Despite an abundance of natural res

Despite an abundance of natural resources, Rakhine State is the second-poorest state in Burma. The simmering tension that exists between the Rakhine and stateless Rohingya communities has been stoked by poverty for decades. However, in June 2012 that tension boiled over. What began as inter-communal violence was followed by a wave of state-sponsored persecution of the Rohingya, along with a refusal to allow humanitarian agencies access to the northern part of the state, where the majority of Rohingya live. In October, Rohingya and other Muslim communities were attacked again, resulting in the destruction of thousands of houses, the displacement of tens of thousands of people, and an unknown number of deaths. In the state capital, Sittwe, tens of thousands of displaced Rohingya are now living in segregated, squalid camps outside of town and cut off from their livelihoods. The conflict has brought much-deserved international attention to the long-neglected situation of Burma’s Rohingya. The fact that it is taking place during a period of dramatic change in the country’s governance presents the world with a chance to finally put an end to discrimination against the Rohingya and restore their citizenship.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แม้ มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ รัฐยะไข่เป็นรัฐที่สองยากจนที่สุดในพม่า Stoked simmering ความตึงเครียดที่มีอยู่ระหว่างยะไข่และโรฮิงยาชุมชนคนไร้สัญชาติ โดยความยากจนในทศวรรษที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ใน 2012 มิถุนายนความตึงเครียดที่ต้มมากกว่า ที่เริ่มเป็นความรุนแรงระหว่างชุมชนได้ตามคลื่นของการประหัตประหารผู้ให้สนับสนุนสถานะของโรฮิงยา พร้อมปฏิเสธเพื่อให้หน่วยงานด้านมนุษยธรรมของรัฐ ส่วนใหญ่ของโรฮิงยาที่อยู่เหนือ ในเดือนตุลาคม โรฮิงยาและชุมชนมุสลิมอื่น ๆ ถูกโจมตีอีกครั้ง เป็นผลในการทำลายพันในบ้าน ย้ายของหมื่นคน และจำนวนเสียชีวิตที่ไม่รู้จัก ในเมืองหลวงของรัฐ Sittwe นับหมื่นของโรฮิงยาหน่วยขณะนี้อาศัยอยู่ในค่ายจำแนก ปรองดองจากตัวเมือง และตัดขาดจากวิถีชีวิตของพวกเขา ความขัดแย้งได้มามากสมควรสนใจต่างประเทศสถานการณ์ที่ไม่มีกิจกรรมยาวของโรฮิงยาของพม่า ความจริงที่ว่า มันกำลังทำช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศนำเสนอโลกกับโอกาสสุดท้ายตัดแบ่งแยกกับโรฮิงยา และคืนสัญชาติของพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แม้จะมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ, รัฐยะไข่เป็นรัฐที่ยากจนที่สุดที่สองในประเทศพม่า ความตึงเครียดที่คุกรุ่นที่อยู่ระหว่างยะไข่และชุมชนไร้สัญชาติโรฮิงยาได้รับความสุขโดยความยากจนมานานหลายทศวรรษ แต่ในเดือนมิถุนายน 2012 ที่ความตึงเครียดต้ม สิ่งที่เริ่มเป็นความรุนแรงระหว่างชุมชนตามมาด้วยคลื่นของการประหัตประหารรัฐสนับสนุนของโรฮิงยาพร้อมกับการปฏิเสธที่จะให้หน่วยงานด้านมนุษยธรรมเข้าถึงทางตอนเหนือของรัฐซึ่งส่วนใหญ่ของโรฮิงยาอาศัยอยู่ ในเดือนตุลาคมโรฮิงยาและชุมชนมุสลิมอื่น ๆ ที่ถูกโจมตีอีกครั้งส่งผลในการทำลายของพันของบ้านรางของนับหมื่นของผู้คนและไม่ทราบจำนวนผู้เสียชีวิต ในเมืองหลวงของรัฐ Sittwe, นับหมื่นของโรฮิงยาจะย้ายตอนนี้อยู่ในแยกค่ายน่าสงสารนอกเมืองและตัดออกไปจากวิถีชีวิตของพวกเขา ความขัดแย้งได้นำความสนใจมากสมควรกับสถานการณ์ยาวละเลยของโรฮิงยาในพม่า ความจริงที่มันเกิดขึ้นในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในการปกครองของประเทศที่มีการจัดโลกมีโอกาสที่จะในที่สุดก็หมดสิ้นไปการเลือกปฏิบัติต่อโรฮิงยาและเรียกคืนความเป็นพลเมืองของพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แม้จะมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ รัฐยะไข่ เป็นครั้งที่สองที่ยากจนที่สุดของรัฐในพม่า โดย simmering ความตึงเครียดที่มีอยู่ระหว่างชุมชนและเมืองยะไข่ไร้สัญชาติได้รับ stoked โดยความยากจนมานานหลายทศวรรษ อย่างไรก็ตาม ในเดือนมิถุนายน 2555 ว่า ความตึงเครียดต้มมากกว่า สิ่งที่เริ่มเป็นระหว่างชุมชนรุนแรงตามคลื่นของรัฐสนับสนุนการประหัตประหารของชาวโรฮินย่า ,พร้อมกับปฏิเสธที่จะอนุญาตให้หน่วยงานด้านมนุษยธรรมเข้าถึงทางตอนเหนือของรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่ของพวกเขาอาศัยอยู่ ในเดือนตุลาคม , ชาวโรฮิงยาและชุมชนมุสลิมอื่น ๆถูกโจมตีอีกครั้ง เป็นผลในการทำลายนับพันของบ้านแบบนับหมื่นคน และไม่ทราบจำนวนผู้เสียชีวิต ในเมืองหลวงรัฐซิตตเวนับหมื่นของผู้พลัดถิ่นชาวโรฮิงยาที่ตอนนี้อาศัยอยู่ในแยกค่ายนอกเมือง และเลวทราม , ตัดออกจากชีวิตของพวกเขา ความขัดแย้งระหว่างประเทศได้นำความสนใจไปยาวมากสมควรละเลยสถานการณ์พม่าชาวโรฮิงญาความจริงที่ว่ามันเป็นสถานที่ถ่ายในระหว่างรอบระยะเวลาของการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในการปกครองของประเทศนำเสนอโลกมีโอกาสที่จะจบเรื่องการกีดกันชาวโรฮิงยาและเรียกคืนความเป็นพลเมืองของตน