The art of brewing beerBrewing beer

The art of brewing beer
Brewing beer is a 100% natural process. Heineken got its start when its founder fundamentally improved the process by which beer was made in a brewery that had existed for 251 years. The basic recipe is still closely guarded, and the principles of its success have remained the same: quality ingredients and a perfectly controlled brewing process.
Heineken ingredients
Heineken beer is made from the purest ingredients. We use only water, malted barley, hops and yeast.
Barley
Barley is the major raw material used in brewing beer. Before it can be used for brewing, the barley grain must be malted. Malting helps make the starch and protein (by its natural enzymes) in barley available for brewing by breaking down the natural cell wall that surrounds the starch. Starch will be converted to sugar, which will produce alcohol during fermentation. Malting also forms the colour and flavour that the barley will lend to the beer.
Hops
Hops is one of the flavour-makers of beer, and also contributes to its shelf life. The resin from the female hop flower cones is used to help balance the sweetness of the barley with a refreshing bitterness.
Water
Beer contains almost 95% water. Water plays an important part in giving beer its characteristic flavour , as different sources contribute to unique beer flavours. Clean, high quality water is essential not only to our beer, but also to life everywhere. We are actively working in the communities that we're a part of to protect clean water supplies.
Yeast
Yeast converts malt sugars into alcohol during fermentation. There are two types: bottom and top fermenting yeast. Beers fermented with bottom yeast are called lagers and those that use top-fermenting yeast are called ales. In 1886 in Amsterdam, Dr. Elion, a student of Dr. Louis Pasteur, discovered the famous Heineken A-yeast, a strain that is still used today only by Heineken.
Gluten
Beer contains gluten, which comes from the grain from which it is brewed. Only a fraction of the gluten that the grain contains gets into the beer. The proportion depends on the kind of grain that is used. The use of barley results only in traces of gluten in the beer whilst wheat contributes considerably more. It also depends on the brewing process. Generally speaking: the clearer and blonder the beer is, the less gluten it may contain. Some people are allergic to gluten and have to follow a diet that minimises or excludes their gluten intake. Whether beer can be part of such a diet or not, is dependent on the extent of the allergy and the beer type consumed. In many cases lager beers pose no problem for people who have a gluten allergy. However, it is up to the individual to assess his or her sensitivity.
How beer is made
Heineken beers are brewed using solely water, barley, hops and yeast. The barley is malted (soaked to initiate a natural geminating process), ground, mixed with water and then heated. Step by step, the temperature increases so that the starch in the malted barley is converted into sugars. After the solids have been filtered out, the result is 'wort' (malt sugars), which is then brought to the boil. During the boiling process the brewers add the hops. Using only the female flowers of the hops plant gives beer its characteristic bitter taste and improves its storability.
After the wort has been boiled, the next step is fermentation. First, the wort has to be cooled down to 8 degrees Celsius. Yeast is added to the wort and the process of converting the sugars into alcohol and carbon dioxide can then begin. This takes place in special fermentation tanks, where the beer remains for 7 days.
The result is 'young beer' which, when cooled down to freezing point, is pumped into storage cellars for post-fermentation. One of the aims of this storage is to improve the beer's taste and clarity, and help it keep longer. Once storage is completed, the remaining step is filtration, after which a superb-tasting, bright and clear beer is filled into bottles, can or kegs. Filling and bottling are automatic processes to ensure completely hygienic conditions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ศิลปะของการทำการหมักเบียร์ทำการหมักเบียร์เป็นกระบวนการธรรมชาติ 100% ไฮเนเก้นได้เริ่มต้นเมื่อผู้ก่อตั้งปรับปรุงพื้นฐานกระบวนการการทำเบียร์ในโรงเบียร์ที่มีอยู่สำหรับปี 251 สูตรพื้นฐานจะยังคงใกล้เคียงเตรียมพร้อม และหลักของความสำเร็จมีอยู่เหมือนกัน: คุณภาพวัตถุดิบและกระบวนการศึกษาที่ควบคุมอย่างสมบูรณ์ ส่วนผสมของไฮเนเก้นเบียร์ไฮเนเก้นทำจากส่วนผสมบริสุทธิ์ที่สุด เราใช้เฉพาะน้ำ ข้าวบาร์เลย์ malted ข้าม และยีสต์ข้าวบาร์เลย์ข้าวบาร์เลย์เป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการทำการหมักเบียร์ ก่อนที่จะสามารถใช้สำหรับทำการหมัก เมล็ดข้าวบาร์เลย์ต้องถูก malted Malting ช่วยทำให้แป้งและโปรตีน (โดยธรรมชาติของเอนไซม์) ในข้าวบาร์เลย์พร้อมสำหรับทำการหมักโดยแบ่งผนังเซลล์ธรรมชาติที่ล้อมรอบแป้ง แป้งจะถูกแปลงเป็นน้ำตาล ซึ่งจะผลิตแอลกอฮอล์ในระหว่างการหมัก Malting ยังใช้สีและกลิ่นที่จะยืมข้าวบาร์เลย์เบียร์ข้ามข้ามเป็นกลิ่นผู้ผลิตเบียร์อย่างใดอย่างหนึ่ง และการของชีวิตชั้น ใช้ยางจากกรวยดอกไม้ปฮอปหญิงเพื่อช่วยปรับสมดุลความหวานหอมของข้าวบาร์เลย์ที่ มีรสขมเย็น น้ำเบียร์ประกอบด้วยเกือบ 95% น้ำ น้ำเล่นเป็นส่วนสำคัญในการให้รสชาติของลักษณะ เบียร์ ตามแหล่งต่าง ๆ ช่วยให้รสชาติเบียร์ที่ไม่ซ้ำกัน สะอาด คุณภาพน้ำเป็นสิ่งจำเป็นไม่เพียงแต่ให้เบียร์ของเรา แต่ยังรวมถึงทุกชีวิต เรากำลังทำงานอย่างแข็งขันในชุมชนที่เราเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันอุปกรณ์น้ำสะอาด ยีสต์ยีสต์เปลี่ยนน้ำตาลมอลต์เป็นแอลกอฮอล์ในระหว่างการหมัก มีสองชนิด: ด้านล่างและด้านบน fermenting ยีสต์ เบียร์ที่หมัก ด้วยยีสต์ล่างเรียกว่า lagers และผู้ที่ใช้ยีสต์ fermenting ด้านบนเรียกว่า ales อิศวรในอัมสเตอร์ดัม ดร. Elion ดร. Louis เมืองบันดุง เรียนค้นพบมีชื่อเสียงไฮเนเก้น A-ยีสต์ ต้องใช้ที่ยังคงใช้วันนี้ โดยเฉพาะไฮเนเก้น ตังเบียร์ประกอบด้วยตัง ซึ่งมาจากเมล็ดข้าวที่จะได้รับการต้มกลั่น เพียงเศษเสี้ยวของตังที่ประกอบด้วยเมล็ดข้าวได้รับลงในเบียร์ สัดส่วนขึ้นอยู่กับชนิดของข้าวที่ใช้ ใช้ข้าวบาร์เลย์ผลลัพธ์เฉพาะในร่องรอยของตังในเบียร์ขณะที่ข้าวสาลีมากสนับสนุนเพิ่มเติม มันยังขึ้นอยู่กับการศึกษา สมรรถนะ: ความคมชัดและ blonder เบียร์เป็น ตังน้อยก็อาจประกอบด้วย บางคนแพ้ตัง และต้องทำตามอาหารที่ minimises หรือแยกผู้บริโภคตัง ว่า เบียร์สามารถเป็นส่วนหนึ่งของอาหารดังกล่าว หรือ ไม่ จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคภูมิแพ้เบียร์ใช้ ในหลายกรณี เบียร์ลาเกอร์ก่อให้เกิดปัญหาสำหรับผู้ที่มีโรคภูมิแพ้ตัง อย่างไรก็ตาม มันจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลเพื่อประเมินความไวของเขา หรือเธอ วิธีทำเบียร์เบียร์ไฮเนเก้นได้รับการต้มกลั่นโดยใช้เพียงน้ำ ข้าวบาร์เลย์ ข้าม และยีสต์ ข้าวบาร์เลย์มี malted (เปี่ยมล้นไปด้วยเพื่อเริ่มต้นกระบวนการ geminating ธรรมชาติ), ดิน ผสมกับน้ำ และความร้อนแล้ว ขั้นตอน อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเพื่อให้แป้งในข้าวบาร์เลย์ malted จะถูกแปลงเป็นน้ำตาล หลังจากที่มีการกรองของแข็งการออก ผลคือ 'wort' (น้ำตาลมอลต์), ซึ่งเป็นแล้วนำไปต้ม ในระหว่างกระบวนการเดือด brewers ที่เพิ่มการข้าม ใช้เฉพาะหญิงดอกไม้ของพืชข้ามให้เบียร์มีรสชาติขมลักษณะ และปรับปรุง storability ของ หลังจากที่มีการต้ม wort ขั้นตอนถัดไปคือ หมัก ก่อน wort มีที่จะลงไป 8 องศาเซลเซียส เพิ่มยีสต์ wort แล้วสามารถเริ่มกระบวนการแปลงน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นี้เกิดขึ้นในถังหมักพิเศษ เบียร์เหลืออยู่ 7 วันที่ ผลที่ได้คือ 'หนุ่มเบียร์' ซึ่ง เมื่อระบายความร้อนด้วยลงถึงจุดเยือกแข็ง ถูกสูบเข้าสู่อีโอลาฮิเก็บสำหรับหมักหลังการ หนึ่งในเป้าหมายหลักของการจัดเก็บนี้จะปรับปรุงรสชาติและความชัดเจนของเบียร์ และทำให้อีกต่อไป เมื่อเก็บเสร็จสมบูรณ์ เหลือได้กรอง ที่เบียร์เยี่ยมชิม สดใส และชัดเจนจะเติมลงในขวด กระป๋อง หรือ kegs บรรจุ และการบรรจุขวดมีกระบวนการอัตโนมัติให้สุขาภิบาลทั้งหมด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ศิลปะของการหมักเบียร์
เบียร์ตั้งเค้าเป็น 100% กระบวนการทางธรรมชาติ ไฮเนเก้นได้เริ่มต้นเมื่อผู้ก่อตั้งพื้นฐานการปรับปรุงกระบวนการที่เบียร์ทำในโรงเบียร์ที่มีอยู่สำหรับ 251 ปี สูตรพื้นฐานยังคงรักษาอย่างใกล้ชิดและหลักการของความสำเร็จได้ยังคงเหมือนเดิม: ส่วนผสมที่มีคุณภาพและกระบวนการผลิตเบียร์ควบคุมอย่างสมบูรณ์แบบ.
ส่วนผสมไฮเนเก้น
เบียร์ไฮเนเก้นที่ทำจากส่วนผสมที่บริสุทธิ์ เราใช้น้ำเพียงข้าวบาร์เลย์ malted, กระโดดและยีสต์.
ข้าวบาร์เลย์
ข้าวบาร์เลย์เป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการหมักเบียร์ ก่อนที่จะสามารถนำมาใช้สำหรับการผลิตเบียร์ข้าวบาร์เลย์จะต้อง malted Malting ช่วยทำให้แป้งและโปรตีน (โดยเอนไซม์ตามธรรมชาติของมัน) ในข้าวบาร์เลย์พร้อมใช้งานสำหรับการผลิตเบียร์โดยทำลายลงผนังเซลล์ธรรมชาติที่รายล้อมด้วยแป้ง แป้งจะถูกแปลงเป็นน้ำตาลซึ่งจะผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างการหมัก Malting ยังเป็นสีและรสชาติที่ข้าวบาร์เลย์จะปล่อยกู้ให้กับเบียร์.
Hops
Hops เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรสชาติของเบียร์และยังก่อให้อายุการเก็บรักษาของ ยางที่มาจากกรวยดอกฮอปหญิงจะใช้ในการช่วยปรับสมดุลความหวานของข้าวบาร์เลย์ที่มีความขมขื่นสดชื่น.
น้ำ
เบียร์มีน้ำเกือบ 95% น้ำมีบทบาทสำคัญในการให้เบียร์รสลักษณะของมันเป็นแหล่งที่มาที่แตกต่างกันมีส่วนช่วยให้รสชาติเบียร์ที่ไม่ซ้ำกัน น้ำสะอาดที่มีคุณภาพสูงเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่เพียง แต่จะเบียร์ของเรา แต่ยังรวมถึงทุกชีวิต เรากำลังทำงานอย่างแข็งขันในชุมชนที่เราเป็นส่วนหนึ่งของที่จะปกป้องแหล่งน้ำที่สะอาด.
ยีสต์
ยีสต์แปลงน้ำตาลมอลต์ลงในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างการหมัก มีสองประเภทคือยีสต์หมักล่างและด้านบน เบียร์หมักด้วยยีสต์ด้านล่างจะเรียกว่า lagers และผู้ที่ใช้ยีสต์บนสุดจะเรียกว่าการหมักเบียร์ ในปี 1886 ในอัมสเตอร์ดัมดร Elion นักเรียนของดร. หลุยส์ปาสเตอร์, การค้นพบที่มีชื่อเสียงไฮเนเก้นยีสต์สายพันธุ์ที่ใช้ในวันนี้ยังคงเท่านั้นโดยไฮเนเก้น.
ตัง
เบียร์มีตังซึ่งมาจากข้าวจากที่มันเป็น ต้ม เฉพาะส่วนของกลูเตนที่มีเมล็ดข้าวที่ได้รับในเบียร์ สัดส่วนขึ้นอยู่กับชนิดของข้าวที่ใช้ ใช้ข้าวบาร์เลย์ผลเฉพาะในร่องรอยของกลูเตนในเบียร์ในขณะที่ข้าวสาลีมีส่วนช่วยมากขึ้น นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตเบียร์ โดยทั่วไป: ที่ชัดเจนและ Blonder เบียร์คือน้อยตังมันอาจจะมี บางคนที่แพ้กลูเตนและจะต้องปฏิบัติตามอาหารที่ช่วยลดหรือไม่รวมการบริโภคของพวกเขาตัง ไม่ว่าจะเป็นเบียร์สามารถเป็นส่วนหนึ่งของอาหารดังกล่าวหรือไม่ขึ้นอยู่กับขอบเขตของโรคภูมิแพ้และประเภทเบียร์บริโภค ในหลายกรณีเบียร์เบียร์ก่อให้เกิดปัญหาสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้กลูเตน แต่มันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลเพื่อประเมินความไวของเขาหรือเธอ.
วิธีการทำเบียร์
เบียร์ไฮเนเก้นจะต้มโดยใช้ แต่เพียงผู้เดียวน้ำบาร์เลย์ hops และยีสต์ ข้าวบาร์เลย์เป็น malted (แช่เพื่อเริ่มต้นกระบวนการ geminating ธรรมชาติ), ดินผสมกับน้ำและความร้อนแล้ว ขั้นตอนโดยขั้นตอนการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเพื่อให้แป้งในข้าวบาร์เลย์ malted จะถูกแปลงเป็นน้ำตาล หลังจากของแข็งที่ได้รับการกรองออกผลที่ได้คือ 'สาโท' (น้ำตาลมอลต์) ซึ่งจะถูกนำไปต้มแล้ว ในระหว่างกระบวนการต้มเบียร์เพิ่มกระโดด โดยใช้เพียงดอกเพศเมียของโรงงานฮอปส์ให้เบียร์รสขมลักษณะและช่วยเพิ่มอายุการเก็บรักษาของมัน.
หลังจากสาโทได้รับการต้มขั้นตอนต่อไปคือการหมัก แรกสาโทจะต้องมีการระบายความร้อนลงถึง 8 องศาเซลเซียส ยีสต์จะถูกเพิ่มสาโทและกระบวนการของการแปลงน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้นสามารถเริ่มต้น นี้จะเกิดขึ้นในถังหมักพิเศษที่เบียร์ยังคงอยู่เป็นเวลา 7 วัน.
ผลที่ได้คือ 'เบียร์หนุ่มที่เมื่อเย็นลงไปยังจุดแช่แข็งจะสูบในห้องใต้ดินเก็บข้อมูลสำหรับการโพสต์การหมัก หนึ่งในจุดมุ่งหมายของการจัดเก็บนี้คือการปรับปรุงรสชาติเบียร์ชัดเจนและและช่วยให้มันเก็บไว้อีกต่อไป เมื่อจัดเก็บข้อมูลเสร็จสิ้นขั้นตอนที่เหลือคือการกรองหลังจากที่รสชาติยอดเยี่ยม, เบียร์สดใสและชัดเจนมีการเติมลงในขวดสามารถหรือถัง บรรจุและบรรจุเป็นกระบวนการอัตโนมัติเพื่อให้แน่ใจว่าสุขลักษณะอย่างสมบูรณ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ศิลปะของเบียร์
เบียร์เป็น 100% กระบวนการธรรมชาติ ไฮเนเก้นได้เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อเกิดกระบวนการเบียร์ที่ผลิตในโรงเบียร์ที่เคยอยู่ 24 ปี สูตรพื้นฐานยังคงรักษาอย่างใกล้ชิด และหลักการของความสำเร็จของมันยังคงเหมือนเดิม : ส่วนผสมที่มีคุณภาพและสมบูรณ์ที่ควบคุมกระบวนการเบียร์ไฮเนเก้นส่วนผสม

.ไฮเนเก้นเบียร์ที่ทำจากส่วนประกอบที่บริสุทธิ์ที่สุด เราใช้แต่น้ำหมักข้าวบาร์เลย์ hops ข้าวบาร์เลย์ข้าวบาร์เลย์และยีสต์

เป็นหลัก วัตถุดิบที่ใช้ในการหมักเบียร์ ก่อนจึงจะสามารถใช้ต้ม , ข้าวบาเล่ย์ต้องหมัก . ข้าวมอลต์จะช่วยให้แป้งและโปรตีน ( เอนไซม์ธรรมชาติ ) ในข้าวบาร์เลย์พร้อมชง โดยการแบ่งเซลล์ตามธรรมชาติ กำแพงที่ล้อมรอบแป้งแป้งจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล ซึ่งจะผลิตแอลกอฮอล์ในระหว่างการหมัก ข้าวมอลต์และรูปแบบสีและกลิ่นที่บาร์เลย์จะยืมเบียร์

กระโดด กระโดด เป็นหนึ่งในผู้ผลิตเบียร์รสชาติ และยังมีส่วนช่วยให้อายุการเก็บรักษาของ เรซินจากตัวเมียกระโดดดอกไม้กรวยที่ใช้ช่วยในการปรับสมดุลของความหวานของข้าวบาร์เลย์กับความขมขื่น

น้ำสดชื่นเบียร์มีน้ำเกือบ 95% น้ำเล่นเป็นส่วนสำคัญในการให้ลักษณะของเบียร์รส แหล่งที่แตกต่างกันส่งผลให้รสชาติเบียร์ที่เป็นเอกลักษณ์ สะอาดคุณภาพสูงเป็นสิ่งสำคัญไม่เพียง แต่เบียร์ของเรา แต่ยังมีชีวิตอยู่ทุกที่ เรามีความกระตือรือร้นในการทํางานในชุมชนที่เราเป็นส่วนหนึ่งของการปกป้องแหล่งน้ำสะอาด ยีสต์

ยีสต์หมักน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์แปลงระหว่างการหมัก มีอยู่สองประเภท : ด้านล่างและด้านบนหมักยีสต์ เบียร์หมักกับยีสต์ด้านล่างเรียกว่า lagers และที่ด้านบน ใช้หมักยีสต์จะเรียกสัมภาษณ์ . ในปี 1886 ในอัมสเตอร์ดัม , ดร. elion นักเรียนของ ดร. หลุยส์ ปาสเตอร์ ได้ค้นพบที่มีชื่อเสียง a-yeast ไฮเนเก้น , สายพันธุ์ที่ยังคงใช้ในวันนี้โดยเฉพาะ เก็บตัง

.เบียร์มีโปรตีนซึ่งมาจากเมล็ดซึ่งมีการต้มกลั่น เพียงเศษเสี้ยวของตังที่เมล็ดมีจะลงในเบียร์ สัดส่วนขึ้นอยู่กับชนิดของเมล็ดที่ใช้ ใช้ข้าวบาร์เลย์ผลเฉพาะในร่องรอยของกลูเตนในข้าวสาลีเบียร์ในขณะที่การคาดการณ์มากขึ้น . นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตเบียร์ พูดโดยทั่วไป :ความคมชัด และสาวผมทองเบียร์ น้อยกว่าโปรตีนอาจประกอบด้วย บางคนก็แพ้กลูเตนและต้องปฏิบัติตามอาหารที่ช่วยลดหรือยกเว้นการบริโภคโปรตีนของพวกเขา ไม่ว่าเบียร์สามารถเป็นส่วนหนึ่งของอาหารหรือไม่ ขึ้นอยู่กับขอบเขตของโรคภูมิแพ้และเบียร์ชนิดใช้ ในหลายกรณี ลาเกอร์เบียร์ ไม่มีปัญหาสำหรับคนที่มีตังโรคภูมิแพ้ อย่างไรก็ตามมันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เพื่อประเมินความไวของเขา หรือเธอ เบียร์ไฮเนเก้นได้

ยังไง เบียร์ชงโดยใช้เพียงน้ำ ข้าวบาร์เลย์ กระโดด และ ยีสต์ ข้าวบาร์เลย์เป็นข้าวมอลต์ ( แช่เพื่อเริ่มต้นกระบวนการธรรมชาติ geminating ) , ดินผสมกับน้ำ และความร้อน ขั้นตอนโดยขั้นตอนที่เพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเพื่อให้แป้งในข้าวมอลต์บาร์เลย์จะถูกเปลี่ยนให้เป็นน้ำตาลได้หลังแข็งได้ถูกกรองออก ผลที่ได้คือ ' ไม่ ' ( malt น้ำตาล ) ซึ่งจะนำไปต้ม ในระหว่างกระบวนการต้มเบียร์เพิ่มกระโดด . ใช้เฉพาะหญิงดอกไม้ hops พืชให้เบียร์รสชาติขมของลักษณะ และเพิ่มการรักษา .
หลังจากไม่ได้ถูกต้ม ขั้นตอนถัดไปคือการหมัก ครั้งแรกที่ไม่ต้องเย็นลงถึงอุณหภูมิ 8 องศา ผสมยีสต์กับสาโทและกระบวนการของการแปลงน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์ และคาร์บอนไดออกไซด์ ก็เริ่มต้นขึ้น นี้จะเกิดขึ้นในถังหมักเบียร์พิเศษที่ยังคงเป็นเวลา 7 วัน ผลที่ได้คือเบียร์
' ' หนุ่ม ซึ่งเมื่อเย็นลงถึงจุดเยือกแข็ง สูบเข้ากระเป๋าเก็บหลังจากการหมักหนึ่งในจุดมุ่งหมายของการจัดเก็บข้อมูลนี้เพื่อปรับปรุงรสชาติของเบียร์ และ ความชัดเจน และช่วยให้อีกต่อไป เมื่อเก็บของเสร็จ ขั้นตอนที่เหลือคือการกรองหลังจากที่ชิมชั้นเลิศ สดใส และชัดเจน เบียร์เติมลงในขวด กระป๋องหรือถัง บรรจุและบรรจุอัตโนมัติเพื่อให้แน่ใจว่ามีกระบวนการสุขลักษณะอย่างสมบูรณ์

.