Temple TypesThere are three basic t

Temple Types
There are three basic types of temple in every village. Pura Puseh (temple of origin) remains the most prominent and is reserved for founders of villages. It is always situated at the kaja(towards the mountains) end of the village. In the middle of the village is the Pura Desa, which is for the spirits that protect and bless the villagers in their daily lives. The (Pura Bale Agung) is sometimes attached to the Pura Desa or is in the center of the village. These are meeting places to share ritual meals on auspicious days with each other and defied ancestors because they are founders of the social order At the kelod(towards the sea) end of the village is the Pura dalem or temple of the dead. It is here where the souls of the dead in their first stage after death are purified as not to bring harm to the village..

The Pura Dalem would have representations of Durga, the dark and terrible side of Shiva’s wife, Parvati. Both Shiva and Parvati have a creative and destructive side, and it is their powers of destruction that are honored in the Pura Dalem. It is here where the souls of the dead in their first stage after death are purified as not to bring harm to the village..

Since rice is such an important produce in Bali, there are temples dedicated to the spirits of irrigated agriculture. These temples are called Pura Subak or Pura Ulun Suwi. There are also agricultural temples, which are usually small shrines in the rice fields. It is here where the Balinese can thank the gods, especially Dewi Sri, from whom they receive blessings and fertility for their work.

The largest of Bali’s temple are the state temples such as Pura Tamen Ayun in Mengwi and the largest and most holy temple in Bali Pura Besakih. Rather than belonging to homes or villages these state temples belong to districts or in the case of Pura Beskih all of Bali.

Balinese temples are generally separated into two or three sectors: a front court yard, which contains the bale Kulkul or slit drum tower. This drum summons the villagers to work or to announce the presence of the arrival of the gods. There is usually a balepawaregan or kitchen where women cook the rice and rice cakes necessary for communal offerings and the shed like building is the bale paebatan, where the men prepare the meat for offerings. In the central courtyard is the bale agung or meeting hall and pavilion for the gamelan orchestra. Most of the dances are performed in this central courtyard. The innermost temple is intended for the actual reception of the gods. Shrines and altars are usually arranged in a row. It is here where the offerings are placed and the gods can receive their essence. The bale pawedaan is a pavilion where the Brahman priest conducts rites to produce holy water.

While attending ceremonies remember these are religious occasions. Always where a sarong and sash. Do not walk infront of people praying nor sit or stand higher than the priest. Avoid using flash cameras and obey the directions of the attendants. Women are not allowed to enter the temples when menstruating.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ชนิดการวัดมีสามชนิดพื้นฐานของวัดในหมู่บ้านทุก Puseh ปุระ (วัดต้นกำเนิด) ยังคง โดดเด่นที่สุด และถูกสงวนไว้สำหรับผู้ก่อตั้งของหมู่บ้าน เสมออยู่ท้ายหยิบมาจาก (ภูเขา) ของหมู่บ้าน กลางหมู่บ้านเป็นเดซาปุระ ที่สำหรับวิญญาณที่ปกป้อง และอำนวยพรแก่ชาวบ้านในชีวิตประจำวัน การ (ปุระเบลเอกัง) เป็นบางครั้งกับเดปุระ หรือเป็นศูนย์กลางของหมู่บ้าน เหล่านี้เป็นสถานใช้ร่วมกันอาหารพิธีกรรมในวันมงคลกันพบปะ และบรรพบุรุษที่คณะทำงาน เพราะพวกเขาเป็นผู้ก่อตั้งของสั่งสังคมท้ายมิลี่ (ทางทะเล) ของหมู่บ้านคือ เทอร์ทาปุระหรือวัดของคนตาย มันอยู่ที่นี่ที่ที่วิญญาณของคนตายในขั้นแรกหลังจากตายบริสุทธิ์ไม่ให้นำอันตรายมาสู่หมู่บ้าน...เทอร์ทาปุระจะมีของทูร์คา ด้านมืด และน่ากลัวของภรรยาของพระอิศวร พระแม่ปารวตี พระอิศวรและพระแม่ปารวตีได้ด้านความคิดสร้างสรรค์ และทำลาย และเป็นอำนาจของการทำลายที่จะยกย่องในเทอร์ทาปุระ มันอยู่ที่นี่ที่ที่วิญญาณของคนตายในขั้นแรกหลังจากตายบริสุทธิ์ไม่ให้นำอันตรายมาสู่หมู่บ้าน...เนื่องจากข้าวเป็นเช่นการผลิตสำคัญในบาหลี มีวัดเพื่อวิญญาณของเกษตรยาม วัดเหล่านี้เรียกว่าซูบัคปุระหรือปุระอูลันอู Suwi นอกจากนี้ยังมีวัดเกษตร ซึ่งเป็นศาลเจ้าขนาดเล็กโดยปกติข้าว มันอยู่ที่สไตล์บาหลีสามารถขอบคุณพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทวีศรี ซึ่งพวกเขาได้รับพรและความอุดมสมบูรณ์สำหรับการทำงานใหญ่ที่สุดของบาหลีวัดมีวัดสถานะเช่นเอยุน Tamen ปุระใน Mengwi และวัดที่ใหญ่ที่สุด และศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในบาหลี Pura Besakih แทนที่จะเป็นของบ้านหรือหมู่บ้าน วัดสถานะเหล่านี้เป็นไป หรือในกรณี ของ Beskih ปุระทั้งหมดของบาหลีวัดบาหลีโดยทั่วไปแบ่งออกเป็นสอง หรือสามภาค: ลานหน้าศาล ซึ่งประกอบด้วยก้อน Kulkul หรือร่องกลองทาวเวอร์ กลองนี้เดินหมายชาวบ้าน จะทำงาน หรือประกาศของการมาถึงของพระเจ้า มีมักจะ balepawaregan หรือครัวที่ผู้หญิงทำอาหารข้าวและเค้กข้าวที่จำเป็นสำหรับชุมชนเสนอ และโรงเช่นอาคารเป็นก้อน paebatan ที่คนเตรียมเนื้อท พักเป็นก้อนฮอลล์เอกังหรือประชุมและศาลาสำหรับวงกาเมลัน ส่วนใหญ่เต้นจะดำเนินการในสวนกลางนี้ วัดก้นมีไว้สำหรับต้อนรับพระเจ้าจริง ศาลเจ้าและแท่นบูชามักจะจัดเรียงในแถว มันอยู่ที่นี่ซึ่งเสนออยู่ และได้สาระสำคัญของพระเจ้า Pawedaan เบลเป็นกระโจมที่ปุโรหิต Brahman ทำพิธีกรรมในการผลิตน้ำบริสุทธิ์ในขณะที่เข้าร่วมพิธีโปรดจำไว้ว่า นี่คือโอกาสที่ทางศาสนา เสมอพกและ sash หลัง ไม่เดิน infront คนอธิษฐาน ไม่นั่ง หรือยืนสูงกว่าพระสงฆ์ หลีกเลี่ยงการใช้แฟลชกล้อง และฟังคำแนะนำของผู้เข้าอบรม ผู้หญิงไม่ได้ใส่วัดเมื่อระดู

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประเภทวัดมีสามประเภทพื้นฐานของวัดในหมู่บ้านทุก ปุระ Puseh (วัดต้นกำเนิด) ยังคงโดดเด่นที่สุดและเป็นที่สงวนไว้สำหรับผู้ก่อตั้งของหมู่บ้าน มันตั้งอยู่เสมอที่ Kaja (ทางภูเขา) ในตอนท้ายของหมู่บ้าน ในช่วงกลางของหมู่บ้านเป็น Desa ปุระซึ่งเป็นวิญญาณที่ปกป้องและให้ศีลให้พรชาวบ้านในชีวิตประจำวันของพวกเขา (ที่ปุระเบ Agung) บางครั้งถูกแนบไปกับปุระ Desa หรืออยู่ในใจกลางของหมู่บ้าน เหล่านี้มีการประชุมสถานที่ที่จะแบ่งปันอาหารพิธีกรรมในวันที่เป็นมงคลกับแต่ละอื่น ๆ และท้าทายบรรพบุรุษเพราะพวกเขาเป็นผู้ก่อตั้งของการจัดระเบียบสังคมใน Kelod (ทางทะเล) ในตอนท้ายของหมู่บ้านเป็น Dalem ปุระหรือวัดของคนตาย ที่นี่เป็นที่ที่วิญญาณของคนตายอยู่ในขั้นตอนแรกของพวกเขาหลังจากการตายบริสุทธิ์ที่จะไม่นำมาเป็นอันตรายต่อหมู่บ้าน .. Dalem ปุระจะมีตัวแทนของ Durga ด้านมืดและน่ากลัวของภรรยาของพระอิศวรปาราวตี ทั้งพระอิศวรและปาราวตีมีด้านความคิดสร้างสรรค์และการทำลายล้างและมันก็เป็นอำนาจของพวกเขาจากการทำลายที่ได้รับเกียรติใน Pura Dalem ที่นี่เป็นที่ที่วิญญาณของคนตายอยู่ในขั้นตอนแรกของพวกเขาหลังจากการตายบริสุทธิ์ที่จะไม่นำมาเป็นอันตรายไปยังหมู่บ้าน .. เนื่องจากข้าวเป็นเช่นการผลิตที่สำคัญในบาหลีมีวัดที่ทุ่มเทให้กับวิญญาณของการเกษตรชลประทาน วัดเหล่านี้เรียกว่าปุระ Subak หรือปุระ Ulun Suwi นอกจากนี้ยังมีวัดเกษตรซึ่งมักจะมีศาลเจ้าเล็ก ๆ ในนาข้าว ที่นี่เป็นที่บาหลีสามารถขอบคุณพระเจ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Dewi Sri จากผู้ที่พวกเขาได้รับพรและความอุดมสมบูรณ์สำหรับการทำงานของพวกเขา. ที่ใหญ่ที่สุดของวัดของบาหลีเป็นวัดที่รัฐเช่นปุระ Tamen Ayun ใน Mengwi และวัดที่ใหญ่ที่สุดและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดใน บาหลี Pura Besakih แทนที่จะอยู่ในบ้านหรือหมู่บ้านเหล่านี้วัดของรัฐที่อยู่ในเขตหรือในกรณีของปุระ Beskih ทั้งหมดของบาหลี. วัดบาหลีจะถูกแยกออกเป็นสองหรือสามภาค: ลานหน้าศาลซึ่งมีก้อน Kulkul หรือหอกลองช่อง กลองนี้เรียกชาวบ้านไปทำงานหรือที่จะประกาศการปรากฏตัวของการมาถึงของพระเจ้าที่ มักจะมี balepawaregan หรือห้องครัวที่ผู้หญิงทำอาหารเค้กข้าวและข้าวที่จำเป็นสำหรับการให้บริการชุมชนและโรงเช่นอาคารเป็น paebatan ก้อนที่คนเตรียมความพร้อมสำหรับเนื้อเสนอ ในลานกลางกุงก้อนหรือหอประชุมและศาลาสำหรับวงมโหรี ส่วนใหญ่ของการเต้นรำจะดำเนินการในลานกลางนี้ วัดด้านในสุดมีไว้สำหรับการต้อนรับที่แท้จริงของพระเจ้า ศาลเจ้าและแท่นบูชามักจะจัดในแถว ที่นี่เป็นที่ที่การให้บริการที่มีอยู่และพระเจ้าจะได้รับสาระสำคัญของพวกเขา pawedaan ก้อนเป็นศาลาที่พระพราหมณ์ดำเนินพิธีกรรมในการผลิตน้ำศักดิ์สิทธิ์. ขณะที่ร่วมพิธีจำเหล่านี้มีโอกาสที่ทางศาสนา เสมอที่โสร่งและผ้าคาดเอว อย่าเดินหน้าของคนที่สวดมนต์หรือนั่งหรือยืนสูงกว่าพระสงฆ์ หลีกเลี่ยงการใช้กล้องแฟลชและปฏิบัติตามทิศทางของการเข้าร่วมประชุมที่ ผู้หญิงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าวัดเมื่อประจำเดือน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประเภทวัด
มีอยู่สามชนิดพื้นฐานของทุกวัดในหมู่บ้าน ปุระ puseh ( วัดต้นกำเนิด ) ยังคงโดดเด่นที่สุด และสงวนไว้สำหรับผู้ก่อตั้งหมู่บ้าน มันมักจะตั้งอยู่ที่กะ ( ไปทางภูเขา ) ท้ายหมู่บ้าน ในช่วงกลางของหมู่บ้านคือ ปุระ DESA ซึ่งเป็นวิญญาณที่คุ้มครองและอวยพรให้แก่ชาวบ้านในชีวิตประจําวัน( Pura Bale Agung ) บางครั้งแนบปุระเดซาหรืออยู่ในศูนย์กลางของหมู่บ้าน เหล่านี้เป็นสถานที่ประชุม เพื่อร่วมพิธีกรรมมื้อมงคลวันกับแต่ละอื่น ๆและท้าทายเพราะพวกเขาเป็นบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งของสังคมที่ kelod ( ไปทะเล ) ท้ายหมู่บ้านเป็นปุระดาเล็ม หรือวัดของคนตายมันเป็นที่ที่วิญญาณของคนตายในเวทีแรกของพวกเขาหลังจากความตายบริสุทธิ์ที่จะไม่นำอันตรายมาสู่หมู่บ้าน . . . . . . .

ปุระดาเล็ม จะใช้แทน Durga , มืดและน่ากลัวของพระศิวะเป็นภรรยา ปาราวตี . ทั้งพระอิศวรและปาราวตีมีด้านการสร้างสรรค์และทำลายล้าง และมันเป็นพลังแห่งการทำลายล้างที่ได้รับเกียรติในปุระดาเล็ม .มันเป็นที่ที่วิญญาณของคนตายในเวทีแรกของพวกเขาหลังจากความตายบริสุทธิ์ที่จะไม่นำอันตรายมาสู่หมู่บ้าน . . . . . . .

เนื่องจากข้าวเป็นสำคัญ การผลิตในบาหลีมีวัดอุทิศให้กับจิตวิญญาณของผลผลิตการเกษตร วัดเหล่านี้จะเรียกว่าปุระปุระลุน ซูบัค หรือ suwi . นอกจากนี้ยังมีวัดเกษตร ซึ่งมักจะมีศาลเจ้าเล็กๆ ในนาข้าวมันอยู่ที่นี่ที่บาหลีสามารถขอบคุณพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทวีศรี จากผู้ที่พวกเขาได้รับพรและความอุดมสมบูรณ์สำหรับการทำงานของพวกเขา .

ใหญ่ที่สุดของบาหลี วัดเป็นวัดของรัฐเช่นปุระด้วย ยุนใน Mengwi และที่ใหญ่ที่สุดและเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในบาหลีปูราเบซากี .แทนที่จะอยู่บ้าน หรือหมู่บ้านวัดรัฐเหล่านี้อยู่ในเขตหรือในกรณีของปุระ beskih ทั้งหมดของบาหลี บาหลีวัด

โดยทั่วไปจะแยกออกเป็น 2 หรือ 3 ส่วนศาลหน้าบ้านซึ่งมีก้อน kulkul หอคอยกลองหรือร่อง กลองนี้ออกหมายเรียกชาวบ้านไปทำงานหรือการประกาศตนของการมาถึงของพระเจ้ามักจะมี balepawaregan หรือห้องครัวที่ผู้หญิงหุงข้าว และเตรียมเค้กข้าวที่จำเป็นสำหรับชุมชนและหลั่งเหมือนอาคารก้อน paebatan ที่คนเตรียมเนื้อไว้สำหรับบูชา ในลานกลางคือ เบล กุง หรือห้องประชุมและศาลาสำหรับปี่พาทย์มโหรี . ที่สุดของการเต้นในลานกลางนี้วัดความร้อน มีไว้สำหรับงานที่แท้จริงของพระเจ้า ศาลเจ้าและแท่นบูชามักจะจัดในแถว มันอยู่ที่นี่ซึ่งบูชาวางไว้ และพระเจ้าจะได้รับสาระสำคัญของ ก้อน pawedaan เป็นศาลาที่พราหมณ์ปุโรหิตดำเนินพิธีกรรมเพื่อผลิตน้ำบริสุทธิ์

ขณะเข้าร่วมพิธีจำเหล่านี้เป็นเทศกาลทางศาสนา ตลอดเวลาที่โสร่ง และสายสะพายอย่าเดินต่อหน้าคนสวดมนต์หรือนั่งหรือยืนสูงกว่าพระ หลีกเลี่ยงการใช้กล้องแฟลชและปฏิบัติตามเส้นทางของพนักงาน ผู้หญิงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในวัด เมื่อ menstruating .