body. An active bleed caused by ant

body. An active bleed caused by anticoagulation
therapy, coumarin-like drugs, is most commonly
monitored by the international normalized ratio
(INR) laboratory test.
International Normalized Ratio (INR) In 1983,
the World Health Organization Committee on
Biological Standards established a more precise
laboratory testing method, the INR, to monitor
patients taking anticoagulation drugs (warfarin
therapy). Consequently, laboratory materials
(thromboplastin reagents) and laboratory
techniques were internationally instituted for the
purpose of standardizing the assigned values.
Patients with a normal coagulation profile result
in an INR value of 1.0.11,14 The “low intensity” INR
range is between 2.0 and 3.0; and the “highintensity”
INR range is between 2.5 and 3.5.
What governs the intensity of anticoagulation
therapy? The intensity is determined by the
patient’s predisposition to abnormal clotting.
Patients diagnosed at high risk clot formation,
will require higher intensity of anticoagulation.4
From a pharmacological standpoint, anticoagulant
drugs inactivate Factor VII within the extrinsic
pathway by inhibiting Vitamin K action; Vitamin K
is required by the liver to synthesize Factor VII.
Activated Partial Thromboplastin Time
(aPTT) also measures the patient’s ability to
effectively form a definitive clot by evaluating
the effectiveness of the intrinsic and common
pathways of the coagulation cascade.2,5,9 It
tests for deficiencies in the intrinsic pathway,
specifically factors VIII, IX, XI, XIII; and
deficiencies in the common pathway, specifically
factors V and X, prothrombin and fibrinogen. A
normal aPTT is usually 25 to 40 seconds.8 The
aPTT is the laboratory test most often used
by physicians to monitor heparin therapy and
to diagnose the hemophilias, which result in a
prolonged or increased aPTT time.2,9,11
Thrombin Time laboratory test assesses the
conversion of fibrinogen to insoluble fibrin by
adding thrombin to the patient’s blood sample.2,8
Specifically, this test bypasses the extrinsic,
intrinsic and common pathways to determine the
stability of the clot. Normally, the range of this
test is between 9 and 13 seconds.2 A prolonged
time, in excess of 16 to 18 seconds, is considered
abnormal.2
Common Bleeding Disorders
Excessive or prolonged bleeding may result from:
1. extremely fragile blood vessels;
2. decreased number of platelets or impaired
platelet function;
3. abnormalities in the blood clotting coagulation
factors;
4. defects in the fibrinolytic pathway; or
5. a combination of these.
The following information provides an overview of
the various abnormalities in the hemostatic system.
Blood Vessel Wall Abnormalities
Blood vessel wall abnormalities, or increased
fragility of the blood vessels, are relatively common
but do not usually cause a serious bleed. When
evaluating the laboratory tests for this condition,
one can expect a normal platelet count, bleeding
time and coagulation times (PT and aPTT).
Pathophysiologically, this condition manifests
itself by observable extraoral and intraoral signs
of hemorrhage: Petechiae and ecchymosis are
found in the skin or on the mucous membranes,
particularly on the gingiva. Very rarely, significant
hemorrhage may occur, particularly in the joints,
muscles, and subperiosteal locations. Excessive
bleeding may also take the form of menorrhagia
(abnormal long and heavy menstrual periods),
nosebleeds, gastrointestinal bleeding, or hematuria
(abnormal presence of blood in the urine).5
Causes of Blood Vessel Wall Abnormalities5
• Infections (i.e. septicemia, infective endocarditis,
several forms of rickettsioses)
• Drug reactions (i.e. hypersensitivity vasculitis)
• Scurvy, Henoch-Schönlein purpura
• Hereditary hemorrhagic conditions.
Platelet Related Bleeding Disorders
Thrombocytopenia
The important role of platelets in hemostasis is
to form the temporary hemostatic plug, primarily
requiring a sufficient number of platelets. When
a quantitative reduction of platelets exists, it
can result in a significant cause of generalized
bleeding. Patients presenting with a platelet count
of less than 100,000 cells/mm3 are diagnosed with
thrombocytopenia. When the platelet count is
under 50,000 cells/mm3, bleeding will be excessive
postoperatively; thus, a platelet transfusion may be

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ร่างกาย บลีใช้งานอยู่เกิดจาก anticoagulationบำบัด coumarin เหมือนยาเสพติด มีมากที่สุดตรวจสอบอัตราส่วนมาตรฐานนานาชาติห้องปฏิบัติการทดสอบ (inr.)นานาชาติตามปกติอัตราส่วน (inr.) 1983โลกสุขภาพองค์กรคณะกรรมการมาตรฐานชีวภาพก่อตั้งชัดเจนยิ่งขึ้นห้องปฏิบัติการทดสอบวิธี inr. การตรวจสอบผู้ป่วยที่ใช้ยา anticoagulation (วาร์ฟารินบำบัด) ดังนั้น ห้องปฏิบัติการวัสดุ(thromboplastin reagents) และห้องปฏิบัติการเทคนิคได้ในระดับสากลโลกสำหรับการวัตถุประสงค์ของการ standardizing ค่าที่กำหนดผู้ป่วยที่ มีการแข็งตัวของเลือดปกติผลของโพรไฟล์ในค่า inr.ของ 1.0.11,14 "ความเข้มต่ำ" inrช่วงอยู่ระหว่าง 2.0 และ 3.0 และ "highintensity"Inr.ช่วงระหว่าง 2.5 และ 3.5 ได้อะไรควบคุมความเข้มของ anticoagulationบำบัดหรือไม่ ความรุนแรงเป็นไปตามผู้ป่วย predisposition การแข็งตัวผิดปกติผู้ป่วยการวินิจฉัยที่ก่อความเสี่ยงสูง clotจะต้องมีความเข้มสูงของ anticoagulation.4จากอัน pharmacological, anticoagulantยายกปัจจัย VII ในการสึกหรอทางเดิน โดย inhibiting ดำเนินการวิตามิน K วิตามิน Kจำเป็นต้องใช้ตับสังเคราะห์ปัจจัย VIIเรียกใช้เวลาบางส่วน Thromboplastin(aPTT) วัดความสามารถของผู้ป่วยไปยังแบบฟอร์ม clot ทั่วไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการประเมินประสิทธิภาพของ intrinsic และทั่วไปหลักของ cascade.2,5,9 แข็งตัวนั้นทดสอบการข้ามทางเดิน intrinsicโดยเฉพาะปัจจัยที่ VIII, IX, XI, XIII และข้ามทางเดินทั่วไป โดยเฉพาะปัจจัย V และ X, prothrombin และไฟบริโนเจน AaPTT ปกติโดยปกติ seconds.8 25 40aPTT เป็นการทดสอบห้องปฏิบัติการที่ใช้บ่อยที่สุดโดยแพทย์ตรวจรักษาเฮพาริน และวินิจฉัย hemophilias ที่ทำการtime.2,9,11 aPTT นาน หรือเพิ่มขึ้นดำรงชีวิต thrombin เวลาห้องปฏิบัติการทดสอบแปลงไฟบริโนเจน fibrin ละลายโดยเพิ่ม thrombin sample.2,8 เลือดของผู้ป่วยการทดสอบนี้แรมสึกหรอ โดยเฉพาะมนต์ intrinsic และทั่วไปเพื่อตรวจสอบการความมั่นคงของการ clot โดยปกติ ช่วงนี้ทดสอบอยู่ระหว่าง 9 และ A 13 seconds.2 เป็นเวลานานพิจารณาเวลา เกินกว่าวินาทีที่ 16-18abnormal.2ความผิดปกติมีเลือดออกทั่วไปเลือดออกมากเกินไป หรือเป็นเวลานานอาจเกิดจาก:1. มากบอบบางเลือด2. จำนวนของเกล็ดเลือดลดลง หรือความบกพร่องทางด้านเกล็ดเลือดฟังก์ชัน3. ความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือดการแข็งตัวของเลือดปัจจัย4. ข้อบกพร่องในทางเดิน fibrinolytic หรือ5.ชุดเหล่านี้ข้อมูลต่อไปนี้แสดงภาพรวมของความผิดปกติต่าง ๆ ในระบบ hemostaticความผิดปกติของผนังเส้นเลือดหลอดเลือดผนังผิดปกติ หรือเพิ่มขึ้นความของเลือด มีทั่วไปค่อนข้างแต่ไม่ปกติทำให้เกิดบลีอย่างจริงจัง เมื่อประเมินห้องปฏิบัติการทดสอบในสภาพนี้หนึ่งสามารถคาดหวังนับเกล็ดเลือดปกติ มีเลือดออกเวลาและการแข็งตัวของเลือดเวลา (PT และ aPTT)Pathophysiologically เงื่อนไขนี้ปรากฏตัวเอง โดยสัญญาณ extraoral และ intraoral observableของการตกเลือด: Petechiae และ ecchymosisพบ ในผิว หรือ เมือกโดยเฉพาะอย่างยิ่งบน gingiva ไม่ค่อยมาก อย่างมีนัยสำคัญการตกเลือดอาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อต่อกล้ามเนื้อ และสถาน subperiosteal มากเกินไปมีเลือดออกอาจใช้รูปแบบของ menorrhagia(ปกติยาว และหนักงวดประจำเดือน),nosebleeds ระบบเลือด หรือ hematuria(สถานะผิดปกติของเลือดในปัสสาวะ) ครั้งที่ 5สาเหตุของหลอดเลือดผนัง Abnormalities5•การติดเชื้อ (เช่นบริการ infective เยื่อบุหัวใจอักเสบแบบฟอร์มต่าง ๆ ของ rickettsioses)•ยาปฏิกิริยา (เช่น vasculitis ที่ไวต่อยา)Purpura •โรคลักปิดลักเปิด Henoch-Schönleinสภาพเลือดออกรัชทายาทแห่ง•เกล็ดเลือดที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของเลือดเกล็ดเลือดน้อยบทบาทสำคัญของเกล็ดเลือดใน hemostasisแบบปลั๊ก hemostatic ชั่วคราว เป็นหลักต้องใช้จำนวนเกล็ดเลือดเพียงพอ เมื่อลดปริมาณของเกล็ดเลือดอยู่ มันสามารถทำให้เป็นสาเหตุสำคัญของการตั้งค่าทั่วไปมีเลือดออก ผู้ป่วยที่นำเสนอ มีจำนวนเกล็ดเลือดของน้อยกว่า 100000 เซลล์/mm3 ได้รับการวินิจฉัยด้วยเกล็ดเลือดมีการ เมื่อมีการนับจำนวนเกล็ดเลือดเลือดจะมีเซลล์ต่ำกว่า 50000/mm3 มากเกินไปpostoperatively ดังนั้น การฉีดเกล็ดเลือดอาจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ร่างกาย เลือดออกที่เกิดจากการใช้งาน anticoagulation
บำบัดยาเสพติด coumarin เหมือนกันมากที่สุดคือการ
ตรวจสอบโดยอัตราส่วนปกติระหว่างประเทศ
(INR) การทดสอบในห้องปฏิบัติการ.
อัตราส่วนระหว่างปกติ (INR) ในปี 1983
คณะกรรมการองค์การอนามัยโลกใน
มาตรฐานทางชีวภาพที่จัดตั้งขึ้นที่แม่นยำยิ่งขึ้น
ในห้องปฏิบัติการ วิธีการทดสอบ, INR เพื่อตรวจสอบ
ผู้ป่วยที่ใช้ยาเสพติด anticoagulation (warfarin
การบำบัด) ดังนั้นวัสดุที่ห้องปฏิบัติการ
(น้ำยา thromboplastin) และห้องปฏิบัติการ
เทคนิคการถูกก่อตั้งในระดับสากลสำหรับ
วัตถุประสงค์ของการกำหนดมาตรฐานค่าที่ได้รับมอบหมาย.
ผู้ป่วยที่มีผลรายละเอียดการแข็งตัวปกติ
ในค่า INR ของ 1.0.11,14 "ความเข้มต่ำ" INR
ช่วงอยู่ระหว่าง 2.0 และ 3.0; และ "highintensity"
ช่วง INR อยู่ระหว่าง 2.5 และ 3.5.
สิ่งที่มีอิทธิพลต่อความรุนแรงของการแข็งตัวของเลือด
การรักษาด้วย? ความรุนแรงจะถูกกำหนดโดย
. จูงใจของผู้ป่วยที่จะแข็งตัวผิดปกติ
ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยที่มีความเสี่ยงสูงลิ่มก่อตัว
จะต้องมีความเข้มสูงขึ้นของ anticoagulation.4
จากมุมมองเภสัชวิทยา anticoagulant
ยายับยั้งปัจจัยปกเกล้าเจ้าอยู่หัวภายในภายนอก
ทางเดินโดยการยับยั้งการกระทำวิตามิน K; วิตามิน K
ที่จำเป็นโดยตับการสังเคราะห์ปัจจัยปกเกล้าเจ้าอยู่หัว.
เวลา Thromboplastin บางส่วน Activated
(aPTT) นอกจากนี้ยังวัดความสามารถของผู้ป่วยที่จะ
ได้อย่างมีประสิทธิภาพในรูปแบบก้อนที่ชัดเจนโดยการประเมิน
ประสิทธิผลของการร่วมกันภายในและ
ทางเดินของ cascade.2,5,9 แข็งตัว มัน
ทดสอบสำหรับข้อบกพร่องในทางเดินที่แท้จริง,
โดยเฉพาะปัจจัย VIII, IX, จินสิบสาม; และ
ข้อบกพร่องในทางเดินร่วมกันโดยเฉพาะ
ปัจจัย V และ X, prothrombin และ fibrinogen
aPTT ปกติมักจะเป็น 25-40 seconds.8
aPTT คือการทดสอบในห้องปฏิบัติการส่วนใหญ่มักจะใช้
โดยแพทย์ในการตรวจสอบการรักษาด้วยยา heparin และ
การวินิจฉัย hemophilias ซึ่งส่งผลให้เกิด
เป็นเวลานานหรือเพิ่มขึ้น aPTT time.2,9,11
Thrombin เวลาในห้องปฏิบัติการ การทดสอบการประเมิน
การเปลี่ยนแปลงของ fibrinogen เพื่อไฟบรินที่ไม่ละลายน้ำโดย
การเพิ่ม thrombin เพื่อ sample.2,8 เลือดของผู้ป่วย
โดยเฉพาะการทดสอบนี้ทะลุภายนอก,
ภายในและทางเดินร่วมกันเพื่อตรวจสอบ
ความมั่นคงของก้อน โดยปกติช่วงนี้
อยู่ระหว่างการทดสอบ 9 และ 13 seconds.2 เป็นเวลานาน
เวลาเกิน 16-18 วินาทีถือว่าเป็น
abnormal.2
เลือดออกผิดปกติสามัญ
มากเกินไปหรือมีเลือดออกเป็นระยะเวลานานอาจเกิดจาก:
1 เส้นเลือดเปราะบางมาก;
2 จำนวนที่ลดลงของเกล็ดเลือดหรือความบกพร่อง
การทำงานของเกล็ดเลือด;
3 ความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือดแข็งตัว
ปัจจัย
4 ข้อบกพร่องในทางเดิน fibrinolytic; หรือ
5 การรวมกันของเหล่านี้.
ข้อมูลต่อไปนี้ให้ภาพรวมของ
ความผิดปกติต่าง ๆ ในระบบห้ามเลือด.
เลือดเรือผนังผิดปกติ
ในเลือดผิดปกติของผนังหลอดเลือดหรือเพิ่ม
ความเปราะบางของเส้นเลือดที่มีค่อนข้างทั่วไป
แต่มักจะไม่ก่อให้เกิดเลือดออกรุนแรง เมื่อ
ประเมินผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการสำหรับสภาพนี้
หนึ่งสามารถคาดหวังการนับเกล็ดเลือดปกติมีเลือดออก
. และเวลาและเวลาการแข็งตัว (PT และ aPTT)
Pathophysiologically สภาพนี้ปรากฏ
ตัวเองโดยอาการที่สังเกตได้ extraoral และช่องปาก
ของตกเลือด: Petechiae และ ecchymosis จะ
พบได้ใน ผิวหนังหรือเยื่อเมือก,
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับเหงือก น้อยมากที่สำคัญ
เลือดออกอาจเกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อต่อ
กล้ามเนื้อและสถานที่ subperiosteal มากเกินไป
เลือดออกอาจใช้รูปแบบของ menorrhagia
(มีประจำเดือนนานและหนักผิดปกติ),
เลือดกำเดาไหลเลือดออกในทางเดินอาหารหรือปัสสาวะ
(ปรากฏตัวที่ผิดปกติของเลือดในปัสสาวะ) 0.5
สาเหตุของการเกิดเลือดเรือผนัง Abnormalities5
•การติดเชื้อ (เช่นการติดเชื้อเยื่อบุหัวใจอักเสบติดเชื้อ ,
หลายรูปแบบริกเก็ตเซี)
•ปฏิกิริยายาเสพติด (เช่นแพ้ vasculitis)
•เลือดออกตามไรฟัน Henoch-Schönleinจ้ำ
•เงื่อนไขไข้เลือดออกกรรมพันธุ์.
เกล็ดเลือดออกผิดปกติที่เกี่ยวข้อง
thrombocytopenia
บทบาทที่สำคัญของเกล็ดเลือดในห้ามเลือดเป็น
ในรูปแบบปลั๊กห้ามเลือดชั่วคราวส่วนใหญ่
ต้องมีเพียงพอ จำนวนของเกล็ดเลือด เมื่อ
มีการลดปริมาณของเกล็ดเลือดที่มีอยู่ก็
สามารถทำให้เป็นสาเหตุสำคัญของการทั่วไป
มีเลือดออก ผู้ป่วยที่มีเกล็ดเลือด
ต่ำกว่า 100,000 เซลล์ / mm3 ได้รับการวินิจฉัยที่มี
เกล็ดเลือดต่ำ เมื่อนับเกล็ดเลือดเป็น
ภายใต้ 50,000 เซลล์ / mm3 เลือดออกจะมากเกินไป
หลังผ่าตัด; ดังนั้นการถ่ายเกล็ดเลือดอาจจะ