The Cassegrain reflector is a combi

The Cassegrain reflector is a combination of a primary concave mirror and a secondary convex mirror, often used in optical telescopes and radio antennas.

In a symmetrical Cassegrain both mirrors are aligned about the optical axis, and the primary mirror usually contains a hole in the centre thus permitting the light to reach an eyepiece, a camera, or a light detector. Alternatively, as in many radio telescopes, the final focus may be in front of the primary. In an asymmetrical Cassegrain, the mirror(s) may be tilted to avoid obscuration of the primary or the need for a hole in the primary mirror (or both).

The classic Cassegrain configuration uses a parabolic reflector as the primary while the secondary mirror is hyperbolic.[1] Modern variants often have a hyperbolic primary for increased performance( for example, the Ritchey–Chrétien design), or the primary and/or secondary are spherical or elliptical for ease of manufacturing.

The Cassegrain reflector is named after a published reflecting telescope design that appeared in the April 25, 1672 Journal des sçavans which has been attributed to Laurent Cassegrain.[2] Similar designs using convex secondaries have been found in the Bonaventura Cavalieri's 1632 writings describing burning mirrors[3][4] and Marin Mersenne's 1636 writings describing telescope designs.[5] James Gregory's 1662 attempts to create a reflecting telescope included a Cassegrain configuration, judging by a convex secondary mirror found among his experiments.[6]

The Cassegrain design is also used in catadioptric systems

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สะท้อน Cassegrain คือการรวมกันของกระจกเว้าประถมศึกษาและกระจกนูนรองมักจะใช้ในกล้องโทรทรรศน์และเสาอากาศวิทยุ. ใน Cassegrain สมมาตรกระจกทั้งสองมีความสอดคล้องเกี่ยวกับแกนแสงและกระจกหลักมักจะมีรูตรงกลาง จึงอนุญาตให้แสงไปถึงช่องมองภาพกล้องหรือเครื่องตรวจจับแสง อีกทางเลือกหนึ่งในขณะที่หลายกล้องโทรทรรศน์วิทยุที่มุ่งเน้นสุดท้ายอาจจะอยู่ในด้านหน้าของหลัก ในความไม่สมดุล Cassegrain กระจก (s) อาจจะเอียงที่จะหลีกเลี่ยงเงาของหลักหรือความจำเป็นในการหลุมในกระจกหลัก (หรือทั้งสอง). การกำหนดค่า Cassegrain คลาสสิกใช้กระจกโค้งเป็นหลักในขณะที่กระจกรองคือ ผ่อนชำระ. [1] สายพันธุ์สมัยใหม่มักจะมีหลักการผ่อนชำระสำหรับประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น (เช่นการออกแบบ Ritchey-Chrétien) หรือระดับประถมศึกษาและ / หรือมัธยมศึกษาทรงกลมหรือรูปไข่เพื่อความสะดวกในการผลิต. สะท้อน Cassegrain เป็นชื่อหลังจากที่ตีพิมพ์ สะท้อนให้เห็นถึงการออกแบบกล้องดูดาวที่ปรากฏใน 25 เมษายน 1672 หนังสือพิมพ์เดsçavansซึ่งได้รับการบันทึกให้องค์ Cassegrain. [2] การออกแบบที่คล้ายกันโดยใช้ secondaries นูนได้รับการพบใน Cavalieri Bonaventura ของ 1632 เขียนอธิบายกระจกเผาไหม้ [3] [4] และมารีน Mersenne ของ 1636 เขียนอธิบายการออกแบบกล้องโทรทรรศน์. [5] เจมส์เกรกอรี่ 1662 ความพยายามที่จะสร้างกล้องโทรทรรศน์สะท้อนให้เห็นถึงการกำหนดค่ารวม Cassegrain ตัดสินโดยกระจกรองนูนพบในการทดลองของเขา. [6] การออกแบบ Cassegrain ยังถูกนำมาใช้ในระบบการ catadioptric

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ที่คาสซิเกรนสะท้อนคือการรวมกันของประถมศึกษาและมัธยมศึกษากระจกเว้ากระจกนูน , มักใช้ในกล้องโทรทรรศน์แสงและวิทยุเสาอากาศ

ในสมมาตรแคซซิเกรนทั้งกระจกจะชิดกับแกนแสงและกระจกหลักมักจะมีหลุมในศูนย์จึงอนุญาตให้แสงถึงเป็นเลนส์ , กล้อง หรือแสงที่ตรวจจับ อีกวิธีหนึ่งคือเป็นกล้องโทรทรรศน์วิทยุหลายโฟกัส สุดท้ายอาจอยู่ในหน้าหลัก ในคาสซิเกรนไม่สมมาตรกระจก ( s ) อาจจะเอียงเพื่อหลีกเลี่ยงการ obscuration หรือต้องการหลุมในกระจกหลัก ( หรือทั้งสอง ) .

ค่าคาสซิเกรนคลาสสิกใช้สะท้อนแสงพาราโบลาเป็นหลัก ในขณะที่กระจกทุติยภูมิคือค่า .ตัวแปร [ 1 ] สมัยใหม่มักจะมีหลักทั้งหมดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ( เช่น ริชชีย์–เครเตียง การออกแบบ หรือ ประถมศึกษา มัธยมศึกษาและ / หรือทรงกลม หรือรูปไข่เพื่อความสะดวกในการผลิต

คาสซิเกรนสะท้อนเป็นชื่อหลังจากที่ตีพิมพ์ กล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงแบบที่ปรากฏใน 25 เมษายน โทร . วารสาร des s 5 เออวันส์ที่ได้รับโดย Laurent แคซซิเกรน .[ 2 ] ที่คล้ายกันออกแบบโดยใช้เลนส์นูนความเป็นลำดับที่สองได้ถูกพบใน bonaventura คาวาเรียก็ 2175 งานเขียนอธิบายเขียนกระจก [ 3 ] [ 4 ] และ มาริน แมร์แซนเป็นพวกเขียนอธิบายกล้องโทรทรรศน์แบบ . [ 5 ] เจมส์เกรกอรี คือตอนนี้พยายามที่จะสร้างกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงประกอบด้วย คาสซิเกรน การตัดสินโดยนูนรองกระจกพบระหว่างการทดลอง [ 6 ]

ของเขาที่คาสซิเกรน การออกแบบยังใช้ในระบบ catadioptric