ทุกคนที่คุณต้องการชื่อทั้งหมดของพวกเขาได้แรงบันดาลใจจากภาพนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องของราก , เกือบ , วาดภาพตะวันตก”ในตัวแบ่งกับประเพณี Florentine สรุปวาดภาพ , Leonardo perfected เทคนิคที่เรียกว่าการเขียนแบบสีม่านหมอกซึ่งแปลอักษรจากภาษาอิตาลีหมายถึง " หายไปหรือระเหย " สร้างการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยระหว่างแสง และเงา และบางครั้งระหว่างสี เขาผสมทุกอย่าง " ไม่มีพรมแดนในลักษณะของควัน " พู่กันจังหวะดังนั้น บอบบางเหมือนจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า