The role of vegetation in slope sta

The role of vegetation in slope stability
Vegetation can improve slope stability both influencing hydrological processes that determine stability conditions
and modifying directly the soil mechanical properties. Soil hydrologic balance depends directly on vegetation for its
influence on interception, infiltration, evaporation and transpiration. Roots water absorption reduce soil water
content. Plants usually have a positive effect on mechanical properties due to reinforcement action, anchoring the
shallower soil to the deeper (Fig. 1). Roots density within the soil mass and their tensile strength contribute to
improve the capacity of the soil to resist against shear loads. The maximum tensile strength or pullout resistance of
roots, together with an assessment of roots size and distribution (Root Area Ratio), can be used to evaluate the
appropriate root reinforcement values to be used in the stability analysis of a slope.
Development of the plants root apparatus is controlled by the interaction between genetics and environment.
Roots maintain their basic characteristics, that depend on the genotype, but the same species could have deeply
different root systems for as regards root density, diameters distribution, extension and depth that can be reached
[2,3].
Laboratory data show that tensile strength generally decreases with root diameter: root strengths are lower for
large diameters and higher for small diameters [4,5]. Moreover, root tensile strength depends on the biological
components of the root: smaller diameter roots have more cellulose than larger diameter roots and therefore are
characterized by higher strength [6].
The reliable benefit of apparent cohesion is limited to shallow depths, as root distribution is mainly concentrated
within 1m from the ground surface (Fig. 4). The use of an enhanced value of the soil cohesion is appropriate for
grass and shrub areas where fine root distribution with depth is consistent and easily defined [7]. Field studies of
forested slopes [8] indicate that fine roots, 1 to 20mm in diameter, are the ones that contribute most to soil
reinforcement. Grasses, legumes and small shrubs can have a significant reinforcing effect down to depths from 0.75
to 1.5m [9]. Some researchers have attempted to compute the values of apparent cohesion due to the presence of the
roots in the ground by designing and developing in situ shear tests for different types of root systems

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทบาทของพืชในด้านเสถียรภาพของความลาดชันพืชสามารถปรับปรุงเสถียรภาพความลาดชันทั้งอุทกศาสตร์มีอิทธิพลต่อกระบวนการที่กำหนดสภาวะความมั่นคงและปรับเปลี่ยนคุณสมบัติทางกลของดินโดยตรง ดินอุทกวิทยาสมดุลขึ้นโดยตรงกับพืชสำหรับการมีอิทธิพลในการสกัดกั้น แทรกซึม การระเหย และการคายน้ำ ลดการดูดซึมน้ำรากดินน้ำเนื้อหา พืชมักจะมีผลต่อคุณสมบัติทางกลเนื่องจากการเสริมแรงการกระทำ บวกพื้น ๆดินตื้นถึงลึก (รูป 1) ความหนาแน่นของรากในดิน มวลและแรงดึงของพวกเขานำไปสู่ปรับปรุงความสามารถของดินที่จะต้านทานแรงเฉือน แรงดึงสูงสุดหรือความต้านทานของผนังของใช้ราก ร่วมกับรากขนาดและการกระจาย (รากอัตรา), การประเมินการประเมินการค่าเหล็กเสริมรากที่เหมาะสมที่จะใช้ในการวิเคราะห์เสถียรภาพของความลาดชันการพัฒนาเครื่องรากพืชจะถูกควบคุม โดยปฏิสัมพันธ์ระหว่างพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมลักษณะพื้นฐานของพวกเขา ที่จีโนไทป์ รักษาราก แต่ชนิดเดียวกันอาจลึกมีระบบรากที่แตกต่างกันสำหรับส่วนความหนาแน่นของราก กระจายสมมาตร นามสกุล และความลึกที่สามารถทำได้2, [3]ข้อมูลห้องปฏิบัติการแสดงว่าแรงดึงโดยทั่วไปลดลงรากเส้นผ่าศูนย์กลาง: จุดแข็งรากจะต่ำสำหรับเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่ และสูงขนาดเล็กเส้นผ่าศูนย์กลาง [4, 5] นอกจากนี้ ความแข็งแรงของรากขึ้นอยู่กับทางชีวภาพส่วนประกอบของราก: รากเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กมีเซลลูโลสเพิ่มเติมกว่ารากเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่ และดังนั้นโดดเด่น ด้วยความแข็งแรงสูง [6]ประโยชน์ของการทำงานร่วมกันที่ชัดเจนเชื่อถือได้เป็นจำกัดความลึกตื้น กระจายรากเข้มข้นส่วนใหญ่ในระยะ 1 เมตรจากผิวดิน (รูป 4) การใช้ค่าการเพิ่มขึ้นของการทำงานร่วมกันของดินเหมาะสมกับหญ้าและไม้พุ่มบริเวณที่กระจายดีราก มีความลึกสม่ำเสมอ และได้กำหนด [7] ฟิลด์การศึกษาเนินป่า [8] ระบุว่า รากดี 1 ถึง 20 มม. คนที่มีส่วนร่วมมากที่สุดในดินการเสริมแรง หญ้า ถั่ว และไม้พุ่มขนาดเล็กสามารถจะส่งผลเสริมลงไปลึกจาก 0.751.5 ม. [9] นักวิจัยบางคนได้พยายามที่จะคำนวณค่าการทำงานร่วมกันที่ชัดเจนเนื่องจากตัวการรากในดินโดยออกแบบ และพัฒนาในแหล่งกำเนิดแรงเฉือนการทดสอบความแตกต่างของระบบราก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทบาทของพืชในความมั่นคงลาด
พืชสามารถปรับปรุงเสถียรภาพของลาดชันทั้งที่มีอิทธิพลต่อกระบวนการอุทกวิทยาที่กำหนดเงื่อนไขความมั่นคง
และการปรับเปลี่ยนโดยตรงสมบัติเชิงกลดิน ความสมดุลของดินอุทกวิทยาขึ้นอยู่โดยตรงบนพืชสำหรับ
อิทธิพลต่อการสกัดกั้นการแทรกซึมการระเหยและการคาย รากดูดซึมน้ำลดน้ำในดิน
เนื้อหา พืชมักจะมีผลในเชิงบวกต่อสมบัติเชิงกลเนื่องจากการเสริมแรงการดำเนินการยึด
ดินตื้นไปลึก (รูปที่ 1). ความหนาแน่นของรากภายในมวลดินและความต้านทานแรงดึงของพวกเขานำไปสู่การ
พัฒนาความสามารถของดินที่จะต่อต้านกับโหลดเฉือน ความแข็งแรงสูงสุดแรงดึงหรือความต้านทานพับของ
รากร่วมกับการประเมินขนาดของรากและการจัดจำหน่าย (Root พื้นที่ Ratio) ที่สามารถนำมาใช้ในการประเมิน
ค่ารากเสริมแรงที่เหมาะสมเพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์เสถียรภาพของลาด.
การพัฒนาของพืช อุปกรณ์รากจะถูกควบคุมโดยการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม.
รากรักษาลักษณะพื้นฐานของพวกเขาที่ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม แต่สายพันธุ์เดียวกันอาจมีลึก
ระบบรากที่แตกต่างกันสำหรับการเป็นนับถือความหนาแน่นของรากกระจายขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางขยายและความลึกที่สามารถเข้าถึงได้
. [2,3]
ข้อมูลห้องปฏิบัติการแสดงให้เห็นว่าความต้านทานแรงดึงโดยทั่วไปลดลงด้วยเส้นผ่าศูนย์กลางราก: จุดแข็งรากที่ต่ำกว่าสำหรับ
เส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่และสูงขึ้นสำหรับเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดเล็ก [4,5] นอกจากนี้ความแข็งแรงของรากแรงดึงขึ้นอยู่กับทางชีวภาพ
ส่วนประกอบของราก: ขนาดเล็กรากขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมีเซลลูโลสมากกว่ารากเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่และดังนั้นจึงจะ
. โดดเด่นด้วยความแรงสูง [6]
ประโยชน์ที่เชื่อถือได้ของการทำงานร่วมกันที่ชัดเจนจะ จำกัด อยู่ที่ระดับความลึกตื้นกระจายราก ความเข้มข้นส่วนใหญ่
ภายใน 1 เมตรจากผิวดิน (รูปที่. 4) การใช้ค่าที่เพิ่มขึ้นของการทำงานร่วมกันของดินที่เหมาะสมสำหรับ
หญ้าและพุ่มไม้บริเวณที่มีการกระจายรากดีกับความลึกที่สอดคล้องกันและกำหนดได้อย่างง่ายดาย [7] การศึกษาภาคสนามของ
เนินเขาป่า [8] ระบุว่าราก 1 ถึง 20 มิลลิเมตรเส้นผ่าศูนย์กลางเป็นคนที่มีส่วนร่วมมากที่สุดในดิน
เสริมแรง หญ้าพืชตระกูลถั่วและพุ่มไม้ขนาดเล็กที่สามารถมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญเสริมลึกลงไปจาก 0.75
1.5 เมตร [9] นักวิจัยบางคนได้พยายามที่จะคำนวณค่าของการทำงานร่วมกันที่เห็นได้ชัดเพราะการปรากฏตัวของ
รากในพื้นดินโดยการออกแบบและพัฒนาในแหล่งกำเนิดการทดสอบแรงเฉือนสำหรับชนิดของระบบราก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทบาทของพืชในเสถียรภาพของลาดดินพืชที่สามารถปรับปรุงเสถียรภาพของลาดดินทั้งสองมีอิทธิพลต่อกระบวนการกำหนดเงื่อนไขเสถียรภาพทางอุทกวิทยาและการปรับเปลี่ยนโดยตรงดินสมบัติเชิงกล . อุทกวิทยาดินขึ้นอยู่กับความสมดุลของโดยตรงบนพืชมีอิทธิพลในการสกัดกั้นการซึมน้ำ การระเหยและการคายน้ำ . รากดูดซึมน้ำ ลด ดิน น้ำเนื้อหา พืชมักจะมีบวกที่มีผลต่อคุณสมบัติเชิงกลเนื่องจากการเสริมแรงทอดสมอที่การกระทำดินตื้นกับลึก ( รูปที่ 1 ) ความหนาแน่นของรากในดินมวลและความแข็งแรงของพวกเขามีส่วนร่วมปรับปรุงสมรรถนะของดินเพื่อต้านทานกับแรงโหลด แรงดึงสูงสุดหรือแรงฉุดราก ร่วมกับการประเมินขนาดและการกระจายของราก ( อัตราส่วนพื้นที่ราก ) , สามารถใช้ประเมินเสริมรากค่าที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการวิเคราะห์เสถียรภาพของลาดการพัฒนาระบบรากของพืชถูกควบคุมโดยปฏิสัมพันธ์ระหว่างพันธุกรรมและสภาพแวดล้อมรากรักษาลักษณะพื้นฐานที่ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม แต่ชนิดเดียวกันอาจจะดูดระบบรากแตกต่างกันสำหรับส่วนความหนาแน่นของราก , เส้นผ่าศูนย์กลางการส่งเสริมและความลึกที่สามารถเข้าถึง[ 2 ]ข้อมูลในห้องปฏิบัติการพบว่าแรงดึงโดยทั่วไปลดลง มีเส้นผ่าศูนย์กลางราก : จุดแข็งรากจะลดลงเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่และสูงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดเล็ก [ 4 , 5 ] นอกจากนี้ รากแรงขึ้นอยู่กับทางชีวภาพส่วนประกอบของราก : รากเส้นเล็กมีเซลลูโลสมากกว่ารากเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่ และดังนั้นจึงลักษณะสูงแรง [ 6 ]ประโยชน์ของการทำงานร่วมกันที่ชัดเจนเชื่อถือได้ถูก จำกัด ไปยังความลึกตื้น เช่น รากส่วนใหญ่ได้เข้มข้นภายใน 1 เมตร จากผิวดิน ( รูปที่ 4 ) การเพิ่มคุณค่าของการทำงานร่วมกันเป็นดินที่เหมาะสมสำหรับหญ้าและไม้พุ่มบริเวณที่รากได้ลึกที่สอดคล้องกันได้อย่างง่ายดายกำหนด [ 7 ] การศึกษาภาคสนามของป่าลาด [ 8 ] แสดงว่าดีราก 1 มิลลิเมตรในเส้นผ่าศูนย์กลาง เป็นคนที่สนับสนุนมากที่สุดในดินการเสริมแรง หญ้า พืชตระกูลถั่วและพุ่มไม้ขนาดเล็กสามารถมีความสัมพันธ์ที่มีผลลงไปลึกจาก 0.75ถึง 1.5 เมตร [ 9 ] นักวิจัยบางคนได้พยายามที่จะคำนวณค่าของความชัดเจนเนื่องจากการแสดงตนของรากในดิน โดยการออกแบบและพัฒนาใน situ การทดสอบกำลังรับแรงเฉือนสำหรับประเภทที่แตกต่างกันของระบบราก