According to a better-known source,

According to a better-known source, a seventeenth-century account by Dutchman Jeremias Van Vliet, a Renowned Legend stated that Ramatibodi was an ethnic Chinese, having sailed down from China. After succeeding in trade, he became influential enough to rule the city of Phetchaburi, a coastal town of the Gulf of Thailand, before travelling up to Ayutthaya.

In 1352 he laid siege to Yasodharapura. He was successful the following year and placed one of his sons on the throne. However, they were only able to keep the throne until 1357, when the Khmers were able to regain it.[4]:236

King Ramathibodi's death sparked a conflict over succession. Initially, his son King Ramesuan became ruler of Ayutthaya, but King Ramesuan later abdicated in favor of King Ramathibodi's brother-in-law, King Borommaracha I. This rivalry for the throne may have been peaceful or it may have been bloody.[3]:29

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตามแหล่ง better-known บัญชี seventeenth ศตวรรษ โดย Dutchman Jeremias Van Vliet ตำนานแหล่งระบุไว้ว่า Ramatibodi เป็นภาษาจีนชนกลุ่มน้อย มีแล่นลงจากประเทศจีน หลังจากประสบความสำเร็จในการค้า เขาเป็นทรงอิทธิพลพอที่จะครองเมืองเพชรบุรี เมืองชายฝั่งทะเลของอ่าวไทย ก่อนที่จะเดินทางถึงอยุธยาในแพงกว่า เขาวางล้อมไปยโสธรปุระ เขาสำเร็จในปีต่อไปนี้ และวางหนึ่งบุตรบนบัลลังก์ อย่างไรก็ตาม พวกเขาเพียงสามารถรักษาราชบัลลังก์จน 1357 เมื่อ Khmers ที่มีความสามารถเพื่อให้มัน [4]: 236พระรามาธิบดีตายจุดประกายความขัดแย้งเหนือบัลลังก์ เริ่มต้น บุตรกษัตริย์เสียทีกลายเป็น ไม้บรรทัดของอยุธยา ได้เสียทีพระมหากษัตริย์ภายหลังราชาสละราชสามารถเขยพระรามาธิบดี พระ Borommaracha ฉัน อาจมีการแข่งขันนี้มัวสงบ หรือก็อาจได้รับเลือด [3]: 29

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตามแหล่งที่มารู้จักกันดี, บัญชีศตวรรษที่สิบเจ็ดโดย Dutchman Jeremias Van Vliet เป็นตำนานที่มีชื่อเสียงกล่าวว่า Ramatibodi เป็นชาวจีนได้แล่นลงมาจากประเทศจีน หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการค้าเขาก็กลายเป็นผู้มีอิทธิพลพอที่จะปกครองเมืองเพชรบุรีเป็นเมืองชายฝั่งทะเลของอ่าวไทยก่อนที่จะเดินทางถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา. ใน 1352 เขาวางล้อมยโสธรปุระ เขาประสบความสำเร็จในปีต่อไปและวางไว้หนึ่งในบุตรชายของเขาบนบัลลังก์ แต่พวกเขาเท่านั้นที่จะสามารถที่จะทำให้บัลลังก์จนกว่า 1357 เมื่อเขมรก็สามารถที่จะฟื้นมัน [4]:. 236 พระรามาธิบดีที่การตายของจุดประกายความขัดแย้งสืบทอด ในขั้นต้นลูกชายของเขากษัตริย์ราเมศวรกลายเป็นผู้ปกครองของกรุงศรีอยุธยา แต่กษัตริย์ราเมศวรภายหลังสละราชสมบัติในความโปรดปรานของพี่ชายในกฎหมายพระรามาธิบดีที่กษัตริย์ Borommaracha I. การแข่งขันราชบัลลังก์นี้อาจได้รับความสงบสุขหรือมันอาจจะเป็นเลือด. [3] : 29

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตามไปที่รู้จักกันดีแหล่งศตวรรษที่สิบเจ็ดบัญชีโดย Dutchman เยเรเมียส ฟาน ฟลีต ตำนานที่มีชื่อเสียงกล่าวว่า รามาธิบดีเป็นชาวจีนได้แล่นลงมาจากประเทศจีน หลังจากประสบความสำเร็จในการค้า เขาก็มีอิทธิพลมากพอที่จะปกครองเมืองเพชรบุรี เมืองชายฝั่งทะเลของอ่าวไทย ก่อนที่จะเดินทางถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กำ

ในเขาก็บุกไปต่อมทอนซิล .เขาประสบความสำเร็จในปีต่อไป และ วาง หนึ่งในลูกชายของเขาบนบัลลังก์ อย่างไรก็ตาม , พวกเขาเป็นเพียงสามารถที่จะรักษาบัลลังก์จน 1163 เมื่อเขมรสามารถฟื้นมัน . [ 4 ] : 236

พระรามาธิบดีตายจุดประกายความขัดแย้งเหนือบัลลังก์ เริ่มแรก , ลูกชายกษัตริย์กรุงศรีอยุธยาเป็นไม้บรรทัดของอยุธยา แต่กษัตริย์กรุงศรีอยุธยาต่อมาสละราชสมบัติในความโปรดปรานของพระราชาธิบดี ของพี่เขยกษัตริย์ borommaracha ผมนี้ไม่มีบัลลังก์อาจจะสงบ หรืออาจมีเลือด [ 3 ] : 29