Advantages of Organic FarmingLower

Advantages of Organic Farming
Lower Growing Cost: The economics of organic farming is characterized by increasing profits via reduced water use, lower expenditure on fertilizer and energy, and increased retention of topsoil. To add to this the increased demand for organic produce makes organic farming a profitable option for farmers.
Enhances Soil Nourishment: Organic farming effectively addresses soil management. Even damaged soil, subject to erosion and salinity, are able to feed on micro-nutrients via crop rotation, inter-cropping techniques and the extensive use of green manure. The absence of chemicals in organic farming does not kill microbes which increase nourishment of the soil.
Resistance to Disease and Pest: Farming the organic way enables farmers to get rid of irksome weeds without the use of any mechanical and chemical applications. Practices such as hand-weeding and soil enhancement with mulch, corn gluten meal, garlic and clove oil, table salt and borax not only get rid of weeds and insects, but also guarantee crop quality.
Increased Drought Tolerance: Organically grown plants are more drought tolerant. The soluble salts in cells of fertilizers-fed plants are unable to osmotically draw sufficient water to maintain safe dilution, thereby increasing the salt content. This salt level reaches toxic levels and result in the death of plants.
Environment-friendly Practices: The use of green pesticides such as neem, compost tea and spinosad is environment-friendly and non-toxic. These pesticides help in identifying and removing diseased and dying plants in time and subsequently, increasing crop defense systems.
Disadvantages of Organic Farming
Lower Productivity: An organic farm cannot produce as much yield as a conventional or industrialized farm. A 2008 survey and study conducted by the UN Environmental Program concluded that organic methods of farming result in small yields even in developing areas, compared to conventional farming techniques. Though this point is debatable as the productivity and soil quality of an industrialized farm decreases rapidly over the years.
Requires Skill: An organic farmer requires greater understanding of his crop and needs to keep a close watch on his crops as there are no quick fixes involved, like pesticides or chemical fertilizers. Sometimes it can be hard to meet all the strenuous requirements and the experience to carry out organic farming.
Time-consuming: Significant amounts of time and energy are required to execute the detailed methods and techniques that are required for a farm to be called an organic farm. Failure to comply with any of these requirements could result in loss of certification, which the farmer will not be able to regain in up to three years.
The Father of the Modern Green Revolution, Norman Borlaug, argues that while organic farming practices are capable of catering to the demands of a very small consumer fraction, the expanding cropland is dramatically destroying world ecosystems. Research conducted by the Danish Environmental Protection Agency revealed that organic agriculture is hardly able to address or combat global climate change. Though regenerative organic farming practices are recognized as effective strategies for reducing CO2 emissions to an extent, the impact is not dramatic. Nevertheless, despite the various advantages and disadvantages of organic farming, farms where organic methods for cropping are experimented with, display more profitability than conventional farms. Organic agriculture is definitely more sustainable in the long run, improving soil fertility and terrain drought resistance greatly. These farming practices completely waive off external costs, incurred due to investment in chemical pesticides and nutrient runoff, and a number of health issues that result from agrochemical residue.
Read more at Buzzle:

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ข้อดีของการทำเกษตรอินทรีย์ต้นทุนต่ำ Growing: เศรษฐศาสตร์ของเกษตรอินทรีย์โดยการเพิ่มผลกำไรผ่านการใช้น้ำลดลง ลดค่าใช้จ่ายปุ๋ยและพลังงาน และเพิ่มรักษา topsoil เพิ่มนี้ ขึ้นสำหรับผลิตอินทรีย์ทำเกษตรอินทรีย์เกษตรตัวกำไรสำหรับเกษตรกรช่วยบำรุงดิน: ทำฟาร์มเกษตรอินทรีย์อย่างมีประสิทธิภาพอยู่จัดการดิน ดินแม้เสียหาย พังทลายและเค็ม จะกินสารอาหารไมโครผ่านการปลูกพืชหมุนเวียน ครอบระหว่างเทคนิคและใช้มูลเขียว ของสารเคมีในการเกษตรอินทรีย์ฆ่าจุลินทรีย์ที่เพิ่มการบำรุงดินทนต่อโรคและแมลง: การเกษตรแบบอินทรีย์ให้เกษตรกรจะกำจัดวัชพืช irksome โดยไม่มีการใช้งานเครื่องจักรกล และสารเคมีใด ๆ ปฏิบัติเช่นปรับมือ weeding และดิน mulch ข้าวโพด gluten อาหาร กระเทียม และน้ำมันกานพลู เกลือ และ borax ไม่เพียงแต่กำจัดวัชพืชและแมลง แต่ยัง รับประกันคุณภาพตัดเพิ่มทนแล้ง: Organically ปลูกจะทนกับภัยแล้งเพิ่มเติม เกลือละลายน้ำในเซลล์ของพืชปุ๋ยเลี้ยงไม่สามารถตักน้ำพอเจือจางปลอดภัย จึงช่วยเพิ่มเนื้อหาเกลือรักษา osmotically ระดับนี้เกลือถึงระดับที่เป็นพิษและผลในการตายของพืชสิ่งแวดล้อมปฏิบัติ: การใช้สารกำจัดศัตรูพืชสีเขียวเช่นสะเดา ปุ๋ยชา และ spinosad เป็นสิ่งแวดล้อม และไม่เป็นพิษ ยาฆ่าแมลงเหล่านี้ช่วยในการระบุ และการเอาออกการป่วย และตายพืช ในเวลา และในเวลาต่อ มา การเพิ่มระบบป้องกันของพืชข้อเสียของเกษตรอินทรีย์ประสิทธิภาพต่ำ: ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ไม่สามารถผลิตผลตอบแทนมากเป็นฟาร์มทั่วไป หรืออุตสาหกรรม การสำรวจและดำเนินการ โดยสหประชาชาติด้านสิ่งแวดล้อมศึกษา 2008 สรุปว่า ผลขนาดเล็กผลผลิตในพื้นที่ การพัฒนาเกษตรอินทรีย์วิธีเปรียบเทียบกับเทคนิคการทำนาทั่วไป แม้ว่า จุดนี้เป็นคุยคุณภาพดินและผลผลิตของฟาร์มการอุตสาหกรรมลดลงอย่างรวดเร็วปีนี้ต้องการทักษะ: เป็นเกษตรกรอินทรีย์ต้องเข้าใจของพืชของเขา และต้องเก็บนาฬิกาปิดบนไร่เนื่องจากมีการแก้ไขอย่างรวดเร็วไม่เกี่ยวข้อง เช่นยาฆ่าแมลงหรือปุ๋ยเคมี บางครั้งสามารถยากที่จะตอบสนองความต้องที่ต้องใช้ความพยายามและประสบการณ์เพื่อดำเนินการเกษตรอินทรีย์เวลา: จำนวนเวลาและพลังงานอย่างมีนัยสำคัญจะต้องดำเนินการรายละเอียดวิธีการและเทคนิคที่จำเป็นสำหรับฟาร์มที่จะได้ชื่อว่าเป็นฟาร์มเกษตรอินทรีย์ ความล้มเหลวเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการเหล่านี้อาจทำสูญเสียใบรับรอง ซึ่งเกษตรกรจะไม่สามารถฟื้นในสามปีพ่อของทันสมัยกรีปฏิวัติ นอร์แมนบอร์ล็อก จนว่า แนวทางเกษตรอินทรีย์ มีความสามารถในการจัดเลี้ยงเพื่อความต้องการของผู้บริโภคเล็ก ๆ เศษ cropland ขยายตัวเป็นอย่างมากทำลายระบบนิเวศของโลก งานวิจัยที่ดำเนินการ โดยหน่วยงานป้องกันสิ่งแวดล้อมเดนมาร์กเปิดเผยว่า เกษตรอินทรีย์ไม่สามารถแก้ไข หรือต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก แม้ปฏิบัติสำหรับเกษตรอินทรีย์มีการรับรู้เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพการลดการปล่อย CO2 เพื่อเป็นขอบเขต ผลกระทบได้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม แม้ มีข้อดีและข้อเสียของเกษตรอินทรีย์ต่าง ๆ ฟาร์มซึ่งเบื้องวิธีอินทรีย์สำหรับการปลูกพืช ด้วย แสดงผลกำไรเพิ่มมากขึ้นกว่าฟาร์มทั่วไป เกษตรอินทรีย์ได้อย่างยั่งยืนแน่นอนมากขึ้นในระยะยาว ปรับปรุงดินความอุดมสมบูรณ์และภูมิประเทศแล้งต้านทานมาก ปฏิบัติการทำการเกษตรเหล่านี้ทั้งหมดยกเว้นปิดต้นทุนภายนอก เกิดขึ้นเนื่องจากการลงทุนในยาฆ่าแมลงสารเคมีและธาตุอาหารที่ไหลบ่า และจำนวนสุขภาพปัญหาซึ่งเป็นผลจากสารตกค้างเคมีเกษตรอ่านเพิ่มเติมที่ Buzzle:

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ข้อดีของเกษตรอินทรีย์ที่ต่ำกว่าการเติบโตค่าใช้จ่าย: เศรษฐศาสตร์เกษตรอินทรีย์เป็นลักษณะการเพิ่มผลกำไรผ่านการใช้น้ำลดลงค่าใช้จ่ายที่ลดลงในปุ๋ยและพลังงานที่เพิ่มขึ้นและการเก็บรักษาดิน
เพื่อเพิ่มนี้ความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ทำให้การทำเกษตรอินทรีย์เป็นตัวเลือกที่ให้ผลกำไรสำหรับเกษตรกร.
ช่วยบำรุงดิน: การทำเกษตรอินทรีย์อย่างมีประสิทธิภาพที่อยู่ในการจัดการดิน แม้ดินที่เสียหายอาจมีการกัดเซาะและความเค็มสามารถที่จะกินสารอาหารขนาดเล็กผ่านการปลูกพืชหมุนเวียนเทคนิคระหว่างการปลูกพืชและการใช้งานที่กว้างขวางของปุ๋ยพืชสด กรณีที่ไม่มีการใช้สารเคมีในการทำเกษตรอินทรีย์ไม่ได้ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่เพิ่มสารอาหารของดิน.
ความต้านทานต่อโรคและศัตรูพืช: เกษตรกรรมอินทรีย์วิธีที่จะช่วยให้เกษตรกรที่จะได้รับการกำจัดวัชพืชโดยไม่ต้องใช้น่าเบื่อของการใช้งานเครื่องจักรกลและสารเคมีใด ๆ การปฏิบัติเช่นมือกำจัดวัชพืชและการเพิ่มประสิทธิภาพดินที่มีคลุมด้วยหญ้าอาหารตังข้าวโพดกระเทียมและน้ำมันกานพลู, เกลือและสารบอแรกซ์ไม่เพียง แต่ได้รับการกำจัดวัชพืชและแมลง แต่ยังรับประกันคุณภาพพืช.
ที่เพิ่มขึ้นความแห้งแล้งความคลาดเคลื่อนยินยอมปลูกพืชอินทรีย์มีความแห้งแล้งมากขึ้น ใจกว้าง. เกลือที่ละลายน้ำได้ในเซลล์ของพืชปุ๋ยเลี้ยงไม่สามารถที่จะ osmotically ตักน้ำเพียงพอที่จะรักษาความปลอดภัยในการเจือจางจึงช่วยเพิ่มปริมาณเกลือ ระดับเกลือนี้ถึงระดับที่เป็นพิษและผลในการตายของพืช.
วิธีปฏิบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: การใช้สารกำจัดศัตรูพืชสีเขียวเช่นสะเดาปุ๋ยหมักชาและ spinosad เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลอดสารพิษ สารกำจัดศัตรูพืชเหล่านี้จะช่วยในการระบุและลบที่เป็นโรคและตายพืชในเวลาและภายหลังการเพิ่มระบบป้องกันพืช.
ข้อเสียของเกษตรอินทรีย์ที่ต่ำกว่าการผลิต: การฟาร์มเกษตรอินทรีย์ไม่สามารถผลิตผลผลิตมากที่สุดเท่าที่ฟาร์มธรรมดาหรืออุตสาหกรรม
การสำรวจปี 2008 และจากการศึกษาโดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติได้ข้อสรุปว่าวิธีอินทรีย์ผลการเกษตรในอัตราผลตอบแทนเล็ก ๆ แม้กระทั่งในการพัฒนาพื้นที่เมื่อเทียบกับเทคนิคการทำการเกษตรแบบเดิม .
แม้ว่าจุดนี้เป็นที่ถกเถียงกันในขณะที่การผลิตและคุณภาพดินของฟาร์มอุตสาหกรรมลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีต้องใช้ทักษะ: การเกษตรกรอินทรีย์ต้องมีความเข้าใจมากขึ้นของการเพาะปลูกของเขาและความต้องการที่จะให้ดูใกล้ชิดกับพืชของเขาที่ไม่มีการแก้ไขอย่างรวดเร็วมีส่วนร่วม เช่นสารกำจัดศัตรูพืชหรือปุ๋ยเคมี บางครั้งก็ยากที่จะตอบสนองทุกความต้องการพลังและประสบการณ์ในการดำเนินการทำเกษตรอินทรีย์.
เวลาที่ใช้: จำนวนเงินสำคัญของเวลาและพลังงานจะต้องดำเนินการวิธีการรายละเอียดและเทคนิคที่จำเป็นสำหรับฟาร์มที่จะเรียกว่าอินทรีย์ ฟาร์ม. ล้มเหลวในการปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียของการรับรองซึ่งเกษตรกรจะไม่สามารถที่จะฟื้นได้ถึงสามปีที่ผ่านมา.
พ่อของโมเดิร์นการปฏิวัติเขียวนอร์แมน Borlaug ระบุว่าในขณะที่การปฏิบัติที่ทำเกษตรอินทรีย์ที่มีความสามารถ ที่จัดไว้ให้ความต้องการของผู้บริโภคส่วนขนาดเล็กมากที่ cropland ขยายอย่างมากคือการทำลายระบบนิเวศของโลก วิจัยดำเนินการโดยหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเดนมาร์กเปิดเผยว่าเกษตรอินทรีย์คือแทบจะไม่สามารถที่จะอยู่หรือต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก แม้ว่าการปฏิรูปการปฏิบัติการทำเกษตรอินทรีย์จะรับรู้เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการลดการปล่อย CO2 ในขอบเขตผลกระทบไม่ได้เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามแม้จะมีข้อดีต่างๆและข้อเสียของการทำเกษตรอินทรีย์ฟาร์มที่วิธีการปลูกพืชอินทรีย์มีการทดลองกับแสดงการทำกำไรมากขึ้นกว่าเดิมฟาร์ม เกษตรอินทรีย์แน่นอนมากขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาวในการปรับปรุงอุดมสมบูรณ์ของดินและความต้านทานภัยแล้งภูมิประเทศมาก การเลี้ยงเหล่านี้อย่างสมบูรณ์สละออกค่าใช้จ่ายภายนอกที่เกิดขึ้นจากการลงทุนในสารเคมีและสารอาหารที่ไหลบ่ามาและจำนวนของปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการตกค้างเคมีเกษตร.
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Buzzle:

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ข้อดีของการทำเกษตรอินทรีย์ ลดต้นทุน
: เศรษฐศาสตร์ของการทำฟาร์มเกษตรอินทรีย์เป็นลักษณะการเพิ่มผลกำไรผ่านการใช้น้ำ การใช้จ่ายที่ลดลงในปุ๋ยและพลังงาน และเพิ่มความคงทนของดิน . การเพิ่มนี้ความต้องการเพิ่มขึ้นสำหรับการผลิตอินทรีย์ทำให้เกษตรอินทรีย์ทางเลือกเพื่อประโยชน์ของเกษตรกร ช่วยบำรุงดิน
:การทำเกษตรอินทรีย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่อยู่การจัดการดิน แม้เสียหายเรื่องการกัดกร่อน และความเค็มของดิน สามารถเลี้ยงในสารอาหารขนาดเล็กผ่านการปลูกพืชหมุนเวียนเทคนิคระหว่างการปลูกพืชและการใช้ที่กว้างขวางของปุ๋ยพืชสด ไม่มีสารเคมีในการทำเกษตรอินทรีย์ที่ไม่ฆ่าจุลินทรีย์ที่เพิ่มสารอาหารในดิน .
ความต้านทานต่อโรคและศัตรูพืช :การเกษตรทางอินทรีย์ช่วยให้เกษตรกรกำจัดวัชพืชที่น่ารำคาญโดยไม่ใช้เครื่องจักรใด ๆและการประยุกต์ทางเคมี . การปฏิบัติเช่นมือกำจัดวัชพืชและเสริมด้วยดินปุ๋ยข้าวโพด gluten อาหาร , กระเทียมและน้ำมันกานพลู , เกลือตารางและบอแรกซ์ไม่เพียงกำจัดวัชพืชและแมลง แต่ก็รับประกันคุณภาพพืชทนแล้ง : .
เพิ่มขึ้นซึ่งปลูกพืชฤดูแล้งมากกว่าใจกว้าง . เกลือที่ละลายน้ำได้ในเซลล์ของปุ๋ยอาหารพืชสามารถ osmotically ตักน้ำที่เพียงพอที่จะรักษาสัดส่วนปลอดภัย จึงเพิ่มปริมาณเกลือ ระดับเกลือนี้ถึงระดับที่เป็นพิษและผลในการตายของพืช การปฏิบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม :
ใช้ยาฆ่าแมลงสีเขียว เช่น สะเดา ,ชาปุ๋ยหมักและ spinosad เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และไม่เป็นพิษ สารกำจัดศัตรูพืชเหล่านี้ช่วยในการระบุและลบพืชป่วยและเสียชีวิตในเวลาต่อมา เพิ่มระบบป้องกันพืชเกษตรอินทรีย์
.
ข้อเสียของผลผลิตกว่าอินทรีย์ไม่สามารถฟาร์มผลิตผลผลิตมากเป็นปกติหรืออุตสาหกรรมฟาร์ม2008 การศึกษาและสำรวจที่จัดทำโดยสหประชาชาติด้านสิ่งแวดล้อมโครงการสรุปได้ว่า วิธีการของเกษตรอินทรีย์ ผลผลผลิตขนาดเล็กแม้ในการพัฒนาพื้นที่ เมื่อเทียบกับเทคนิคการเลี้ยงแบบดั้งเดิม แต่ประเด็นนี้เป็นที่ถกเถียงกัน เช่น ประสิทธิภาพและคุณภาพของดินฟาร์มอุตสาหกรรมลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงปี .
ต้องใช้ทักษะ :เกษตรกรอินทรีย์ต้องมีความเข้าใจมากขึ้นของพืชของเขาและต้องการที่จะจับตาดูพืชของเขาไม่มีการแก้ไขด่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น ยาฆ่าแมลง หรือปุ๋ยเคมี บางครั้งก็สามารถยากที่จะตอบสนองทุกความต้องการและประสบการณ์จากเนิน
เสียเวลา : เกษตรอินทรีย์เงินที่สำคัญของเวลาและพลังงานที่ต้องใช้รายละเอียดวิธีการและเทคนิคที่จำเป็นสำหรับฟาร์มที่จะเรียกว่าเป็นฟาร์มอินทรีย์ ความล้มเหลวเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการเหล่านี้อาจส่งผลในการสูญเสียของการรับรอง ซึ่งเกษตรกรจะไม่สามารถฟื้นได้ถึงสามปี
พ่อของการปฏิวัติเขียว นอร์แมน บอร์ลอก , ทันสมัย ,ระบุว่าในขณะที่ปฏิบัติเกษตรอินทรีย์จะสามารถรองรับความต้องการของผู้บริโภค ส่วนขนาดเล็กมาก การขยาย cropland เป็นอย่างมาก ทำลายระบบนิเวศของโลก การวิจัยที่จัดทำโดยหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเดนมาร์กพบว่าเกษตรอินทรีย์จะสามารถแก้ไขหรือต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกแม้ว่าตลาดเกษตรอินทรีย์การปฏิบัติได้รับการยอมรับเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดการปล่อย CO2 มีขอบเขตผลกระทบที่ไม่ใช่ละคร อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข้อดีและข้อเสียต่าง ๆของการทำเกษตรอินทรีย์ ฟาร์ม ซึ่งวิธีการอินทรีย์สำหรับการปลูกพืชทดลอง แสดงผลกำไรมากกว่าฟาร์มธรรมดาเกษตรอินทรีย์จะยั่งยืนกว่าในระยะยาว การปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินและภูมิประเทศต้านทานแล้งอย่างมาก เกษตรการปฏิบัติอย่างสมบูรณ์ยกเว้นปิดต้นทุนภายนอกที่เกิดจากการลงทุนในยาฆ่าแมลงสารเคมีและน้ำ สารอาหาร และจำนวนของปัญหาที่เกิดจากสารเคมีตกค้าง สุขภาพ อ่านเพิ่มเติมที่ Buzzle :