alternative. The result showed that

alternative. The result showed that selling surplus
electricity to EGAT was the best option with the
second best being the installation of an evaporation
system on the farm.
7.4.1. The “best case” scenario. Three scenarios
were simulated to find “the best case”. They were:
(1) the installation of an evaporation system on the
farm; (2) converting biogas into electricity and selling
the surplus to the EGAT; and (3) an increase of
20 percent in benefits for all alternative methods.
The results of the simulations are shown in Table 7.
Scenario 1: The installation of an evaporation system
on the farm.
Evaporation systems have been proven to increase
the level of hygiene and sanitation on pig farms,
resulting in the following benefits:1
1. A reduction in the mortality rates of newborn
piglets.
2. An overall increase in the number of litters produced
per annum.
3. A reduction in the average feed conversion rate
(FCR)1.
Improving hygiene, therefore, results in an increase
in the productivity, efficiency and profitability of
the farm.
Scenario 2: Converting biogas into electricity and
selling the surplus to EGAT.
Biogas can also run generators to produce electricity.
The surplus electricity can be sold to EGAT. Largescale
pig farms seem to benefit more from the biogas
in terms of comparative advantage (the average cost
of electricity production in large-scale pig farms is
relatively lower than in smaller farms). The estimated
quantity of biogas produced from biogas digesters
under the biogas and mixed alternative methods was
about 302 067 320 cubic metres per year.
Only 17 percent of the total biogas or 50 595 825 m3
per year was consumed for household uses on the
sampled local farms. On the other hand, 83 percent of
the total biogas (or 251 million cubic metres per year)
was simply released into the atmosphere. This could
be used as fuel in the same way as petrol and diesel.
In 2005, the Thai government imposed a requirement
on EGAT to buy electricity (produced from surplus
biogas) from all farmers, including pig farmers.
Scenario 3: An increase of 20 percent in benefits
for each alternative method.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทางเลือก ผลแสดงให้เห็นส่วนเกินที่ขายไฟฟ้าให้กับกฟผ.เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดด้วยการส่วนที่สองเป็นการติดตั้งของการระเหยระบบในฟาร์ม7.4.1. "สุดกรณี" สถานการณ์จำลอง 3 สถานการณ์ได้จำลองการค้นหา "กรณีดีที่สุด" พวก:(1) การติดตั้งระบบระเหยในการฟาร์ม (2) ก๊าซชีวภาพแปลงเป็นไฟฟ้า และขายส่วนเกินให้กฟผ. และ (3) การเพิ่มขึ้นของร้อยละ 20 ในประโยชน์วิธีอื่นทั้งหมดผลลัพธ์ของแบบจำลองจะแสดงในตาราง 7สถานการณ์ที่ 1: การติดตั้งระบบระเหยในฟาร์มได้รับการพิสูจน์ระบบระเหยเพิ่มขึ้นระดับของการอนามัยและสุขาภิบาลในฟาร์มหมูเกิดประโยชน์ต่อไปนี้: 11. ลดอัตราการตายของทารกทรูด2. การเพิ่มจำนวนของ litters ที่ผลิตโดยรวมต่อปี3. ลดอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยตัวดึงข้อมูล(FCR)1ปรับปรุงสุขอนามัย ดังนั้น ผลเพิ่มในการผลิต ประสิทธิภาพ และผลกำไรของฟาร์มสถานการณ์ที่ 2: แปลงก๊าซชีวภาพเป็นไฟฟ้า และขายส่วนเกินให้กฟผก๊าซชีวภาพยังสามารถเรียกใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อผลิตไฟฟ้าสามารถขายไฟฟ้าส่วนเกินให้กับกฟผ Largescaleฟาร์มหมูที่ดูเหมือนจะ ได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการผลิตก๊าซในแง่ของประโยชน์เปรียบเทียบ (ค่าเฉลี่ยต้นทุนไฟฟ้า เป็นการผลิตในฟาร์มสุกรขนาดใหญ่ค่อนข้างต่ำกว่าในฟาร์มขนาดเล็ก) การประเมินปริมาณของก๊าซชีวภาพที่ผลิตจากก๊าซชีวภาพ digestersก๊าซชีวภาพและวิธีทางเลือกแบบผสมได้ประมาณ 302 067 320 ลูกบาศก์เมตรต่อปีเพียงร้อยละ 17 ของก๊าซชีวภาพทั้งหมด 50 595 825 m3ต่อปีใช้สำหรับใช้ในครัวเรือนในการตัวอย่างภายในฟาร์ม ในทางกลับกัน ร้อยละ 83 ของก๊าซชีวภาพรวม (หรือ 251 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี)เพียงออกสู่ชั้นบรรยากาศ นี้สามารถสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในลักษณะเดียวกับน้ำมันเบนซินและดีเซลในปี 2005 รัฐบาลไทยกำหนดความต้องการในกฟผ.เพื่อซื้อไฟฟ้า (ผลิตจากส่วนเกินก๊าซชีวภาพ) จากเกษตรกรทั้งหมด รวมทั้งเกษตรกรหมูสถานการณ์ที่ 3: การเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ในประโยชน์สำหรับแต่ละวิธีอื่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทางเลือก ผลที่ได้แสดงให้เห็นว่าการขายเกิน
กระแสไฟฟ้าให้กับกฟผ. เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดกับ
การเป็นที่สองที่ดีที่สุดในการติดตั้งของการระเหย
ระบบในฟาร์ม
7.4.1 "กรณีที่ดีที่สุด" สถานการณ์ สามสถานการณ์
จำลองที่จะหา "กรณีที่ดีที่สุด" พวกเขาพบว่า
(1) การติดตั้งระบบการระเหยใน
ฟาร์ม (2) การแปลงก๊าซชีวภาพเป็นพลังงานไฟฟ้าและการขาย
ส่วนเกินให้กฟผ; และ (3) การเพิ่มขึ้นของ
ร้อยละ 20 ในผลประโยชน์สำหรับวิธีการทางเลือกทุก
ผลการจำลองแสดงในตารางที่ 7
กรณีที่ 1: การติดตั้งระบบการระเหย
ในฟาร์ม
ระบบการระเหยได้รับการพิสูจน์เพื่อเพิ่ม
ระดับของ สุขอนามัยและสุขาภิบาลในฟาร์มสุกร
ส่งผลให้ผลประโยชน์ต่อไปนี้: 1
1 ลดลงในอัตราการตายของทารกแรกเกิด
ลูกสุกร
2 เพิ่มขึ้นโดยรวมในจำนวนลูกครอกที่ผลิต
ต่อปี
ที่ 3 การลดลงของอัตราการเปลี่ยนอาหารเฉลี่ย
(FCR) 1
การปรับปรุงสุขอนามัยดังนั้นผลในการเพิ่มขึ้น
ในการผลิตที่มีประสิทธิภาพและการทำกำไรของ
ฟาร์ม
กรณีที่ 2: การแปลงก๊าซชีวภาพเป็นพลังงานไฟฟ้าและ
การขายส่วนเกินเพื่อให้กฟผ.
ยังสามารถผลิตก๊าซชีวภาพ ใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าในการผลิตไฟฟ้า
การไฟฟ้าส่วนเกินสามารถขายให้กับกฟผ. largescale
ฟาร์มหมูดูเหมือนจะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการผลิตก๊าซชีวภาพ
ในแง่ของการได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ (ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย
ของการผลิตไฟฟ้าในฟาร์มหมูขนาดใหญ่เป็น
ที่ค่อนข้างต่ำกว่าในฟาร์มขนาดเล็ก) คาดว่า
ปริมาณการผลิตก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้จากการย่อยก๊าซชีวภาพ
ภายใต้การผลิตก๊าซชีวภาพและวิธีการทางเลือกที่หลากหลายเป็น
เรื่องเกี่ยวกับ 302 067 320 ลูกบาศก์เมตรต่อปี
เพียง 17 เปอร์เซ็นต์ของก๊าซชีวภาพทั้งหมดหรือ 50 595 825 m3
ต่อปีได้รับการบริโภคของครัวเรือนที่ใช้ใน
ฟาร์มท้องถิ่นตัวอย่าง . ในขณะที่ร้อยละ 83 ของ
การผลิตก๊าซชีวภาพรวม (หรือ 251,000,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี)
ได้รับการปล่อยตัวเพียงแค่ออกสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งอาจ
จะนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในลักษณะเดียวกับน้ำมันเบนซินและดีเซล
ในปี 2005 รัฐบาลไทยกำหนดความต้องการ
ที่กฟผ. ซื้อไฟฟ้า (ผลิตจากการเกินดุล
ก๊าซชีวภาพ) จากเกษตรกรทั้งหมดรวมทั้งเกษตรกรหมู
กรณีที่ 3: การเพิ่มขึ้นจาก 20 ร้อยละผลประโยชน์
สำหรับวิธีการเลือกแต่ละ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทางเลือก ผลการศึกษาพบว่า การขายไฟฟ้าให้ กฟผ. เป็นส่วนเกิน

สองตัวเลือกที่ดีที่สุดกับที่ดีที่สุดมีการติดตั้งระบบการระเหย

7.4.1 ในฟาร์ม . . " กรณีที่ดีที่สุด " สถานการณ์ สามสถานการณ์จำลองเพื่อหา
เป็น " กรณี " ที่ดีที่สุด พวกเขา :
( 1 ) ติดตั้งระบบการระเหยบน
ฟาร์ม ( 2 ) แปลงก๊าซชีวภาพในการผลิตไฟฟ้าและขาย
ส่วนเกินให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ ( 3 ) การเพิ่มขึ้นของ
20 เปอร์เซ็นต์ในประโยชน์สำหรับวิธีการทางเลือกทั้งหมด
ผลจำลองแสดงในตารางที่ 7 .
สถานการณ์ 1 : การติดตั้งระบบการระเหย

ระบบการระเหยในฟาร์ม ที่ได้รับการพิสูจน์เพื่อเพิ่ม
ระดับสุขอนามัย และ สุขาภิบาลในฟาร์มหมู
ส่งผลให้ประโยชน์ดังต่อไปนี้ : 1
1ลดลงในอัตราการเสียชีวิตของทารกแรกเกิด ลูก
.
2 การเพิ่มขึ้นโดยรวมในตัวเลขของซากผลิต
ต่อปี .
3 การมีอัตราการเปลี่ยนอาหาร ( FCR ) 1
.
การปรับปรุงสุขอนามัย ดังนั้นผลในการเพิ่มผลผลิต
ในประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไรของ

2 : การแปลงฟาร์ม สมมติให้เป็นไฟฟ้าก๊าซชีวภาพและการนำไปขาย

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยก๊าซชีวภาพยังสามารถเรียกใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้าส่วนเกินที่สามารถขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ฟาร์มสุกรมากกว่า
ดูเหมือนจะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากก๊าซชีวภาพ
ในแง่ของความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ ( ต้นทุนเฉลี่ย
ของการผลิตไฟฟ้าในฟาร์มสุกรขนาดใหญ่จะค่อนข้างต่ำกว่าในฟาร์มขนาดเล็ก
) ประมาณ
ก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้จากก๊าซชีวภาพมูล
ภายใต้การก่อสร้างและผสมวิธีการทางเลือกคือ
ประมาณ 302 067 320 ลูกบาศก์เมตรต่อปี เพียงร้อยละ 17 ของก๊าซชีวภาพ
รวมหรือ 50 595 825 M3
/ ปีใช้สำหรับการหุงต้มในครัวเรือนบน
ตัวอย่างฟาร์มท้องถิ่น บนมืออื่น ๆ ร้อยละ 83 ของ
ก๊าซชีวภาพทั้งหมด ( หรือ 251 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี )
แค่ปล่อยออกสู่บรรยากาศ นี้อาจ
สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในลักษณะเดียวกัน เช่น เบนซินและดีเซล
ในปี 2005 รัฐบาลได้กำหนดความต้องการ
เมื่อ กฟผ. เพื่อซื้อไฟฟ้า ( ผลิตจากก๊าซส่วนเกิน
) จากเกษตรกรทั้งหมด รวมทั้งเกษตรกรที่เลี้ยงสุกร .
สถานการณ์ที่ 3 : การเพิ่มขึ้นของร้อยละ 20 ในประโยชน์
สำหรับแต่ละทางเลือกวิธีการ