Under the units of production metho

Under the units of production method, the amount of depreciation charged to expense varies in direct proportion to the amount of asset usage. Thus, a business may charge more depreciation in periods when there is more asset usage, and less depreciation in periods when there is less usage. It is the most accurate method for charging depreciation, since this method links closely to the wear and tear on assets. However, it also requires that someone track asset usage, which means that its use is generally limited to more expensive assets. Also, you need to be able to estimate total usage over the life of the asset in order to derive the amount of depreciation to recognize in each accounting period.



Follow these steps to calculate depreciation under the units of production method:

Estimate the total number of hours of usage of the asset, or the total number of units to be produced by it over its useful life.
Subtract any estimated salvage value from the capitalized cost of the asset, and divide the total estimated usage or production from this net depreciable cost. This yields the depreciation cost per hour of usage or unit of production.
Multiply the number of hours of usage or units of actual production by the depreciation cost per hour or unit, which results in the total depreciation expense for the accounting period.
If the estimated number of hours of usage or units of production changes over time, incorporate these changes into the calculation of the depreciation cost per hour or unit of production. This will alter the depreciation expense on a go-forward basis. A change in the estimate does not impact depreciation that has already been recognized.

Do not use the units of production method if there is not a significant difference in asset usage from period to period. Otherwise, you will spend a great deal of time tracking asset usage, and will be rewarded with a depreciation expense that varies little from the results that you would have seen with the straight-line method (which is far easier to calculate).

It is not cost-effective to use the units of production method if the resulting information is not used by the readers of a company's financial statements. Thus, the cost associated with the creation of more accurate depreciation information may not prove to be worthwhile if it does not lead to specific actions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ภายใต้หน่วยของวิธีการผลิต ยอดเงินของค่าเสื่อมราคาที่คิดค่าธรรมเนียมกับค่าใช้จ่ายแตกต่างในสัดส่วนโดยตรงกับจำนวนการใช้งานของสินทรัพย์ ดังนั้น ธุรกิจอาจคิดค่าเสื่อมราคาเพิ่มเติมในรอบระยะเวลา เมื่อมีการใช้สินทรัพย์เพิ่มเติม และ หักค่าเสื่อมราคาในรอบระยะเวลาเมื่อมีการใช้น้อยลงได้ มันเป็นวิธีถูกต้องที่สุดสำหรับค่าเสื่อมราคา เนื่องจากวิธีนี้เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดเพื่อสวมใส่และฉีกขาดสินทรัพย์ในการชาร์จ อย่างไรก็ตาม มันยังต้องมีคนติดตามสินทรัพย์ใช้ ซึ่งหมายความ ว่า การใช้โดยทั่วไปจำกัดสินทรัพย์ราคาแพงมากขึ้น คุณจำเป็นเพื่อให้สามารถประเมินการใช้งานรวมอายุของสินทรัพย์เพื่อที่จะได้รับยอดเงินของค่าเสื่อมราคาจำแนกในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีด้วยทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อคำนวณค่าเสื่อมราคาภายใต้หน่วยของวิธีการผลิต:ประเมินจำนวนรวมของชั่วโมงการใช้งานของสินทรัพย์ หรือจำนวนหน่วยที่ผลิตโดยผ่านอายุลบมูลค่าซากประมาณใด ๆ จากต้นทุนที่บันทึกเป็นสินทรัพย์ของสินทรัพย์ และแบ่งงานรวมประมาณการผลิตจากต้นทุนค่าเสื่อมราคานี้สุทธิ นี้ทำให้ต้นทุนค่าเสื่อมราคาต่อหน่วยการผลิตหรือชั่วโมงการใช้งานจำนวนชั่วโมงการใช้หรือหน่วยผลิตจริงคูณต้นทุนค่าเสื่อมราคาต่อชั่วโมงหรือต่อหน่วย ผลรวมค่าเสื่อมราคาค่าใช้จ่ายสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีถ้าจำนวนชั่วโมงการใช้หรือหน่วยผลิตประเมินการเปลี่ยนแปลงเวลา รวมการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ในการคำนวณต้นทุนค่าเสื่อมราคาต่อชั่วโมงหรือต่อหน่วยการผลิต นี้จะเปลี่ยนแปลงเสื่อมตามไปข้างหน้า การเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อค่าเสื่อมราคาที่ได้รับรู้ใช้วิธีการผลิตหน่วยถ้าไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการใช้สินทรัพย์จากรอบการระยะเวลา อื่น คุณจะใช้จ่ายมากเวลาในการติดตามการใช้งานของสินทรัพย์ และจะได้รับรางวัลเป็นค่าใช้จ่ายค่าเสื่อมราคาที่แตกต่างกันไปเล็กน้อยจากผลที่คุณจะได้เห็น ด้วยวิธี (ซึ่งเป็นมากง่ายต่อการคำนวณ)ไม่คุ้มค่าการใช้หน่วยของวิธีการผลิตหากไม่มีใช้ข้อมูลได้ โดยผู้อ่านงบการเงินของบริษัท ดังนั้น ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างข้อมูลค่าเสื่อมราคาที่ถูกต้องมากขึ้นอาจไม่พิสูจน์ว่าจะคุ้มค่าถ้ามันไม่ทำให้การดำเนินการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สังกัดหน่วยของวิธีการผลิต ปริมาณการเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันในสัดส่วนโดยตรงกับปริมาณการใช้สินทรัพย์ ดังนั้น ธุรกิจอาจคิดค่าเสื่อมมากขึ้นในช่วงเวลาที่เมื่อมีการเพิ่มสินทรัพย์และค่าเสื่อมราคาน้อยลงในช่วงเวลาที่เมื่อมีการใช้น้อยลง มันเป็นวิธีที่ถูกต้องที่สุดสำหรับชาร์จค่าเสื่อมราคาสังกัดหน่วยของวิธีการผลิต ปริมาณการเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันในสัดส่วนโดยตรงกับปริมาณการใช้สินทรัพย์ ดังนั้น ธุรกิจอาจคิดค่าเสื่อมมากขึ้นในช่วงเวลาที่เมื่อมีการเพิ่มสินทรัพย์และค่าเสื่อมราคาน้อยลงในช่วงเวลาที่เมื่อมีการใช้น้อยลง มันเป็นวิธีที่ถูกต้องที่สุดสำหรับชาร์จค่าเสื่อมราคาเนื่องจากวิธีการนี้การเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับการสึกหรอในสินทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามสินทรัพย์ที่บางคนใช้ ซึ่งหมายความ ว่า การใช้งานทั่วไป จำกัด ทรัพย์สินราคาแพงมากขึ้น นอกจากนี้คุณต้องสามารถที่จะประเมินการใช้งานทั้งหมดผ่านชีวิตของสินทรัพย์เพื่อให้ได้ปริมาณการรับรู้ในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี



ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อคำนวณค่าเสื่อมราคา สังกัดหน่วยของวิธีการผลิต :

ประมาณจำนวนชั่วโมงการใช้งานของสินทรัพย์ หรือจำนวนหน่วยที่จะผลิตโดยมันผ่านชีวิตที่มีประโยชน์ .
ลบใด ๆ กู้มูลค่าจากทุนจดทะเบียนประมาณต้นทุนของสินทรัพย์ และแบ่งทั้งหมดประมาณการใช้งานหรือ การผลิตจากต้นทุนลดค่านี้สุทธินี้อัตราค่าเสื่อมราคาต้นทุนต่อชั่วโมงของหน่วยการใช้ หรือผลิต
คูณจำนวนชั่วโมงการใช้งานหรือหน่วยการผลิตจริง โดยราคาต้นทุนต่อหน่วยชั่วโมง ซึ่งผลลัพธ์ในค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี .
หากประมาณจำนวนชั่วโมงการใช้งานหรือหน่วยการผลิตที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ,รวมการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ในการคำนวณค่าเสื่อมราคาต้นทุนต่อหน่วยชั่วโมง หรือการผลิต นี้จะเปลี่ยนแปลงค่าเสื่อมราคาในไปข้างหน้า พื้นฐาน การเปลี่ยนแปลงในประมาณการไม่รวมผลกระทบที่ได้รับการยอมรับแล้ว

ไม่ได้ใช้หน่วยของวิธีการผลิต ถ้าไม่มีความแตกต่างในการใช้สินทรัพย์จากยุค . มิฉะนั้นคุณจะใช้จ่ายมากเวลาในการติดตามการใช้สินทรัพย์และจะได้รับรางวัลเป็นค่าเสื่อมราคาที่แตกต่างกันเล็ก ๆน้อย ๆจากผลลัพธ์ที่คุณจะได้เห็นกับวิธีเส้นตรง ( ซึ่งอยู่ไกลได้ง่ายขึ้นเพื่อคำนวณ )

มันก็ไม่คุ้มค่าที่จะใช้หน่วยของวิธีการผลิต ถ้าเกิดข้อมูลที่ไม่ได้ใช้ โดยผู้อ่านของงบการเงินของ บริษัท . ดังนั้นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างข้อมูลที่ถูกต้องมากกว่าการไม่อาจพิสูจน์จะคุ้มค่าถ้ามันไม่ได้นำไปสู่การกระทำที่เฉพาะเจาะจง .