2.4. Describe the three-schema arch

2.4. Describe the three-schema architecture. Why do we need mappings between
schema levels? How do different schema definition languages support this architecture?
 Defines DBMS schemas at three levels:
 Internal schema at the internal level to describe physical storage structures and access paths (e.g indexes).
 Typically uses a physical data model.
 Conceptual schema at the conceptual level to describe the structure and constraints for the whole database for a community of users.
 Uses a conceptual or an implementation data model.
 External schemas at the external level to describe the various user views.
 Usually uses the same data model as the conceptual schema.
2.5. What is the difference between logical data independence and physical data independence?
 Logical Data Independence:
 The capacity to change the conceptual schema without having to change the external schemas and their associated application programs.
 Physical Data Independence:
 The capacity to change the internal schema without having to change the conceptual schema.
For example, the internal schema may be changed when certain file structures are reorganized or new indexes are created to improve database performance

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

2.4 การอธิบายสถาปัตยกรรมสามแผน ทำไมต้องแม็ประหว่างระดับเค้าร่างหรือไม่ ภาษาคำนิยามเค้าร่างที่แตกต่างกันสนับสนุนสถาปัตยกรรมนี้อย่างไรแผนกำหนด DBMS ระดับที่สาม:เค้าร่างภายในระดับภายในเพื่ออธิบายโครงสร้างการจัดเก็บทางกายภาพ และการเข้าถึงเส้นทาง (เช่นดัชนี) โดยทั่วไปใช้แบบจำลองข้อมูลทางกายภาพแนวคิดเค้าร่างระดับแนวคิดเพื่ออธิบายโครงสร้างและข้อจำกัดสำหรับฐานข้อมูลทั้งหมดในชุมชนของผู้ใช้ ใช้เป็นแนวคิดหรือแบบจำลองข้อมูลที่ใช้งานเค้าร่างภายนอกระดับภายนอกเพื่ออธิบายมุมมองของผู้ใช้ต่าง ๆ โดยปกติใช้แบบจำลองข้อมูลเดียวกันเป็นแบบแผนแนวคิด2.5 ความแตกต่างระหว่างความเป็นอิสระของข้อมูลเชิงตรรกะและความเป็นอิสระของข้อมูลทางกายภาพคืออะไรความเป็นอิสระของข้อมูลเชิงตรรกะ: ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงเค้าร่างแนวคิดโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงเค้าร่างภายนอกและโปรแกรมประยุกต์ที่เกี่ยวข้องของพวกเขาความเป็นอิสระในทางกายภาพข้อมูล:ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงเค้าร่างภายในได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงเค้าร่างแนวคิดตัวอย่าง แบบแผนภายในอาจเปลี่ยนแปลงเมื่อมีการจัดระเบียบโครงสร้างบางไฟล์ หรือสร้างดัชนีใหม่เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของฐานข้อมูล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

2.4 อธิบายสถาปัตยกรรมสามสคี- ทำไมเราต้องแมประหว่างระดับเค้าร่าง?
อย่างไรภาษานิยามคีมาที่แตกต่างกันสนับสนุนสถาปัตยกรรมกำหนดแบบแผน DBMS ที่สามระดับ: สคีภายในในระดับภายในเพื่ออธิบายโครงสร้างการจัดเก็บข้อมูลทางกายภาพและเส้นทางการเข้าถึง (ดัชนีเช่น). โดยปกติจะใช้รูปแบบของข้อมูลทางกายภาพ. สคีแนวคิดที่ ระดับแนวความคิดในการอธิบายโครงสร้างและข้อ จำกัด สำหรับฐานข้อมูลทั้งหมดสำหรับชุมชนของผู้ใช้. ใชแนวคิดหรือรูปแบบข้อมูลการดำเนินงาน.  schemas ภายนอกในระดับภายนอกที่จะอธิบายมุมมองต่างๆของผู้ใช้. มักจะใช้รูปแบบข้อมูลเดียวกัน เป็นสคีมาความคิด. 2.5 ความแตกต่างระหว่างความเป็นอิสระของข้อมูลเชิงตรรกะคืออะไรและความเป็นอิสระของข้อมูลทางกายภาพ? ข้อมูลอิสรภาพตรรกะ:. ความจุที่จะเปลี่ยนสคีแนวความคิดโดยไม่ต้องเปลี่ยนแบบแผนภายนอกและโปรแกรมที่เกี่ยวข้องข้อมูลทางกายภาพอิสรภาพ: ความสามารถในการเปลี่ยน คีมาภายในโดยไม่ต้องเปลี่ยนคีแนวคิด. ยกตัวอย่างเช่นคีภายในอาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อโครงสร้างไฟล์บางอย่างจะจัดหรือดัชนีใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของฐานข้อมูล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

2.4 . อธิบายสามรูปแบบสถาปัตยกรรม . ทำไมเราถึงต้องการการแมประหว่าง
รายการระดับ วิธีการทำที่แตกต่างกัน Schema นิยามภาษาสนับสนุนสถาปัตยกรรมนี้
กำหนด DBMS schema ใน 3 ระดับ :
ภายในรูปแบบในระดับภายในเพื่ออธิบายโครงสร้างการจัดเก็บทางกายภาพและการเข้าถึงเส้นทาง ( ดัชนีเช่น )
มักจะใช้แบบจำลองทางกายภาพ .
บ่าวสาวในระดับแนวคิดเพื่ออธิบายโครงสร้างและเงื่อนไขสำหรับฐานข้อมูลทั้งหมดสำหรับชุมชนของผู้ใช้
ใช้โมเดลของข้อมูลการใช้แนวคิดหรือ .
ภายนอกร่างในระดับภายนอกที่จะอธิบายในมุมมองของผู้ใช้ต่างๆ
มักจะใช้รูปแบบข้อมูลเดียวกันเป็นสคีมาของแนวคิด .
2.5อะไรคือความแตกต่างระหว่างความเป็นอิสระของข้อมูลเชิงตรรกะและความเป็นอิสระของข้อมูลทางกายภาพ ?
ข้อมูลเชิงตรรกะความเป็นอิสระ :
ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงความคิดโดยไม่ต้องเปลี่ยนร่างภายนอกของโปรแกรมและโปรแกรมที่เกี่ยวข้อง .
ข้อมูลทางกายภาพเป็นอิสระ :
ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงภายในโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
ตัวอย่างเช่นสคีมาภายในอาจจะเปลี่ยนไป เมื่อโครงสร้างไฟล์บางอย่างใหม่ หรือดัชนีใหม่จะถูกสร้างขึ้นเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของฐานข้อมูล