Many studies have reported that stu

Many studies have reported that students face difficulties in constructing scientific explanations (Kuhn & Reiser, 2005;McNeill & Krajcik, 2011; Sandoval & Millwood, 2005; H. K. Wu & Hsieh, 2006). Kuhn and Reiser (2005) found that constructing scientific explanations is difficult for students because it requires incorporating many different elements, including amassing evidence to appraise and revise claims, reasoning about how to support claims, connecting evidence to scientific principles, and communicating what has been understood. However, students often do not clearly interpret their inferences or clearly articulate relationships between evidence and claims in their explanations. Sandoval and Millwood (2005) found that students often fail to cite sufficient and appropriate evidence for their claims and articulate how a certain piece of evidence relates to a particular claim. H. K. Wu and Hsieh (2006) found that students tend to generate incoherent explanations from personal thoughts and fail to make logical connections between evidence and claims in their explanations. McNeill and Krajcik (2011) observed that students are often unclear about what it means to construct a scientific explanation and aboutwhat to include in their explanations. It is thus important to help students understand the importance of constructing a scientific explanation and guide them in the process of doing so. In summary, the common difficulties that students face in constructing scientific explanations include failing to cite sufficient and appropriate evidence for their claims, failing to connect evidence to appropriate scientific principles, and not clearly interpreting their inferences and articulating relationships between evidence and claims.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีรายงานหลายการศึกษาที่ นักเรียนเผชิญกับความยากลำบากในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ (Kuhn และ Reiser, 2005 McNeill & Krajcik, 2011 แฟ & Millwood, 2005 อู่คุณ H. & Hsieh, 2006) Kuhn และ Reiser (2005) พบว่า สร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องยากสำหรับนักเรียน เพราะต้องเพจหลายองค์ประกอบต่าง ๆ รวมรวบหลักฐานเพื่อพิจารณา และปรับปรุงการร้อง การใช้เหตุผลเกี่ยวกับวิธีการเรียกร้อง การเชื่อมต่อหลักฐานหลักการทางวิทยาศาสตร์ สนับสนุน และการสื่อสารว่า มีการเข้าใจ อย่างไรก็ตาม นักเรียนมักจะไม่ชัดเจนตีความ inferences ขึ้นชัดเจนบอกความสัมพันธ์ระหว่างหลักฐานและเรียกร้องในคำอธิบายของพวกเขา แฟและ Millwood (2005) พบว่า นักเรียนมักไม่อ้างอิงหลักฐานที่เพียงพอ และเหมาะสมสำหรับการอ้าง และบอกว่า หลักฐานบางชิ้นที่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องเฉพาะ H. คุณวูและ Hsieh (2006) พบว่า นักเรียนมักจะ สร้างคำอธิบายที่ไม่ติดต่อกันจากความคิดส่วนบุคคล และไม่สามารถสร้างการเชื่อมต่อแบบลอจิคัลระหว่างหลักฐานและเรียกร้องในคำอธิบายของพวกเขา McNeill และ Krajcik (2011) พบว่า นักเรียนมักจะไม่ชัดเจนเกี่ยวกับความหมาย ของการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์และ aboutwhat การรวมไว้ในคำอธิบายของพวกเขา จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจความสำคัญของการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ และคำแนะนำในกระบวนการทำเช่นนั้น ในสรุป ปัญหาทั่วไปที่ว่า ใบหน้าของนักเรียนในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์รวมถึงการอ้างอิงหลักฐานที่เพียงพอ และเหมาะสมสำหรับเรียกร้องของพวกเขา ล้มเหลวในการเชื่อมต่อหลักฐานที่ใช้ หลักการทางวิทยาศาสตร์ ไม่ชัดเจนการตีความของ inferences และ articulating ความสัมพันธ์ระหว่างหลักฐานและเรียกร้อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาหลายแห่งได้มีการรายงานว่านักเรียนต้องเผชิญกับความยากลำบากในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ (Kuhn Reiser & 2005; McNeill และ Krajcik 2011; & โก Millwood 2005; HK วูและ Hsieh, 2006) Kuhn และ Reiser (2005) พบว่าการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องยากสำหรับนักเรียนเพราะต้องผสมผสานองค์ประกอบที่แตกต่างกันจำนวนมากรวมทั้งการรวบรวมหลักฐานในการประเมินและแก้ไขการเรียกร้องให้เหตุผลเกี่ยวกับการสนับสนุนการเรียกร้องการเชื่อมต่อหลักฐานหลักการทางวิทยาศาสตร์และการสื่อสารสิ่งที่ได้รับ เข้าใจ อย่างไรก็ตามนักเรียนมักจะไม่ได้ข้อสรุปอย่างชัดเจนตีความของพวกเขาหรือความสัมพันธ์อย่างชัดเจนระหว่างปล้องหลักฐานและการเรียกร้องของพวกเขาในคำอธิบาย โกและ Millwood (2005) พบว่านักเรียนมักจะไม่ได้กล่าวถึงหลักฐานที่เพียงพอและเหมาะสมสำหรับการเรียกร้องของพวกเขาและทบทวนว่าเป็นชิ้นส่วนหนึ่งของหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องโดยเฉพาะอย่างยิ่ง HK วูและ Hsieh (2006) พบว่านักเรียนมีแนวโน้มที่จะสร้างคำอธิบายที่ไม่ต่อเนื่องกันจากความคิดส่วนตัวและล้มเหลวที่จะทำให้การเชื่อมต่อระหว่างตรรกะหลักฐานและการเรียกร้องของพวกเขาในคำอธิบาย McNeill และ Krajcik (2011) พบว่านักเรียนมักจะไม่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่มันหมายถึงการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์และ aboutwhat จะรวมอยู่ในคำอธิบายของพวกเขา มันเป็นสิ่งสำคัญดังนั้นเพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจถึงความสำคัญของการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์และนำพวกเขาอยู่ในกระบวนการของการทำเช่นนั้น ในการสรุปปัญหาที่พบว่านักเรียนต้องเผชิญในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์รวมถึงการล้มเหลวในการอ้างหลักฐานที่เพียงพอและเหมาะสมสำหรับการเรียกร้องของพวกเขาล้มเหลวในการเชื่อมต่อหลักฐานที่เหมาะสมหลักการทางวิทยาศาสตร์และไม่ได้อย่างชัดเจนการตีความข้อสรุปที่ชัดเจนของพวกเขาและความสัมพันธ์ระหว่างหลักฐานและการเรียกร้อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาหลายรายงานว่านักเรียนเผชิญความยากลำบากในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ ( คูน&ไรเซอร์ , 2005 ; แม็คนีล& krajcik 2011 ; โกร์& millwood , 2005 ; H . K . อู๋ & Hsieh , 2006 ) คุห์น และ ไรเซอร์ ( 2005 ) พบว่า การสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องยากสำหรับนักเรียน เพราะมันต้องผสมผสานหลายองค์ประกอบที่แตกต่างกันรวมทั้งการรวบรวมหลักฐานเพื่อตรวจสอบ และแก้ไขการเรียกร้อง เหตุผลเกี่ยวกับวิธีการสนับสนุนข้อเรียกร้องต่อหลักฐานหลักการทางวิทยาศาสตร์ และการสื่อสาร ได้เข้าใจ อย่างไรก็ตาม นักเรียนมักจะไม่ชัดตีความอนุมานหรือชี้แจงข้อสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการเรียกร้องหลักฐานและคำอธิบายของพวกเขาโกร์ และ millwood ( 2005 ) พบว่า นักเรียนมักจะล้มเหลวในการอ้างหลักฐานที่เพียงพอ และเหมาะสมสำหรับการเรียกร้องของพวกเขา และชัดเจนว่าชิ้นส่วนบางอย่างของหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องโดยเฉพาะ H . K . อู๋ และเส ( 2006 ) พบว่า นักเรียนมักจะสร้างแบบคำอธิบายจากความคิดส่วนตัวและล้มเหลวที่จะทำให้การเชื่อมต่อเชิงตรรกะระหว่างหลักฐานและเรียกร้องในคำอธิบายของพวกเขาเมิกนิล และ krajcik ( 2011 ) พบว่านักเรียนมักจะไม่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่มันหมายถึงการสร้างการอธิบายทางวิทยาศาสตร์และ aboutwhat ที่จะรวมอยู่ในคำอธิบายของพวกเขา ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจความสำคัญของการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์และแนะนำพวกเขาในกระบวนการของการทำเช่นนั้น กล่าวโดยสรุปที่พบปัญหาว่านักเรียนในการสร้างหน้าคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์รวมถึงความล้มเหลวในการอ้างหลักฐานที่เพียงพอ และเหมาะสมสำหรับการเรียกร้องของพวกเขาล้มเหลวที่จะเชื่อมต่อหลักฐานหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่เหมาะสมและไม่สามารถตีความอนุมานและ articulating ความสัมพันธ์ระหว่างหลักฐานและสิทธิเรียกร้อง .