Read-only memory (ROM) is used to s

Read-only memory (ROM) is used to store data that controls the most basic computer functionality, such as starting up, detecting peripherals and operating the computer fan. As the name suggests, the data cannot be edited by the system or users and, unlike RAM, the data stays recorded even when the computer is off. Like hard drives and flash memory, ROM is an example of non-volatile memory -- meaning that it remains in place when the power is off -- while RAM is considered volatile memory.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รอม (ROM) ใช้จัดเก็บข้อมูลที่ควบคุมพื้นฐานคอมพิวเตอร์ทำงาน เริ่มต้น ตรวจสอบอุปกรณ์ต่อพ่วง และปฏิบัติพัดลมคอมพิวเตอร์ เป็นชื่อแนะนำ ข้อมูลไม่สามารถแก้ไขได้ โดยระบบหรือผู้ใช้ และ ซึ่งแตกต่าง จาก RAM พักข้อมูลที่บันทึกไว้เมื่อคอมพิวเตอร์ปิดอยู่ เช่นฮาร์ดดิสก์และหน่วยความจำแฟลช ROM เป็นตัวอย่างของหน่วยความจำไม่ใช่ระเหย - หมายความ ว่า จะยังคงที่เมื่อไฟปิด - ในขณะที่ RAM จะถือเป็นหน่วยความจำที่ระเหย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หน่วยความจำอ่านอย่างเดียว (ROM) ถูกนำมาใช้ในการจัดเก็บข้อมูลที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานมากที่สุดเช่นเริ่มต้นขึ้นการตรวจสอบอุปกรณ์ต่อพ่วงและการดำเนินงานแฟนคอมพิวเตอร์ เป็นชื่อของข้อมูลที่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยระบบหรือผู้ใช้และไม่เหมือน RAM, ข้อมูลบันทึกอยู่แม้ในขณะที่ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่นเดียวกับฮาร์ดไดรฟ์และหน่วยความจำแฟลชรอมเป็นตัวอย่างของหน่วยความจำแบบไม่ลบเลือน - การหมายความว่ามันยังคงอยู่ในสถานที่เมื่อไฟดับ - ในขณะที่ RAM ถือว่าเป็นหน่วยความจำที่มีความผันผวน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รอม ( ROM ) ใช้สำหรับเก็บข้อมูลที่ใช้ในการควบคุมการใช้งานคอมพิวเตอร์พื้นฐาน เช่น อุปกรณ์ต่อพ่วง และเริ่มต้น การใช้พัดลมคอมพิวเตอร์ เป็นชื่อแนะนำ , ข้อมูลไม่สามารถแก้ไขได้โดยระบบหรือผู้ใช้และแตกต่างจากบุรีรัมย์ ข้อมูลจะอยู่ที่บันทึกไว้เมื่อคอมพิวเตอร์ปิด เช่นฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และหน่วยความจำแฟลชรอมคือตัวอย่างของหน่วยความจำไม่ระเหย -- ความหมายว่ามันยังคงอยู่ในสถานที่เมื่อไฟปิด -- ในขณะที่ RAM ถือเป็นหน่วยความจำระเหย