Dew-Point Temperature and Wet-Bulb

Dew-Point Temperature and Wet-Bulb Temperature:
Two Measures of Humidity
Dew-Point Temperature
Definition: Dew-point temperature is the hypothetical temperature to which air must be cooled (at constant pressure) so that the air's maximum capacity to "hold" water vapor (which depends on the temperature) drops down to equal the actual amount of water vapor present in the air (that is, so that the air becomes saturated, without adding any water vapor to it).

Deduction: The lower the dew-point temperature is, the less water vapor must be present in the air. (That is, the dew-point temperature is a measure of the actual water-vapor content of the air.)

Interpretation: The bigger the difference between the air's temperature and its dew-point temperature (that is, the greater the amount by which you have to cool the air at constant pressure to saturate it), the greater must be the difference between the maximum capacity of the air to hold vapor and the amount of vapor actually in the air. Hence, the difference between the temperature and the dew-point temperature is a measure of how close to saturation the air is.
It turns out, very roughly, that each 10°C (or roughly 20°F) difference between the temperature and dew-point temperature represents a factor of two difference between the amount of water vapor in the air and the maximum capacity of the air to hold water vapor. This can give us a rough sense of the relative humidity.

For example, if the temperature were 80°F and the dew-point temperature is around 60°F, the air would be able hold roughly twice as much water vapor as it actually has in it. (The relative humidity would therefore be around 50%.)

If the dew-point temperature were only 40°F (that is, an additional 20°F lower), then there would be roughly an additional factor of two less water vapor in the air compared to what the air could hold, for a total factor of four less. (The relative humidity would then be only about 25%.)

The dew-point temperature is difficult to measure directly. Instead, it's most common to measure the wet-bulb temperature and use it (together with the temperature) to determine the relative humidity and dew-point temperature.


Wet-Bulb Temperature
Definition: Wet-bulb temperature is the temperature that would be measured by an ordinary liquid-in-glass thermometer with (1) water on its liquid-reservoir "bulb" (the "wet bulb"); and (2) air blowing steadily past it. It is the lowest temperature achievable solely by evaporating water into the air.
When air blows past the wet thermometer bulb, water evaporates from the bulb steadily, because the air next to the bulb is constantly being replaced with "fresh" air. That is, no air stays next to the bulb long enough to become more nearly saturated, which would reduce the evaporation rate.

As water evaporates steadily from the wet bulb, sensible heat is converted into latent heat, thereby removing heat from the wet bulb at a steady rate, cooling it.

However, as the wet-bulb's temperature drops below the air temperature, heat conducts from the air into the cooler bulb. As the bulb cools farther and farther below the air's temperature, conduction increases and the wet bulb gains heat faster and faster by conduction.

After a short time, the increasing heat gain by conduction will finally equal the steady heat loss by evaporation, and the temperature of the bulb will stop falling and hold steady---by definition at the wet-bulb temperature.


Deduction: Since water evaporates faster into air that is relatively drier, it follows that the wet bulb loses heat by evaporation faster when the air is relatively drier. This means that the wet bulb must cool relatively more before the rate of heat gain by conduction finally catches up and equals the rate of heat loss by evaporation. That is, the final, steady temperature (the wet-bulb temperature) will be proportionately lower than the air temperature when the air is relatively drier.

Interpretation: The bigger the difference between the temperature of the air and the wet-bulb temperature, the relatively drier the air must be. Hence, the difference between the temperature and the wet-bulb temperature is a measure of how close to saturation the air is.
We can measure the wet-bulb temperature and the air temperature using a sling psychrometer (demonstrated in class). Using tables such as those in Appendix D of your textbook, we can use these measurements to look up the relative humidity and the dew-point temperature.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Dew-จุดอุณหภูมิและอุณหภูมิน้ำหลอด:
มาตรการสองชื้น
อุณหภูมิจุด Dew
นิยาม: Dew-จุดอุณหภูมิคือ อุณหภูมิสมมุติซึ่งต้องเป็นสแตนดาร์ด (ที่ความดันคง) ให้กำลังสูงสุดของอากาศเพื่อ "เก็บ" ไอน้ำ (ซึ่งขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ) หยดลงให้เท่ากับจำนวนที่แท้จริงของไอน้ำในอากาศ (นั่นคือ เพื่อให้อากาศจะอิ่มตัว ไม่ มีการเพิ่มไอน้ำใด ๆ)

หัก: ต่ำลงอุณหภูมิจุด dew ไอน้ำน้อยต้องอยู่ในอากาศ (นั่นคือ อุณหภูมิ dew จุดเป็นการวัดเนื้อหาจริงของไอน้ำของอากาศ)

ตี: ที่ใหญ่กว่าความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิของอากาศและอุณหภูมิของจุด dew (นั่นคือ ยิ่งยอดเงินซึ่งคุณต้องเย็นอากาศที่ความดันคงทำเรื่องให้), ยิ่งต้องมีความแตกต่างระหว่างความจุสูงสุดของอากาศเพื่อเก็บไอน้ำและจำนวนไอน้ำจริงในอากาศ ดังนั้น ความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิและอุณหภูมิ dew จุดเป็นการวัดวิธีใกล้อิ่มตัวอากาศเป็น
มันเปิดออก มากประมาณ ที่ละ 10° C (หรือประมาณ 20° F) ความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิและอุณหภูมิ dew จุดแสดงตัวคูณของสองจำนวนไอน้ำในอากาศและความจุสูงสุดของอากาศเพื่อเก็บไอน้ำแตกต่างกัน นี้สามารถให้ความรู้สึกหยาบของความชื้นสัมพัทธ์

ตัวอย่าง ถ้าอุณหภูมิได้ 80 องศา F และอุณหภูมิ dew จุด ประมาณ 60° F อากาศจะสามารถระงับไอน้ำประมาณสองมากเป็นเรื่องจริงมีอยู่ใน (ความชื้นสัมพัทธ์จะดังได้ประมาณ 50%)

ถ้าอุณหภูมิจุด dew ได้เพียง 40° F (นั่นคือ การเพิ่มเติม 20° F ล่าง), แล้วจะมีประมาณปัจจัยเพิ่มเติมสองน้อยกว่าไอน้ำในอากาศเมื่อเทียบกับที่อากาศสามารถค้างไว้ ตัวรวมสี่น้อย (ความชื้นสัมพัทธ์จะแล้วได้เพียงประมาณ 25%)

อุณหภูมิ dew จุดเป็นเรื่องยากที่จะวัดโดยตรง แทน มีทั่วไปวัดอุณหภูมิหลอดเปียก และใช้ (กับอุณหภูมิ) เพื่อกำหนดความชื้นสัมพัทธ์ และอุณหภูมิ จุด dew


อุณหภูมิเปียกหลอด
คำจำกัดความ: หลอดไฟเปียกอุณหภูมิคือ อุณหภูมิที่จะวัด โดยการวัดอุณหภูมิของเหลวในแก้วธรรมดา (1) น้ำในของเหลวอ่างเก็บน้ำ "หลอดไฟ" ("เปียกกระเปาะ"); และ (2) อากาศที่พัดผ่านมันอย่างต่อเนื่อง เป็นอุณหภูมิต่ำสุดที่ทำได้แต่เพียงผู้เดียว โดยการระเหยน้ำไปในอากาศ
เมื่ออากาศพัดผ่านหลอดปรอทเปียก น้ำระเหยจากหลอดไฟอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอากาศอยู่ติดกับหลอดไฟอยู่ตลอดเวลาถูกแทนที่ ด้วยอากาศ "สด" คือ อากาศไม่อยู่ติดกับหลอดยาวพอจะกลายเป็นมากเกือบอิ่มตัว ซึ่งจะช่วยลดอัตราการระเหย

เป็นน้ำระเหยอย่างต่อเนื่องจากกระเปาะเปียก ความร้อนที่เหมาะสมจะถูกแปลงเป็น latent ร้อน จึงเอาความร้อนจากกระเปาะเปียกราคามั่นคง ระบายความร้อนก็

อย่างไรก็ตาม เป็นอุณหภูมิเปียกกระเปาะของขีดอุณหภูมิอากาศ ความร้อนทำจากอากาศในหลอดเย็น เป็นหลอดน่าไกลออกไป และไกลออกไปต่ำกว่าอุณหภูมิของอากาศ จึงเพิ่มขึ้นและกระเปาะเปียกกำไรจากความร้อนได้เร็วขึ้น และเร็วขึ้น โดยการนำ

หลังจากระยะเวลาอันสั้น ได้รับความร้อนเพิ่มขึ้น โดยการนำจะก็เท่ากับสูญเสียความร้อนมั่นคง โดยการระเหย และอุณหภูมิของหลอดไฟจะหยุดตก และถือมั่นคง--- โดยนิยามอุณหภูมิน้ำหลอดไฟ


หัก: เนื่องจากน้ำระเหยได้เร็วขึ้นในอากาศที่ค่อนข้างแห้ง เป็นไปตามที่กระเปาะเปียกสูญเสียความร้อน โดยการระเหยได้เร็วขึ้นเมื่ออากาศค่อนข้างแห้ง หมายความ ว่า หลอดไฟเปียกต้องเย็นค่อนข้างมากก่อนอัตราความร้อน กำไร โดยนำจับค่า และเท่ากับอัตราการสูญเสียความร้อน โดยการระเหย นั่นคือ มั่นคง สุดท้ายอุณหภูมิ (อุณหภูมิน้ำหลอดไฟ) จะได้ตามสัดส่วนที่ต่ำกว่าอุณหภูมิของอากาศเมื่ออากาศค่อนข้างแห้ง

ตี: ที่ใหญ่กว่าความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิของอากาศ และอุณหภูมิหลอดเปียก แห้งค่อนข้างต้องเป็นอากาศ ดังนั้น ความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิและอุณหภูมิหลอดเปียกคือ การวัดว่าใกล้อิ่มตัวอากาศเป็น
เราสามารถวัดอุณหภูมิหลอดน้ำและอุณหภูมิของอากาศโดยใช้ psychrometer สลิงที่ (แสดงในชั้นเรียน) ใช้ตาราง D ภาคผนวกของหนังสือของคุณนั้น เราสามารถใช้ขนาดเหล่านี้เพื่อหาความชื้นสัมพัทธ์และอุณหภูมิจุด dew

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

น้ำค้างจุดอุณหภูมิและเปียกหลอดอุณหภูมิ:
สองมาตรการของความชื้น
น้ำค้างจุดอุณหภูมิ
ความหมาย: อุณหภูมิน้ำค้างจุดคืออุณหภูมิสมมุติที่อากาศจะต้องมีการระบายความร้อน (ที่ความดันคงที่) เพื่อให้ความจุสูงสุดของอากาศที่จะ "ถือ" น้ำ ไอ (ซึ่งขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ) หยดลงให้เท่ากับจำนวนเงินที่แท้จริงของไอน้ำที่มีอยู่ในอากาศ (นั่นคือเพื่อให้อากาศกลายเป็นอิ่มตัวโดยไม่ต้องเพิ่มไอน้ำใด ๆ ไป) การหักลดลงน้ำค้างจุด อุณหภูมิ, ไอน้ำน้อยที่ต้องมีอยู่ในอากาศ (นั่นคืออุณหภูมิน้ำค้างจุดเป็นตัวชี้วัดปริมาณน้ำไอที่เกิดขึ้นจริงของอากาศ). การแปลความหมาย: ความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิของอากาศและอุณหภูมิน้ำค้างจุด (นั่นคือมากกว่าจำนวนที่ใหญ่กว่า คุณมีอากาศเย็นที่ความดันคงที่เปียกโชกมัน) มากขึ้นจะต้องมีความแตกต่างระหว่างความจุสูงสุดของอากาศที่จะถือไอและปริมาณของไอน้ำในอากาศจริง ดังนั้นความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิและอุณหภูมิน้ำค้างจุดเป็นตัวชี้วัดของวิธีการที่ใกล้อิ่มตัวอากาศมันจะเปิดออกมากประมาณว่าในแต่ละ 10 ° C (หรือประมาณ 20 ° F) ความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิและน้ำค้าง อุณหภูมิ -point แสดงให้เห็นถึงปัจจัยที่สองความแตกต่างระหว่างปริมาณของไอน้ำในอากาศและความจุสูงสุดของอากาศที่จะถือไอน้ำ นี้สามารถทำให้เรามีความรู้สึกที่หยาบของความชื้นสัมพัทธ์ตัวอย่างเช่นถ้าอุณหภูมิ 80 ° F และอุณหภูมิน้ำค้างจุดประมาณ 60 ° F อากาศจะสามารถถือประมาณสองเท่าของไอน้ำมากที่สุดเท่าที่มันเป็นจริงได้ ในนั้น (ความชื้นสัมพัทธ์จึงจะเป็นประมาณ 50%). หากอุณหภูมิน้ำค้างจุดมีเพียง 40 ° F (นั่นคือเพิ่ม 20 ° F ต่ำกว่า) จากนั้นจะมีประมาณปัจจัยเพิ่มเติมของทั้งสองไอน้ำน้อยลงใน อากาศเมื่อเทียบกับสิ่งที่อากาศอาจถือสำหรับปัจจัยทั้งหมดสี่น้อย (ความชื้นสัมพัทธ์จากนั้นก็จะมีเพียงประมาณ 25%). อุณหภูมิน้ำค้างจุดเป็นเรื่องยากที่จะวัดโดยตรง แต่มันเป็นเรื่องที่พบมากที่สุดในการวัดอุณหภูมิเปียกหลอดไฟและใช้งานได้ (ร่วมกับอุณหภูมิ) เพื่อตรวจสอบความชื้นและอุณหภูมิจุดน้ำค้างญาติอุณหภูมิเปียกหลอดนิยาม: อุณหภูมิเปียกหลอดไฟคืออุณหภูมิที่จะวัดจาก เครื่องวัดอุณหภูมิของเหลวในแก้วธรรมดาที่มี (1) น้ำบนของของเหลวอ่างเก็บน้ำ "หลอดไฟ" ("กระเปาะเปียก"); และ (2) เครื่องเป่าอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมามัน มันเป็นอุณหภูมิต่ำสุดที่ทำได้ แต่เพียงผู้เดียวโดยการระเหยน้ำในอากาศเมื่อพัดอากาศที่ผ่านหลอดไฟเครื่องวัดอุณหภูมิเปียกน้ำระเหยจากหลอดไฟอย่างต่อเนื่องเพราะอากาศที่ติดกับหลอดไฟอยู่ตลอดเวลาถูกแทนที่ด้วยอากาศ "สด" นั่นคือไม่มีอากาศอยู่ถัดจากหลอดไฟนานพอที่จะกลายเป็นอิ่มตัวมากขึ้นเกือบซึ่งจะลดอัตราการระเหยขณะที่น้ำระเหยอย่างต่อเนื่องมาจากกระเปาะเปียกความร้อนที่เหมาะสมจะถูกแปลงเป็นความร้อนแฝงจึงเอาความร้อนจากหลอดไฟที่เปียก อัตราคงที่เย็นมันแต่เป็นอุณหภูมิเปียกหลอดไฟที่ลดลงต่ำกว่าอุณหภูมิอากาศร้อนจัดจากอากาศเข้าไปในหลอดไฟเย็น เป็นหลอดไฟเย็นไกลและไกลออกไปต่ำกว่าอุณหภูมิเพิ่มขึ้นการนำอากาศและกำไรกระเปาะเปียกร้อนเร็วขึ้นและเร็วขึ้นโดยการนำหลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ได้รับความร้อนที่เพิ่มขึ้นโดยการนำในที่สุดจะเท่ากับการสูญเสียความร้อนอย่างต่อเนื่องโดยการระเหยและอุณหภูมิ ของหลอดไฟจะหยุดตกและถือมั่นคง --- โดยนิยามที่เปียกหลอดอุณหภูมิหักเนื่องจากน้ำระเหยเร็วขึ้นไปในอากาศที่ค่อนข้างแห้งมันตามที่กระเปาะเปียกสูญเสียความร้อนจากการระเหยได้เร็วขึ้นเมื่ออากาศที่ค่อนข้าง แห้ง ซึ่งหมายความว่ากระเปาะเปียกจะต้องค่อนข้างเย็นมากขึ้นก่อนที่จะมีอัตราการถ่ายเทความร้อนโดยการนำในที่สุดก็จับขึ้นและเท่ากับอัตราการสูญเสียความร้อนจากการระเหย นั่นคือครั้งสุดท้ายที่อุณหภูมิคงที่ (อุณหภูมิเปียกหลอด) จะเป็นสัดส่วนที่ต่ำกว่าอุณหภูมิของอากาศเมื่ออากาศค่อนข้างแห้งแปล: ที่ใหญ่กว่าความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิของอากาศและอุณหภูมิเปียกหลอดไฟ, ค่อนข้างแห้งอากาศต้องเป็น ดังนั้นความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิและอุณหภูมิเปียกหลอดไฟเป็นตัวชี้วัดของวิธีการที่ใกล้อิ่มตัวอากาศที่เราสามารถวัดอุณหภูมิเปียกหลอดไฟและอุณหภูมิของอากาศโดยใช้หนังสติ๊ก psychrometer (แสดงให้เห็นในชั้นเรียน) ใช้ตารางเช่นผู้ที่อยู่ในภาคผนวก D ของตำราเรียนของคุณเราสามารถใช้วัดเหล่านี้จะมองขึ้นความชื้นสัมพัทธ์และอุณหภูมิจุดน้ำค้าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อุณหภูมิจุดน้ำค้าง อุณหภูมิกระเปาะเปียก :
2 วัดความชื้นสัมพัทธ์อุณหภูมิจุดน้ำค้าง

ความหมาย : อุณหภูมิจุดน้ำค้างคืออุณหภูมิสมมุติที่อากาศต้องเย็น ( ความดันคงที่ ) เพื่อให้ความจุสูงสุดของอากาศ " จับ " ไอน้ำ ( ซึ่งขึ้นอยู่กับอุณหภูมิลดลงมาเท่ากับจำนวน ที่แท้จริงของไอน้ำที่มีอยู่ในอากาศ ( นั่นคือเพื่อให้อากาศกลายเป็นไขมันอิ่มตัว โดยไม่ต้องเพิ่มไอน้ำมัน )

4 : ลดอุณหภูมิจุดน้ำค้าง ยิ่งมีไอน้ำต้องอยู่ในอากาศ ( คืออุณหภูมิจุดน้ำค้างคือ การวัดจริงไอน้ำปริมาณอากาศ ตีความ

: ใหญ่กว่าความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิของอากาศและอุณหภูมิที่จุดน้ำค้าง ( นั่นคือปริมาณมากซึ่งคุณเย็นอากาศที่ความดันคงที่จะแช่ไว้ ) ยิ่งต้องมีความแตกต่างระหว่างความจุสูงสุดของอากาศที่จะถือไอน้ำและปริมาณไอน้ำในอากาศจริง ๆ . ดังนั้น ความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิ และจุดน้ำค้าง อุณหภูมิ เป็นตัวชี้วัดว่าใกล้ถึงจุดอิ่มตัวในอากาศเป็น
มันออกมามาก อย่างดุดันที่แต่ละ 10 ° C ( หรือประมาณ 20 ° F ) ความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิและอุณหภูมิจุดน้ำค้าง หมายถึง ปัจจัยที่สอง ความแตกต่างระหว่างปริมาณไอน้ำในอากาศ และความจุสูงสุดของอากาศเพื่อเก็บไอน้ำ นี้สามารถให้ความรู้สึกขรุขระของความชื้นสัมพัทธ์

เช่น หากอุณหภูมิ 80 องศา F และอุณหภูมิจุดน้ำค้างคือประมาณ 60 ° F ,อากาศจะสามารถถือประมาณสองเท่าของไอน้ำมากจริง ๆ ได้ใน ( ความชื้นสัมพัทธ์จึงจะประมาณ 50% )

ถ้าอุณหภูมิจุดน้ำค้างแค่ 40 ° F ( คือเพิ่มอีก 20 ° F ล่าง ) ก็จะประมาณเป็นปัจจัยเพิ่มเติมของสอง น้ำ น้อย ไอน้ำในอากาศเมื่อเทียบกับอากาศอะไรก็ถือ เป็นปัจจัยทั้งหมด สี่คนน้อยกว่า( ความชื้นสัมพัทธ์จะเป็นเพียงประมาณ 25% )

อุณหภูมิจุดน้ำค้างจะยากที่จะวัดได้โดยตรง แทน มันเป็นเรื่องธรรมดามากที่สุดในการวัดอุณหภูมิกระเปาะเปียกและใช้มัน ( พร้อมกับอุณหภูมิ ) เพื่อหาความชื้นสัมพัทธ์และอุณหภูมิจุดน้ำค้าง .



ความหมาย : อุณหภูมิกระเปาะเปียกอุณหภูมิกระเปาะเปียกเป็นอุณหภูมิซึ่งจะวัดโดยของเหลวในเทอร์โมมิเตอร์ธรรมดากับกระจก ( 1 ) น้ำในอ่างเก็บน้ำ " เหลวของหลอดไฟ " ( " หลอดไฟ " เปียก ) ; และ ( 2 ) แอร์พัดอย่างต่อเนื่องผ่าน มันเป็นอุณหภูมิต่ำสุดได้แต่เพียงผู้เดียว โดยการระเหยน้ำในอากาศ
เมื่ออากาศพัดผ่านกระเปาะเทอร์โมมิเตอร์เปียกน้ำระเหยจากหลอดไฟอย่างต่อเนื่อง ,เพราะอากาศข้างๆหลอดตลอดเวลาจะถูกแทนที่ด้วย " อากาศบริสุทธิ์ " ที่ไม่มีอากาศอยู่ข้างๆ หลอดยาวพอที่จะกลายเป็นเกือบอิ่มตัว ซึ่งจะช่วยลดอัตราการระเหย

เมื่อน้ำระเหยอย่างต่อเนื่องจากกระเปาะเปียก , สติสัมปชัญญะ ความร้อนจะถูกแปลงเป็นความร้อนแฝง จึงเอาความร้อนจากกระเปาะเปียก ในอัตราคงที่มันเย็นด้วย

แต่เป็นกระเปาะเปียกอุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิอากาศ ความร้อนจากอากาศเย็นต่อเข้าหลอดไฟ เป็นหลอดไฟเย็นห่างด้านล่าง อุณหภูมิของอากาศเพิ่มขึ้นและได้รับการเปียกร้อนได้เร็วขึ้นและเร็วขึ้นตามจังหวะการเต้นของหัวใจ

หลังจากเวลาสั้น การเพิ่มการถ่ายเทความร้อนโดยการนำความร้อนจะเท่ากับการสูญเสียความร้อนคงที่ โดยการระเหยและอุณหภูมิของหลอดไฟจะหยุดตก ค้างนิ่ง --- โดยนิยามที่อุณหภูมิกระเปาะเปียก .


เพราะน้ำระเหยเร็วขึ้น หัก : ขึ้นไปในอากาศที่ค่อนข้างแห้ง มันเป็นไปตามที่เปียกสูญเสียความร้อนโดยการระเหยเร็วขึ้นเมื่ออากาศค่อนข้างแห้งนี่หมายความว่า กระเปาะเปียก ต้องเย็นค่อนข้างมาก ก่อนที่อัตราการถ่ายเทความร้อนโดยการนำความร้อนได้ทัน และเท่ากับอัตราการสูญเสียความร้อนด้วยการระเหย นั่นคือ สุดท้ายที่อุณหภูมิคงที่ ( อุณหภูมิกระเปาะเปียก ) จะเป็นสัดส่วนที่ต่ำกว่าอุณหภูมิอากาศ เมื่ออากาศค่อนข้างแห้ง การตีความ

:ใหญ่กว่าความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิของอากาศและอุณหภูมิกระเปาะเปียก และค่อนข้างแห้ง อากาศ ก็ ต้อง ดังนั้น ความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิกระเปาะเปียกและอุณหภูมิเป็นตัวชี้วัดว่าใกล้ถึงจุดอิ่มตัวในอากาศเป็น
เราสามารถวัดค่าอุณหภูมิกระเปาะเปียกและอุณหภูมิอากาศที่ใช้สลิงไซโครมิเตอร์ ( ) ในคลาส )การใช้ตารางเช่นในภาคผนวก D ของหนังสือของคุณ เราสามารถใช้มาตรการเหล่านี้เพื่อหาความชื้นสัมพัทธ์และอุณหภูมิจุดน้ำค้าง .