Additionally, empirical research de

Additionally, empirical research devoted to
clarifying the relationship between school
efficiency and public or private ownership is not
conclusive. The origins of
this literature are in
Coleman
et al.
(1982) who, using cross-section achievem
ent equations, concluded that private
schools were more effective than public schools at
educating students, even after controlling for
differences in the personal and socio-economic bac
kground of students. Since then, a number of
studies have attempted to contrast this result in
a wide range of educational contexts, through
the use of parametric and non-parametric te
chniques. Such literature has offered mixed
conclusions: while a number of studies tend
to confirm the result
s obtained by Coleman
et al.
(1982) (Opdenakker & Van Damme, 2006; Bettinge
r, 2005; Mizzala, Romaguera & Farren,
2002; Bedi & Garg, 2000; Stevans & Sessions, 2000; Neal, 1997; Jiménez, Lockheed &
Paqueo, 1991; Chubb & Moe, 1990; Hanushek, 1986)
, in others the presumed superiority of
private schools vanishes when the analysis in
cludes a wide range of controls (Perelman &
Santin, 2008; Mancebón & Muñiz, 2008; Cale
ro & Escardíbul, 2007; Abburrà, 2005; Fertig,
2003; Kirjavainen & Loikkanen, 1998; Goldhaber,
1996; Sander, 1996) or is reduced to specific
measurements of the output analyzed (Greene & Kang, 2004), or to specific groups of students
defined by race, ethnic group, or academic or so
cio-economic profile (Figlio & Stone, 1997). In
some cases, there exists a different effect
for independent private schools and for PSPS
(Dronkers & Robert, 2008; Corten & Dronkers, 2006). Most such studies concern the American
educational system and adopt a parametric appr
oach. This explains why further research using
different case studies and methodologies is ne
eded, as Cherchye, De Witte, Ooghe & Nicaise
(2010) point out. The present study may be seen as
a new contribution to the puzzling debate on
the relative efficiency of public and private sc
hools, in the context of the Spanish educational
system and using a non-parametric approach.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นอกจากนี้ การวิจัยเชิงประจักษ์ที่อุทิศให้ อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียน ประสิทธิภาพและความเป็นเจ้าของส่วนตัว หรือสาธารณะไม่ได้ ข้อสรุป ต้นกำเนิดของ หนังสือนี้อยู่ใน โคลแมน et al (1982) ที่ ใช้หน้าตัดรายขวาง achievemสมการจมูก ได้ข้อสรุปส่วนตัวว่า โรงเรียนมีประสิทธิภาพมากกว่าโรงเรียนที่ ให้นักเรียน แม้หลังจากที่ควบคุมเพื่อ ความแตกต่างในบัคส่วนบุคคล และเศรษฐกิจkground ของนักเรียน ตั้งแต่นั้น จำนวน ได้พยายามศึกษาเพื่อผลในการตัดกัน การศึกษาบริบทหลากหลาย ถึง การใช้ te พาราเมตริก และไม่ใช่พาราเมตริกchniques วรรณกรรมดังกล่าวได้เสนอให้ผสม บทสรุป: ในขณะที่จำนวนของการศึกษามีแนวโน้ม เพื่อยืนยันผลs ได้ โดยเจน et al(1982) (Opdenakker และ Van Damme, 2006 Bettinger, 2005 Mizzala, Romaguera & Farren 2002 Bedi & Garg, 2000 Stevans และเซสชัน 2000 นีล 1997 Jiménez ล็อกฮีดและ Paqueo, 1991 Chubb & Moe, 1990 Hanushek, 1986)คนอื่นเหนือกว่าสันนิษฐานของ โรงเรียนเอกชนหายไปเมื่อวิเคราะห์ในcludes หลากหลายของตัวควบคุม (อรี & Santin, 2008 Mancebón & Muñiz, 2008 ปฏิทินเทอร์โมมิเตro & Escardíbul, 2007 Abburrà, 2005 Fertig 2003 Kirjavainen & Loikkanen, 1998 Goldhaber ปี 1996 ซานเดอร์ 1996) หรือลดลงเป็นการเฉพาะ การวัดผลวิเคราะห์ (Greene และอง 2004), หรือกลุ่มของนักเรียน กำหนด โดยการแข่งขัน กลุ่มชาติพันธุ์ หรือวิชาการ หรือดังนั้นข้อมูลเศรษฐกิจสารสนเทศ (Figlio และหิน 1997) ใน บางกรณี มีผลแตกต่างกัน สำหรับโรงเรียนเอกชนอิสระ และ สำหรับ PSPS (Dronkers & Robert, 2008 Corten & Dronkers, 2006) ศึกษาดังกล่าวส่วนใหญ่กังวลอเมริกัน ระบบการศึกษา และนำมาใช้ออกแบบพาราเมตริกoach นี้อธิบายว่า ทำไมการ วิจัยโดยใช้ กรณีศึกษาและวิธีคือ needed เป็น Cherchye เดอวิตต์ Ooghe และสอง จุด (2010) ออก ในการวิจัยอาจจะเห็นเป็น การอภิปรายทำให้งงในบริจาคใหม่ ประสิทธิภาพสัมพัทธ์ของ sc สาธารณะ และส่วนตัวhools ในบริบทของภาษาสเปนเพื่อการศึกษา ระบบและการใช้วิธีการไม่ใช่พาราเมตริก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นอกจากนี้การวิจัยเชิงประจักษ์ที่ทุ่มเทให้กับ
การทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียน
ที่มีประสิทธิภาพและความเป็นเจ้าของของรัฐหรือเอกชนไม่ได้
ข้อสรุป ต้นกำเนิดของ
วรรณคดีนี้อยู่ใน
โคลแมน
et al.
(1982) ที่ใช้ข้ามส่วน achievem
สม Ent สรุปว่าภาคเอกชน
โรงเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าโรงเรียนรัฐบาล
รู้แก่นักเรียนแม้หลังจากการควบคุม
ความแตกต่างในส่วนบุคคลและทางเศรษฐกิจและสังคม BAC
kground นักเรียน ตั้งแต่นั้นมาจำนวนของ
การศึกษาได้พยายามเพื่อความคมชัดผลนี้ใน
ช่วงกว้างของบริบทการศึกษาผ่าน
การใช้งานของคณิตศาสตร์และไม่ใช่พาราเต
chniques วรรณกรรมดังกล่าวได้เสนอให้ผสม
ข้อสรุป: ในขณะที่จำนวนของการศึกษามีแนวโน้ม
ที่จะยืนยันผล
s ได้รับโดยโคลแมน
et al.
(1982) (Opdenakker และ Van Damme, 2006 Bettinge
R 2005; Mizzala, Romaguera และเร็น
ปี 2002 เบดีและ Garg 2000; Stevans และบำบัด 2000 โอนีล, 1997; Jiménezล็อกฮีดและ
Paqueo 1991; ชับบ์ & Moe, 1990; Hanushek, 1986)
ในผู้อื่นเหนือกว่าสันนิษฐานของ
โรงเรียนเอกชนที่หายตัวไปเมื่อวิเคราะห์ใน
cludes หลากหลาย ของการควบคุม (Perelman &
Santin 2008; Mancebón & Muñiz 2008; เซล
RO & Escardíbul 2007; Abburrà 2005; Fertig,
2003 Kirjavainen & Loikkanen 1998; Goldhaber,
1996; Sander, 1996) หรือจะลดลงไปโดยเฉพาะ
การตรวจวัด ของการส่งออกวิเคราะห์ (กรีนและคัง, 2004) หรือเฉพาะกลุ่มนักเรียน
ที่กำหนดโดยการแข่งขันกลุ่มชาติพันธุ์หรือการศึกษาหรือเพื่อให้
รายละเอียด CIO เศรษฐกิจ (Figlio & Stone, 1997) ใน
บางกรณีมีอยู่ผลที่แตกต่างกัน
สำหรับโรงเรียนเอกชนอิสระและ PSPS
(Dronkers และโรเบิร์ต 2008; & Corten Dronkers 2006) ส่วนใหญ่การศึกษาดังกล่าวเกี่ยวข้องกับอเมริกัน
ระบบการศึกษาและนำมาใช้เป็น appr พารา
oach นี้จะอธิบายว่าทำไมการวิจัยเพิ่มเติมได้โดยใช้
กรณีศึกษาที่แตกต่างกันและวิธีการคือ NE
eded เป็น Cherchye เดอวิตต์และ Ooghe Nicaise
(2010) ชี้ให้เห็น การศึกษาครั้งนี้อาจจะเห็นเป็น
ผลงานใหม่ในการอภิปรายงงใน
ประสิทธิภาพญาติของภาครัฐและเอกชน SC
hools ในบริบทของการศึกษาภาษาสเปน
ระบบและการใช้วิธีการที่ไม่พารา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นอกจากนี้ การวิจัยเชิงประจักษ์อุทิศชี้แจงความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนประสิทธิภาพและภาครัฐหรือเอกชนเป็นเจ้าของไม่ได้ข้อสรุป ต้นกำเนิดของวรรณกรรมนี้มีในโคลแมนet al .( 1982 ) ที่ใช้ achievem ภาคตัดขวางสมการเอนท์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ส่วนตัวโรงเรียนมีประสิทธิผลมากกว่าโรงเรียนที่ให้นักเรียนหลังจากที่การควบคุมสำหรับความแตกต่างใน Bac ส่วนบุคคลและสังคมkground ของนักเรียน หลังจากนั้น จำนวนการศึกษาได้พยายามเพื่อความคมชัดผลนี้ในช่วงกว้างของบริบทการศึกษาผ่านการใช้พารามิเตอร์และไม่ใช้พารามิเตอร์ .chniques . วรรณกรรมดังกล่าวได้เสนอให้ผสมสรุป ในขณะที่จำนวนของการศึกษาที่มักจะเพื่อยืนยันผลs รับโดยโคลแมนet al .( 1982 ) ( opdenakker & Van Damme , 2006 ; bettingeR , 2005 ; mizzala romaguera & , ฟาเรน2002 ; เบดี & garg , 2000 ; stevans & รอบ , 2000 ; นีล , 1997 ; Jim é nez สำหรับ & ,paqueo , 1991 ; บริษัท ชับบ์ & Moe , 1990 ; hanushek , 1986 )ในผู้อื่นสันนิษฐานว่าเหนือกว่าของโรงเรียนเอกชนหายไปเมื่อวิเคราะห์ในcludes หลากหลายของการควบคุม ( เพเรลมาน &santin , 2008 ; manceb เลออง & หมู่เมืองอิซ , 2008 ; เคลRO และ escard íบูล , 2007 ; abburr ล่าสุด fertig , 2005 ; ,2003 ; kirjavainen & loikkanen goldhaber , 1998 ; ,1996 ; ขัด , 1996 ) หรือลดเฉพาะการวัดผลวิเคราะห์ ( กรีน และคัง , 2004 ) หรือเฉพาะกลุ่มของนักเรียนกำหนดโดยเชื้อชาติ กลุ่มชาติพันธุ์ หรือวิชาการ หรือดังนั้นรายละเอียดทางเศรษฐกิจ CIO ( figlio และหิน , 1997 ) ในบางกรณี มีลักษณะแตกต่างกันสำหรับโรงเรียนเอกชนและระบบอิสระ( dronkers & โรเบิร์ต , 2008 ; corten & dronkers , 2006 ) มากที่สุดเช่นการศึกษาเกี่ยวกับอเมริกันระบบการศึกษา และ adopt appr พาราเมตริกoach . นี้อธิบายว่าทำไมการวิจัยโดยใช้กรณีศึกษาและวิธีการที่แตกต่างกันคือ ไม่eded เป็น cherchye เดอวิตต์ ooghe & nicaise ,( 2010 ) จุดออก การศึกษาครั้งนี้ อาจจะเห็นเป็นผลงานใหม่เพื่อให้งงในการอภิปรายเทียบประสิทธิภาพของภาครัฐและเอกชน วท ม อhools ในบริบทของภาษาสเปนการศึกษาระบบที่ไม่ใช้พารามิเตอร์ และการใช้แนวทาง