The theory behind the use of role-p

The theory behind the use of role-play in science teaching and learning – as with ‘active’, ‘experiential’
or ‘child-centred’ learning – is that children are encouraged to be physically and intellectually involved in their lessons to allow them to both express themselves in a scientific context and develop an understanding of difficult concepts (Taylor, 1987). The key to role-play, and the reason why role-play can help to make science relevant to many children, is that it is based upon ‘play’.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎีที่อยู่เบื้องหลังการใช้ให้วิทยาศาสตร์ เรียน – เช่นเดียวกับ 'งาน' 'ประสบการณ์'หรือ 'ลูกๆ' เรียนรู้ – เป็นการที่เด็กได้รับการสนับสนุนทางร่างกาย และสติปัญญาส่วนในหลักสูตรการให้แสดงในบริบททางวิทยาศาสตร์ และพัฒนาความเข้าใจในแนวคิดยาก (Taylor, 1987) สำคัญในการให้ และเหตุผลที่ทำไมให้สามารถช่วยทำให้วิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องกับเด็กหลายคน คือ ว่า มันขึ้นอยู่กับ 'เล่น'

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีที่อยู่เบื้องหลังการใช้บทบาทในการสอนวิทยาศาสตร์และการเรียนรู้ - เช่นเดียวกับ 'ใช้งาน', 'ประสบการณ์'
หรือ 'เด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ - คือการที่เด็กได้รับการสนับสนุนที่จะเป็นทางร่างกายและสติปัญญามีส่วนร่วมในการเรียนของพวกเขาเพื่อให้พวกเขา ทั้งสองแสดงออกในบริบททางวิทยาศาสตร์และการพัฒนาความเข้าใจในแนวคิดยาก (เทย์เลอร์ 1987) ความ กุญแจสำคัญในการแสดงบทบาทและเหตุผลว่าทำไมบทบาทสามารถช่วยทำให้วิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ๆ หลายคนก็คือว่ามันจะขึ้นอยู่กับ 'เล่น'

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎีที่อยู่เบื้องหลังการใช้บทบาทสมมติในการสอนวิทยาศาสตร์และการเรียนรู้–เช่นเดียวกับ " ใช้งาน " , " " ประสบการณ์หรือ " " เด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้–คือว่าเด็กควรจะทางกายภาพและทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับบทเรียนของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาทั้งสองแสดงในบริบททางวิทยาศาสตร์และพัฒนาความเข้าใจของแนวคิดยาก ( Taylor , 1987 ) กุญแจสู่บทบาทเล่น และเหตุผลว่าทำไมการแสดงบทบาทสามารถช่วยให้วิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเด็กหลาย คือว่า มันขึ้นอยู่กับการ " เล่น "