A baby's immune system isn't fully

A baby's immune system isn't fully developed before birth, so it needs a hand. That hand comes from mom, as she passes her own immune-system warriors, called antibodies, through the placenta, and the baby accepts them (this is called passive immunity because the fetus doesn't make antibodies itself, but accepts the mom's). Interestingly, it even turns out that some cells from mom slip through the placenta to teach the baby's cells how to tolerate foreign antigens —diplomatic cells, if you will.

This transmission of antibodies serves two roles—protecting the fetus and signaling to the mother that this foreign tissue has cleared inspection and is safely allowed to park its behind in her uterus for the greater part of the next year. Now, a fetus's immune system does start developing on its own (at 9 weeks), and there's a reason for that delay on the fetus's part. That's to help the fetus to tolerate mom—after all, the fetus is 50 percent dad. If its immune system were fully developed from the get-go, there'd be the chance that the fetus might identify mom as different and reject its host.

The fetus's immune system doesn't start developing until 9 weeks and isn't ready to go until about 14 weeks, so until then, the fetus relies on the placenta and the interface with mom to help protect it from potential harm until it's better able to fight on its own. Recent research shows that the fetus's cells and the mother's immune system join forces to fight common enemies (like infections). When the fetus's cells call for help, the mother's system responds to the TLR alarm and sends reinforcements throughout pregnancy. So, in many ways the placenta is the unsung hero of pregnancy, dutifully providing your baby with nutrients and immunity.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เต็มไม่พัฒนาระบบภูมิคุ้มกันของทารกก่อนคลอด ดังนั้นมันต้องมือ มาจากแม่ เธอผ่านตนเองนักรบระบบภูมิคุ้มกัน เรียกว่าแอนตี้ ผ่านรก และทารกยอมรับพวกเขา (คือภูมิคุ้มกันของ passive เนื่องจากทารกในครรภ์ไม่ทำแอนตี้เอง แต่การยอมรับของแม่) เป็นเรื่องน่าสนใจ ดังแม้แต่ปรากฎว่าที่บางเซลล์จากบันทึกคุณแม่ผ่านรกไปสอนเซลล์ของทารกทนต่อ antigens ต่างประเทศ — ทูตเซลล์ ถ้าคุณจะแอนตี้ส่งนี้ทำหน้าที่สองบทบาท — ปกป้องทารกในครรภ์ และตามปกติแม่เนื้อเยื่อนี้ต่างประเทศได้ยกเลิกเลือกตรวจสอบ และอย่างปลอดภัยสามารถจอดด้านหลังในมดลูกสำหรับส่วนมากของปีถัดไป ตอนนี้ ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนเริ่มพัฒนาในตัวเอง (ที่ 9 สัปดาห์), และมีสาเหตุที่ล่าช้าในส่วนของทารกในครรภ์ ที่จะช่วยให้ทารกในครรภ์ทนแม่ — หลังจากที่ทุก ทารกในครรภ์เป็นพ่อ 50 เปอร์เซ็นต์ ถ้าระบบภูมิคุ้มกันถูกพัฒนาจากไปรับเต็ม จะมีโอกาสที่ทารกในครรภ์อาจระบุเป็นหม่อม และปฏิเสธซึ่งระบบภูมิคุ้มกันของทารกในครรภ์ไม่เริ่มพัฒนาจนถึง 9 สัปดาห์ และไม่พร้อมที่จะไปจนถึงประมาณ 14 สัปดาห์ เพื่อจนแล้ว ทารกในครรภ์อาศัยรกและกับแม่เพื่อช่วยปกป้องจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจนกว่าจะดีกว่าสามารถสู้เอง การวิจัยล่าสุดแสดงว่า เซลล์ของทารกในครรภ์และระบบภูมิคุ้มกันของแม่เข้าร่วมกองกำลังเพื่อต่อสู้กับศัตรูทั่วไป (เช่นการติดเชื้อ) เมื่อตัวอ่อนเซลล์โทรขอความช่วยเหลือ ระบบของแม่ตอบสนองต่อการปลุก TLR และส่งเพิ่มกำลังตลอดการตั้งครรภ์ ดังนั้น ใน รกเป็นฮีโร่ unsung ของการตั้งครรภ์ dutifully ให้ลูกของคุณ ด้วยสารอาหารและภูมิคุ้มกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระบบภูมิคุ้มกันของทารกที่ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ก่อนที่จะเกิดดังนั้นจึงต้องการมือ มือที่มาจากแม่ขณะที่เธอผ่านนักรบภูมิคุ้มกันระบบของตัวเองที่เรียกว่าแอนติบอดี้ผ่านรกและทารกยอมรับพวกเขา (เรียกว่าภูมิคุ้มกันเรื่อย ๆ เพราะทารกในครรภ์ไม่ได้ทำให้ภูมิคุ้มกันตัวเอง แต่ยอมรับของแม่) ที่น่าสนใจก็ยังปรากฎว่าเซลล์จากแม่ลื่นผ่านรกที่จะสอนให้เซลล์ของทารกวิธีที่จะทนต่อแอนติเจนต่างประเทศเซลล์ -diplomatic ถ้าคุณจะ. ส่งของแอนติบอดีนี้ทำหน้าที่สองบทบาทปกป้องทารกในครรภ์และการส่งสัญญาณกับแม่ว่า เนื้อเยื่อต่างประเทศนี้มีล้างการตรวจสอบและได้รับอนุญาตให้จอดได้อย่างปลอดภัยที่อยู่เบื้องหลังในมดลูกของเธอสำหรับส่วนใหญ่ของปีถัดไป ตอนนี้ระบบภูมิคุ้มกันของทารกในครรภ์ของไม่เริ่มต้นการพัฒนาตัวของมันเอง (9 สัปดาห์ที่ผ่านมา) และมีเหตุผลสำหรับความล่าช้าที่ในส่วนของทารกในครรภ์ นั่นคือจะช่วยให้ทารกในครรภ์ที่จะทนต่อแม่หลังจากทั้งหมดทารกในครรภ์เป็นพ่อร้อยละ 50 หากระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่จากที่ได้รับไปมันน่าจะมีโอกาสที่ทารกในครรภ์อาจระบุเป็นแม่ที่แตกต่างกันและปฏิเสธโฮสต์. ระบบภูมิคุ้มกันของทารกในครรภ์ของไม่ได้เริ่มต้นการพัฒนาจนถึง 9 สัปดาห์และไม่พร้อมที่จะ ไปจนถึง 14 สัปดาห์เพื่อให้จนแล้วทารกในครรภ์อาศัยรกและอินเตอร์เฟซกับแม่ที่จะช่วยปกป้องจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจนกว่าจะดีขึ้นสามารถที่จะต่อสู้กับตัวของมันเอง งานวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเซลล์ของทารกในครรภ์และระบบภูมิคุ้มกันของแม่เข้าร่วมกองกำลังที่จะต่อสู้กับศัตรูทั่วไป (เช่นการติดเชื้อ) เมื่อเซลล์ของทารกในครรภ์โทรขอความช่วยเหลือระบบแม่ตอบสนองต่อการปลุก TLR และส่งกำลังเสริมตลอดการตั้งครรภ์ ดังนั้นในหลาย ๆ รกเป็นวีรบุรุษของการตั้งครรภ์ตามหน้าที่ให้ลูกน้อยของคุณด้วยสารอาหารและภูมิคุ้มกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ระบบภูมิคุ้มกันของทารกยังไม่พัฒนาอย่างเต็มที่ก่อนเกิด ดังนั้นมันต้องใช้มือ มือที่มาจากแม่ เธอผ่านนักรบ ระบบภูมิคุ้มกันของเธอเองที่เรียกว่าภูมิคุ้มกันผ่านรกและทารกยอมรับพวกเขา ( นี้จะเรียกว่าภูมิคุ้มกันเรื่อยๆเพราะเด็กไม่ได้ทำให้ภูมิคุ้มกันตัวเอง แต่ยอมรับของแม่ ) น่าสนใจมันก็กลายเป็นว่า เซลล์บางเซลล์จากแม่ใบผ่านรกที่จะสอนเด็กวิธีการอดทนแอนติเจนจากเซลล์เซลล์การทูต

ถ้าคุณจะนี้ส่งของแอนติบอดีทำหน้าที่ 2 บทบาทการปกป้องทารกในครรภ์และส่งสัญญาณให้แม่ที่เนื้อเยื่อต่างประเทศนี้ได้ล้างการตรวจสอบและอนุญาตให้จอดมันไว้อย่างปลอดภัยในมดลูก สำหรับส่วนใหญ่ของปีถัดไป ตอนนี้ ระบบภูมิคุ้มกันของทารกจะเริ่มพัฒนาตัวของมันเอง ( สัปดาห์ที่ 9 ) และนี่คือเหตุผลที่ล่าช้า ในส่วนของทารกในครรภ์ที่ช่วยให้เด็กที่จะยอมให้แม่หลังจากทั้งหมด เด็ก พ่อ ร้อยละ 50 ถ้าระบบภูมิคุ้มกันของถูกพัฒนาอย่างเต็มที่จากได้รับไป มันก็เป็นโอกาสที่ทารกในครรภ์จะหาแม่ที่แตกต่างกันและปฏิเสธโฮสต์

ของทารกในครรภ์ระบบภูมิคุ้มกันไม่เริ่มพัฒนาจนถึง 9 สัปดาห์ และไม่พร้อมที่จะไปถึง 14 สัปดาห์ จนกว่าจะถึงตอนนั้นตัวอ่อนอาศัยรกและอินเตอร์เฟซกับแม่เพื่อช่วยปกป้องมันจากความเสียหายจนอาจจะดีกว่าสามารถที่จะต่อสู้ในตัวของมันเอง งานวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่า อาจเซลล์และระบบภูมิคุ้มกันของแม่เข้าร่วมกองกำลังเพื่อต่อสู้กับศัตรูทั่วไป ( เช่นการติดเชื้อ ) เมื่อเซลล์ อาจเรียกให้ช่วยระบบของแม่จะตอบรับ และส่งเสริม TLR ปลุกตลอดการตั้งครรภ์ . ดังนั้น ในหลายวิธี รกเป็นวีรบุรุษของการตั้งครรภ์ ตามหน้าที่ ให้ลูกน้อยของคุณด้วยสารอาหารและภูมิคุ้มกัน