(In this study, theterm ‘context’ w

(In this study, the
term ‘context’ will be used to describe the physical features of the task or problem,
as used by Tao and Gunstone 1999). Minstrell (1992) suggested that students’
conceptions could be viewed as being pieces of knowledge, which he called ‘facets’,
which are closely linked to particular problem contexts. For example, one facet
could be ‘the bigger/heavier the object, the more force it will exert’ (p. 115).
Minstrell suggested that a particular problem context would activate a particular
facet, and that each facet would be related in this way to several different contexts.
The context would therefore determine the type of explanation that the student
will give.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

(ในการศึกษานี้ การระยะ 'เนื้อหา' จะใช้การอธิบายคุณสมบัติทางกายภาพของงานหรือปัญหาใช้เต่าและ Gunstone 1999) Minstrell (1992) แนะนำที่เรียนแนวอาจจะดูเป็น ชิ้นส่วนของความรู้ ซึ่งเขาเรียกว่า 'ภาพลักษณ์'ซึ่งจะเชื่อมโยงกับบริบทปัญหาเฉพาะ ตัวอย่างเช่น แง่มุมหนึ่งอาจ 'ที่ใหญ่กว่า/หนักกว่าวัตถุ แรงเพิ่มเติมมันจะออกแรง' (p. 115)Minstrell แนะนำว่า บริบทปัญหาเฉพาะจะเปิดเฉพาะแง่มุม และว่า จะเกี่ยวข้องแต่ละแง่มุมในหลายบริบทที่แตกต่างกันวิธีนี้บริบทจึงจะกำหนดชนิดของคำอธิบายที่นักเรียนจะให้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

(ในการศึกษาครั้งนี้
คำว่า 'บริบท' จะถูกใช้ในการอธิบายลักษณะทางกายภาพของงานหรือปัญหา
ที่ใช้โดยเต่าและ Gunstone 1999) Minstrell (1992) ชี้ให้เห็นว่านักเรียน
มโนทัศน์อาจจะมองว่าเป็นชิ้นส่วนของความรู้ซึ่งเขาเรียกว่า 'แง่มุม'
ซึ่งจะเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับบริบทปัญหาเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่นหนึ่งแง่
อาจจะเป็น 'ใหญ่ / หนักวัตถุให้มากขึ้นบังคับให้มันจะออกแรง' (P. 115).
Minstrell ชี้ให้เห็นว่าบริบทของปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเปิดใช้งานโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในแง่และว่าในแต่ละด้านที่จะได้รับการที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ วิธีการบริบทที่แตกต่างกัน.
บริบทจึงจะกำหนดชนิดของคำอธิบายว่านักเรียน
จะให้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

( ในการศึกษานี้ระยะ " บริบท " จะถูกใช้เพื่ออธิบายคุณสมบัติทางกายภาพของงานหรือปัญหาตามที่ใช้โดยองค์การบริหารส่วนตำบล และ gunstone 1999 ) minstrell ( 1992 ) พบว่า นักเรียน นักศึกษาแนวความคิดอาจจะดูเป็นชิ้นความรู้ ซึ่งเขาเรียก " ด้าน "ซึ่งจะเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับบริบทปัญหาโดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่นหนึ่งในแง่อาจเป็น " ใหญ่ / หนักวัตถุ ยิ่งฝืนมัน จะออกแรง " ( หน้า 115 )minstrell ชี้ให้เห็นว่าบริบทของปัญหาโดยเฉพาะจะเปิดใช้งานโดยเฉพาะด้าน และแต่ละด้านจะอยู่ในลักษณะนี้หลายบริบทที่แตกต่างกัน .บริบทจึงจะตรวจสอบชนิดของคำอธิบายที่ นักเรียนจะให้