2.1 RFID application in warehouse m

2.1 RFID application in warehouse management
RFID has become a critical technology for efficiency and
effectiveness improvement in production, logistics, and supply
chain management. RFID can identify, classify, and manage the
flow of materials and information throughout the supply chain
wirelessly without human intervention in order to avoid human
error. Information of an object’s current location, condition, and
history can be stored and retrieved on a real-time basis, giving
better visibility for decision making.
In its basic form, a typical RFID system has two major
components, a reader (also called an interrogator) and tags
(also called transponders). A tag consists of a microchip
storing identification data with two typical types: (1) passive,
without any power source and (2) active, with a power
source. When a part with an RFID tag passes within the
range of the reader, the information in tag is received by the
reader. The reader then sends the information to a computer
or backend application system to figure out the identity with
the signals. Nearly all RFID systems operate on one of the
following four frequency bands: low frequency (LF), high
frequency (HF), UHF, and microwave [1]. This study uses
passive tags and UHF readers.
Coyle et al. [2] pointed that the main warehousing operations
consist of inventory storage, order product mixing, crossdocking,
and customer service. The most important of them is
inventory management, including storage/retrieval management
and inventory control. The progress through RFID can
be observed in different types of supply chains such as warehouse
management, transportation management, production
scheduling, order management, inventory management, and

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

2.1 แอพลิเคชัน RFID ในการจัดการคลังสินค้าRFID เป็น เทคโนโลยีที่สำคัญอย่างมีประสิทธิภาพ และปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต โลจิสติกส์ และจัดหาการจัดการห่วงโซ่ RFID สามารถระบุ จัดประเภท และจัดการการการไหลของวัสดุและข้อมูลตลอดห่วงโซ่อุปทานแบบไร้สายโดยมนุษย์เพื่อมนุษย์หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด ข้อมูลของตำแหน่งปัจจุบันของวัตถุ เงื่อนไข และสามารถจัดเก็บ และเรียกข้อมูลตามเวลาจริง ประวัติให้มองเห็นที่ดีสำหรับการตัดสินใจแบบพื้นฐาน ระบบ RFID ทั่วไปมีสองหลักส่วนประกอบ ตัวอ่าน (ยังเรียกว่าเป็น interrogator) และแท็ก(เรียกว่าดาวเทียม) แท็กประกอบด้วยไมโครชิเก็บข้อมูลการระบุทั่วไปชนิดสอง: แฝง (1)ไม่ มีแหล่งจ่ายไฟใด ๆ และ (2) มีกำลังแหล่งที่มา เมื่อเป็นส่วนหนึ่งกับป้าย RFID ผ่านภายในของผู้อ่าน ข้อมูลในแท็กได้รับการอ่าน อ่านแล้วส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์หรือ backend ให้คิดออกตัวกับแอพลิเคชันระบบสัญญาณ มีระบบ RFID เกือบทั้งหมดของการต่อแถบความถี่ที่ 4: ความถี่ต่ำ (LF), สูงความถี่ (HF), UHF และไมโครเวฟ [1] การศึกษานี้ใช้แท็กพาสซีฟและเครื่องอ่าน UHFAl. เอ็ดเวนคอยล์ [2] ชี้ไปที่การดำเนินงานเกี่ยวกับคลังสินค้าหลักประกอบด้วยการจัดเก็บสินค้าคงคลัง ใบสั่งผลิตภัณฑ์ผสม crossdockingและบริการลูกค้า สำคัญสุดของพวกเขาคือการบริหารสินค้าคงคลัง รวมทั้งจัดการเก็บ/เรียกและควบคุมสินค้าคงคลัง ความคืบหน้าผ่าน RFID สามารถสามารถสังเกตชนิดต่าง ๆ ของห่วงโซ่อุปทานเช่นคลังสินค้าจัดการ บริหารขนส่ง ผลิตวางแผน การจัดการใบสั่ง การ จัดการสินค้าคงคลัง และ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การประยุกต์ใช้ RFID 2.1 ในการจัดการคลังสินค้า
RFID ได้กลายเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญให้มีประสิทธิภาพและการปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตการขนส่งและอุปทานการจัดการห่วงโซ่ RFID สามารถระบุจำแนกและการจัดการการไหลของวัสดุและข้อมูลตลอดห่วงโซ่อุปทานแบบไร้สายโดยไม่มีการแทรกแซงของมนุษย์เพื่อหลีกเลี่ยงมนุษย์ข้อผิดพลาด ข้อมูลของตำแหน่งปัจจุบันของวัตถุสภาพและประวัติศาสตร์สามารถจัดเก็บและเรียกดูได้บนพื้นฐานแบบ real-time ให้การมองเห็นที่ดีกว่าสำหรับการตัดสินใจ. ในรูปแบบพื้นฐานของระบบ RFID โดยทั่วไปมีสองหลักส่วนประกอบอ่าน (หรือที่เรียกว่า ซักไซ้) และแท็ก (ดาวเทียมที่เรียกว่า) แท็กประกอบด้วยชิปเก็บข้อมูลประจำตัวที่มีสองประเภททั่วไป: (1) เรื่อย ๆ โดยไม่มีแหล่งพลังงานใด ๆ และ (2) การใช้งานที่มีอำนาจแหล่งที่มา เมื่อเป็นส่วนหนึ่งกับแท็ก RFID ผ่านไปในช่วงของการอ่านข้อมูลในแท็กที่ได้รับจากผู้อ่าน อ่านแล้วจะส่งข้อมูลไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์หรือระบบโปรแกรมแบ็กเอนด์ที่จะคิดออกบัตรประจำตัวที่มีสัญญาณ เกือบทุกระบบ RFID ทำงานในหนึ่งในสี่ต่อไปนี้คลื่นความถี่: ความถี่ต่ำ (LF) สูงความถี่(HF) UHF และไมโครเวฟ [1] การศึกษาครั้งนี้ใช้แท็กเรื่อย ๆ และผู้อ่าน UHF. คอยล์ et al, [2] ชี้ให้เห็นว่าการดำเนินงานคลังสินค้าหลักประกอบด้วยการจัดเก็บสินค้าคงคลังการผสมผลิตภัณฑ์สั่งซื้อcrossdocking, และการบริการลูกค้า ที่สำคัญที่สุดของพวกเขาคือการจัดการสินค้าคงคลังรวมทั้งการจัดเก็บ / การจัดการการดึงและการควบคุมสินค้าคงคลัง ความคืบหน้าผ่าน RFID สามารถสังเกตได้ในรูปแบบที่แตกต่างกันของห่วงโซ่อุปทานเช่นคลังสินค้าการบริหารจัดการการขนส่งการผลิตการจัดตารางเวลาการจัดการเพื่อการจัดการสินค้าคงคลังและ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

2.1 การใช้ RFID ในการจัดการ
-
โกดังได้กลายเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญเพื่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปรับปรุง
ผลิต การขนส่ง และอุปทานการจัดการห่วงโซ่ RFID สามารถระบุแยกประเภท และจัดการการไหลของวัสดุและข้อมูล

ตลอดห่วงโซ่อุปทานแบบไร้สายโดยไม่มีการแทรกแซงของมนุษย์เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดของมนุษย์

รายละเอียดของวัตถุในปัจจุบัน สถานที่ เงื่อนไขและ
ประวัติศาสตร์สามารถจัดเก็บและดึงข้อมูลบนพื้นฐานเรียลไทม์ ให้ทัศนวิสัยที่ดีกว่า

สำหรับการตัดสินใจ ในรูปแบบพื้นฐานที่เป็นระบบ โดยทั่วไปมี 2 องค์ประกอบหลัก
, ผู้อ่าน ( เรียกว่าปรัศนี ) และแท็ก
( เรียกว่าสัญญาณ ) แท็กที่ประกอบด้วยชิป
การจัดเก็บข้อมูลตัวที่มีสองประเภททั่วไป :( 1 ) เรื่อยๆ ,
โดยไม่ต้องแหล่งพลังงานใด ๆ และ ( 2 ) ที่ใช้งานกับเพาเวอร์
แหล่ง เมื่อเป็นส่วนหนึ่งกับแท็ก RFID ผ่านภายใน
ช่วงอ่าน ข้อมูลในแท็กจะได้รับโดย
อ่าน อ่านแล้วส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์หรือระบบ backend
คิดออกตัวตน
สัญญาณ เกือบทั้งหมดใช้งาน RFID ระบบหนึ่งของ
แถบความถี่สี่ต่อไปนี้ :คลื่นความถี่ต่ำ ( LF ) , ความถี่สูง ( HF )
, UHF และไมโครเวฟ [ 1 ] การศึกษานี้ใช้
แท็ก passive และผู้อ่าน UHF .
คอยล์ et al . [ 2 ] ชี้ว่า การดำเนินการคลังสินค้าหลัก
ประกอบด้วยกระเป๋าสินค้าคงคลัง , สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ผสม crossdocking
, , และการบริการลูกค้า ที่สำคัญที่สุดของพวกเขาคือการจัดการสินค้าคงคลัง รวมถึงการจัดเก็บและการจัดการ
/ ระบบการควบคุมสินค้าคงคลังความคืบหน้าผ่าน RFID สามารถ
จะสังเกตในชนิดที่แตกต่างกันของห่วงโซ่อุปทานเช่นคลังสินค้าการจัดการการจัดการ , การขนส่ง , การผลิต
การตั้งเวลาการจัดการสั่งซื้อ , การจัดการสินค้าคงคลังและ