พายุแคทรินาพัดขึ้นถล่มมลรัฐทางตอนใต้บริเวณอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม โดยมลรัฐที่ถูกถล่มหนักที่สุด ได้แก่ ลุยเซียนา มิสซิสซิปปี รวมไปถึงแอละแบมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 1,228 คน และก่อความเสียหายเป็นมูลค่าอย่างน้อย 80,000 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐฯ
ทั้งนี้เนื่องจากภูมิภาคที่พายุกระหน่ำใส่เป็นศูนย์การเดินเรือขนส่งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมที่สำคัญ รวมไปถึงเป็นฐานการผลิตและกลั่นน้ำมัน
แคทรีนาไม่เพียงก่อความเสียหายหนักหน่วงทางด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองอย่างหนาหูเกี่ยวกับการทำงานของคณะรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช เนื่องมาจากกระบวนการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยเป็นไปด้วยความล่าช้า ทำให้พื้นที่ประสบภัยหลายเมือง โดยเฉพาะเมืองนิวออร์ลีน เมืองใหญ่ที่สุดของมลรัฐลุยเซียนา ตกอยู่ในความวุ่นวาย เกิดการปล้นสะดมเป็นวงกว้าง ในที่สุด ไมเคิล บราวน์ ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินของรัฐบาลกลาง (ฟีมา) ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังตกเป็นเป้าโจมตีของสื่ออเมริกันอย่างหนักว่า ขาดความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ แต่ได้ตำแหน่งมาเพราะช่วยบุชหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2000
นอกจากแคทรีนาแล้ว ปี 2005 ยังถือเป็นปีที่มีพายุเฮอริเคนกระหน่ำเข้าสหรัฐฯ ถึง 14 ลูก มากที่สุดเป็นสถิติใหม่ นอกเหนือจากพายุโซนร้อน 26 ลูกที่ก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแอตแลนติกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากตั้งข้อสังเกตว่า ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากภาวะโลกร้อน ทำให้เกิดกระแสเพ่งเล็งผู้นำสหรัฐฯมากขึ้นไปอีก เนื่องจากบุชยืนกรานหนักแน่นไม่ยอมลงนามในพิธีสารเกียวโต รับรองข้อตกลงลดการปล่อยก๊าซปฏิกิริยาเรือนกระจก