Oxidative stress plays a major role

Oxidative stress plays a major role in the pathogenesis and progression of diabetes and CVD [22]. Furthermore, functional
foods with an antioxidant effect have been reported to repress oxidative stress [22], and positively associated with BP-lowering potential. Hyperglycemia causes the auto-oxidation of glucose, glycation of proteins, and the activation of polyol metabolism; cinnamon has been reported to improve the antioxidant status of patients with metabolic syndrome [23]. Previous studies also demonstrated that plasma melondialdehyde levels were reduced by an aqueous extract of cinnamon, indicating decreased lipid peroxidation [23]. This could be linked with BP regulation. According to Wainstein et al [15], it has been proposed that cinnamon may exert its beneficial effects via activation of peroxisome proliferator-activator receptors and inhibition of advanced glycation end-product formation. Several phenolic compounds found in cinnamon such as catechin, epicatechin, procyanidin B2, and phenol polymers, showed significant inhibitory effects on the formation of advanced glycation end products [21]. Cinnamon also has been shown to reduce both glucose and SBP in rodent studies [17]. Moreover, cinnamon could be included with low-carbohydrate ketogenic diets (LCKD) to improve glycemia and BP, as LCKD showed positive effects on HbA1c, body weight, waist circumference, serum triglycerides, and glycemic control in participants with T2DM [24]. However, patients with diabetes on a combination of ketogenic and cinnamon diet should be under strict medical supervision because of its higher blood glucose–lowering potential. Most importantly, not all clinical trials have shown positive effects of cinnamon on glycemic and BP regulation, and the type and amount of cinnamon, as well as the type of individual and the type of medication taken concurrently, are likely to affect the response to cinnamon [21]. One of the key limitations of this meta-analysis is that it is based on a small number of RCTs. Consequently, our meta-analysis may be under powered to detect statistically significant difference in many end points. Therefore, the small number of clinical trials and low population numbers do not allow a definitive conclusion to be drawn regarding the efficacy of cinnamon as a treatment for hypertension, and may raise expectations in terms of potential usefulness of cinnamon in BP control, which seem unjustified given the limited evidence to date.We have already observed many promising results in the field of nutritional supplements and cardiometabolic health, which however has been rarely supported by large, properly designed clinical trials. Therefore, there is a need to use caution in the interpretation of promising findings from very limited trial evidence, as in this context. Nevertheless, we hope to revisit this question in the future when there is more research data and enough power available to prove the long-term tolerability and efficacy of cinnamon on BP control.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความเครียดออกซิเดชันมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและความก้าวหน้าของโรคเบาหวานและ CVD [22] นอกจากนี้ ทำงานอาหารที่ให้ผลต้านอนุมูลอิสระได้รายงานปราบปรามความเครียดออกซิเดชัน [22], และเชิงบวกเกี่ยวข้องกับศักยภาพลด BP น้ำตาลในเลือดสูงทำให้อัตโนมัติออกซิเดชันของกลูโคส glycation ของโปรตีน และการทำงานของโพลิออเผาผลาญ อบเชยมีการรายงานการปรับปรุงสถานะสารต้านอนุมูลอิสระของผู้ป่วยที่มีอาการ [23] การศึกษาก่อนหน้านี้ยังแสดงให้เห็น melondialdehyde พลาสม่าที่ลดระดับการละลายสารสกัดจากอบเชย ระบุลดลงไขมัน peroxidation [23] นี้สามารถเชื่อมโยงกับระเบียบ BP ตาม Wainstein et al [15], มันได้รับการเสนอว่า อบเชยอาจออกแรงผลประโยชน์ผ่านการเปิดใช้งานของตัวรับ peroxisome proliferator กระตุ้นและยับยั้งการก่อตัวของผลิตภัณฑ์กระบวนการขั้นสูง ม่อฮ่อมหลายเช่น epicatechin, procyanidin B2 สารสกัดจากอบเชย และโพลีฟีนอล แสดงให้เห็นว่าผลการยับยั้งที่สำคัญในการก่อตัวของผลิตภัณฑ์สิ้นกระบวนขั้นสูง [21] อบเชยยังมีการแสดงเพื่อลดกลูโคสและ SBP ในศึกษาหนู [17] นอกจากนี้ อบเชยอาจรวมอยู่กับอาหาร ketogenic คาร์โบไฮเดรตต่ำ (LCKD) ปรับปรุง glycemia และ BP เป็น LCKD แสดงให้เห็นผลในเชิงบวกใน HbA1c น้ำหนัก รอบเอว เซรั่มไตรกลีเซอไรด์ และการควบคุมน้ำตาลในผู้เข้าร่วมกับ T2DM [24] อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยโรคเบาหวานเป็นการผสมผสานของอาหารจำพวกไขมัน และอบเชยควรเป็นแพทย์เนื่องจากศักยภาพของ – ลดน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือ การทดลองทางคลินิกทั้งหมดไม่ได้แสดงให้เห็นผลในเชิงบวกของอบเชยในน้ำตาล และ ควบคุม BP และชนิด และปริมาณของอบเชย เช่นเดียวกับชนิดของแต่ละบุคคล และชนิดของยาถ่ายพร้อมกัน จะมีผลต่อการตอบสนองต่ออบเชย [21] ข้อจำกัดสำคัญของการวิเคราะห์นี้อย่างใดอย่างหนึ่งคือว่า ขึ้นอยู่กับจำนวน Rct ขนาดเล็ก ดังนั้น เราวิเคราะห์อาจจะขับเคลื่อนภายใต้การตรวจสอบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในหลายจุด จึง จำนวนการทดลองทางคลินิกขนาดเล็กและตัวเลขประชากรต่ำไม่อนุญาตให้มีข้อสรุปที่ชัดเจนที่เกี่ยวกับประสิทธิภาพของอบเชยในการรักษาความดันโลหิตสูง และอาจเพิ่มความคาดหวังในแง่ของศักยภาพประโยชน์อบเชยในการควบคุม BP ซึ่งดูเหมือน unjustified รับหลักฐานจำกัดถึงวัน เราได้สังเกตเห็นผลลัพธ์แนวโน้มมากในฟิลด์ของอาหารเสริมและสุขภาพสตรีสุขภาพ ซึ่งอย่างไรก็ตาม ได้รับไม่ค่อยให้สนับสนุน โดยการทดลองทางคลินิกขนาดใหญ่ ออกแบบอย่างถูกต้อง แล้ว ดังนั้น จะต้องใช้ความระมัดระวังในการตีความผลการวิจัยว่าจากหลักฐานทดลองที่จำกัดมาก เช่นเดียวกับในบริบทนี้ อย่างไรก็ตาม เราหวังว่าจะกลับคำถามนี้ในอนาคตเมื่อมีข้อมูลการวิจัยเพิ่มเติมและไฟเพียงพอพิสูจน์ความทนระยะยาวและประสิทธิภาพของอบเชยควบคุม BP

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความเครียดออกซิเดชันมีบทบาทสำคัญในการเกิดโรคและความก้าวหน้าของโรคเบาหวานและโรคซีวีดี [22] นอกจากนี้การทำงาน
อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมีผลได้รับรายงานที่จะระงับความเครียด oxidative [22] และความสัมพันธ์เชิงบวกที่มีศักยภาพความดันโลหิตลด น้ำตาลในเลือดสูงทำให้อัตโนมัติออกซิเดชันของกลูโคส glycation ของโปรตีนและการเปิดใช้งานของการเผาผลาญโพลิออลนั้น อบเชยได้รับรายงานในการปรับปรุงสถานะการต้านอนุมูลอิสระของผู้ป่วยที่มีภาวะ metabolic syndrome [23] การศึกษาก่อนหน้านี้ยังแสดงให้เห็นว่าระดับพลาสมา melondialdehyde ลดลงสารสกัดอบเชยแสดงให้เห็นลดลงเกิด lipid peroxidation [23] นี้อาจจะเชื่อมโยงกับการควบคุมความดันโลหิต ตามที่ Wainstein et al, [15] จะได้รับการเสนอว่าอบเชยอาจออกแรงผลประโยชน์ของตนผ่านการใช้งานของผู้รับ peroxisome proliferator-Activator และยับยั้งการก่อตัวขั้นสูง glycation end-สินค้า สารประกอบฟีนอพบในหลายอบเชยเช่น catechin, epicatechin, procyanidin B2, และโพลิเมอร์ฟีนอลแสดงให้เห็นผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในการยับยั้งการก่อตัวของผลิตภัณฑ์ที่สิ้นสุด glycation ขั้นสูง [21] อบเชยยังได้รับการแสดงเพื่อลดทั้งกลูโคสและ SBP ในการศึกษาหนู [17] นอกจากนี้อบเชยอาจจะรวมกับอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ ketogenic (LCKD) เพื่อปรับปรุงการควบคุมน้ำตาลและความดันโลหิตเป็น LCKD แสดงให้เห็นผลในเชิงบวกในระดับ HbA1c น้ำหนักรอบเอวไตรกลีเซอไรด์ในเลือดและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ที่มี T2DM [24] อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่มีโรคเบาหวานกับการรวมกันของ ketogenic อาหารและอบเชยควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพราะเลือดลดน้ำตาลในเลือดที่มีศักยภาพสูงขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่ได้การทดลองทางคลินิกทั้งหมดได้แสดงให้เห็นผลในเชิงบวกของอบเชยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตและชนิดและปริมาณของอบเชย, เช่นเดียวกับประเภทของแต่ละบุคคลและประเภทของยาที่นำมาควบคู่กันไปมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อการตอบสนองต่ออบเชย [21] หนึ่งในข้อ จำกัด ที่สำคัญของนี้ meta-analysis คือว่ามันจะขึ้นอยู่กับจำนวนเล็ก ๆ ของ RCTs ดังนั้นเรา meta-analysis อาจอยู่ภายใต้การขับเคลื่อนในการตรวจสอบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในหลายจุดสิ้นสุด ดังนั้นจำนวนเล็ก ๆ ของการทดลองทางคลินิกและตัวเลขของประชากรต่ำไม่อนุญาตให้มีข้อสรุปที่ชัดเจนที่จะวาดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของอบเชยเป็นยาสำหรับความดันโลหิตสูงและอาจเพิ่มความคาดหวังในแง่ของประโยชน์ที่มีศักยภาพของอบเชยในการควบคุมความดันโลหิตซึ่งดูเหมือนไม่ยุติธรรม ได้รับหลักฐานการ จำกัด การ date.We ได้สังเกตเห็นแล้วผลที่มีแนวโน้มจำนวนมากในด้านของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสุขภาพโรคหัวใจซึ่ง แต่ได้รับการสนับสนุนโดยไม่ค่อยมีขนาดใหญ่ได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องการทดลองทางคลินิก ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ความระมัดระวังในการตีความของผลการวิจัยที่มีแนวโน้มจากหลักฐานการทดลองที่ จำกัด มากเช่นเดียวกับในบริบทนี้ อย่างไรก็ตามเราหวังว่าจะทบทวนคำถามนี้ในอนาคตเมื่อมีข้อมูลการวิจัยมากขึ้นและมีพลังเพียงพอที่จะพิสูจน์ความทนต่อยาในระยะยาวและการรับรู้ความสามารถของอบเชยในการควบคุมความดันโลหิต

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความเครียดออกซิเดชันมีบทบาทสำคัญในพยาธิกำเนิดและความก้าวหน้าของโรคเบาหวานและโรคหัวใจและหลอดเลือด [ 22 ] นอกจากนี้ การทำงานอาหารที่มีผลต้านอนุมูลอิสระได้รับการรายงานที่จะปราบปราม oxidative ความเครียด [ 22 ] และความสัมพันธ์เชิงบวกกับศักยภาพการลดความดันโลหิต hyperglycemia สาเหตุอัตโนมัติออกซิเดชันของกลูโคส ไกลเคชั่นของโปรตีนและการกระตุ้นการเผาผลาญโพลีออล ; อบเชยได้รับการรายงานเพื่อปรับปรุงสถานะของสารต้านอนุมูลอิสระของผู้ป่วยภาวะเมตาบอลิกซินโดรม [ 23 ] การศึกษาก่อนหน้านี้ยังพบว่าระดับ melondialdehyde พลาสมาลดลง ด้วยสารสกัดน้ำของอบเชย ระบุลดลง การเกิด lipid peroxidation [ 23 ] นี้อาจจะเชื่อมโยงกับการควบคุมความดันโลหิต ตาม wainstein et al [ 15 ] ก็มีการเสนอว่าอบเชยอาจออกแรงผลประโยชน์ของมันผ่านการกระตุ้นตัวรับ activator proliferator เพอรอกซิโซม และการยับยั้ง Advanced glycation end ผลิตภัณฑ์ข้อมูล หลายสารประกอบฟีนอลที่พบในอบเชยเช่น Catechin , แคเทชินโปรไซยานิดิน B2 และฟีนอล , พอลิเมอร์ , แสดงผลยับยั้งอย่างมีนัยสำคัญต่อการก่อตัวของ Advanced glycation end ผลิตภัณฑ์ [ 21 ] อบเชยยังได้รับการแสดงเพื่อลดทั้งกลูโคสและความดันเลือดในหนูศึกษา [ 17 ] นอกจากนี้ อบเชยสามารถรวมอยู่ในอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ ketogenic ( lckd ) การปรับปรุงไกลซีเมียและ BP เป็น lckd แสดงผลในเชิงบวกเกี่ยวกับผล ร่างกายน้ำหนัก รอบเอว , ระดับไตรกลีเซอไรด์ และการควบคุมระดับน้ำตาล ในผู้ที่มี t2dm [ 24 ] อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยเบาหวานในการรวมกันของ ketogenic และอบเชยอาหารควรจะเป็นภายใต้การดูแลทางการแพทย์ที่เข้มงวด เพราะมันสูงกว่าระดับน้ำตาลในเลือด และลดศักยภาพ ที่สำคัญ ไม่ใช่ทุกการทดลองทางคลินิกได้แสดงให้เห็นผลในเชิงบวกของอบเชยน้ำตาลและ BP ในระเบียบและชนิดและปริมาณของอบเชย เป็นประเภทบุคคล และประเภทของยาถ่าย โดยมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อการตอบสนองต่ออบเชย [ 21 ] หนึ่งในข้อ จำกัด ที่สำคัญของการวิเคราะห์นี้คือว่า มันขึ้นอยู่กับจำนวนเล็ก ๆของ RCTs . ดังนั้นการวิเคราะห์ของเราอาจจะอยู่ภายใต้การขับเคลื่อนเพื่อตรวจสอบความแตกต่างในจุดสิ้นสุดหลาย ดังนั้น จำนวนเล็ก ๆของการทดลองทางคลินิกและจำนวนประชากรน้อยไม่ได้ให้ข้อสรุปที่ชัดเจนในการวาดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของอบเชยเป็นรักษาความดันโลหิตสูง และอาจเพิ่มความคาดหวังในแง่ของประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นของอบเชยในการควบคุมความดันโลหิต ซึ่งดูเหมือนไม่มีเหตุผลให้หลักฐานที่ จำกัด วันที่ เราได้สังเกตผลมีแนวโน้มมาก ในด้านโภชนาการและสุขภาพอาหารเสริม Cardiometabolic ซึ่งอย่างไรก็ตามได้ไม่ค่อยสนับสนุนขนาดใหญ่ ออกแบบมาอย่างเหมาะสม การทดลองทางคลินิก เพราะฉะนั้น จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการตีความข้อมูลจากหลักฐานการทดลองที่มี จำกัด มาก ในบริบทนี้ อย่างไรก็ตาม เราหวังว่าจะทบทวนคำถามนี้ในอนาคตเมื่อมีการเพิ่มข้อมูลและพลังงานมีเพียงพอที่จะพิสูจน์ความทนทานในระยะยาวและประสิทธิภาพของอบเชยในการควบคุมความดันโลหิต