Pollution interacts naturally with

Pollution interacts naturally with biological systems. It is currently uncontrolled, seeping into any biological entity within the range of exposure. The most problematic contaminants include heavy metals, pesticides and other organic compounds which can be toxic to wildlife and humans in small concentration. There are existing methods for remediation, but they are expensive or ineffective.[2] However, an extensive body of research has found that a wide variety of commonly discarded waste including eggshells, bones, peat,[3] fungi, seaweed, yeast and carrot peels [4] can efficiently remove toxic heavy metal ions from contaminated water. Ions from metals like mercury can react in the environment to form harmful compounds like methylmercury, a compound known to be toxic in humans. In addition, adsorbing biomass, or biosorbents, can also remove other harmful metals like: arsenic, lead, cadmium, cobalt, chromium and uranium.[5][6] Biosorption may be used as an environmentally friendly filtering technique. There is no doubt that the world could benefit from more rigorous filtering of harmful pollutants created by industrial processes and all-around human activities.

The idea of using biomass as a tool in environmental cleanup has been around since the early 1900s when Arden and Lockett discovered certain types of living bacteria cultures were capable of recovering nitrogen and phosphorus from raw sewage when it was mixed in an aeration tank.[7][8] This discovery became known as the activated sludge process which is structured around the concept of bioaccumulation and is still widely used in wastewater treatment plants today. It wasn't until the late 1970s when scientists noticed the sequestering characteristic in dead biomass which resulted in a shift in research from bioaccumulation to biosorption.[5]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มลพิษมีการโต้ตอบอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยระบบชีวภาพ ปัจจุบันไม่มีการควบคุม ดีหน่วยทางชีวภาพภายในช่วงของแสงได้ สารปนเปื้อนปัญหามากที่สุดรวมถึงโลหะหนัก ยาฆ่าแมลง และสารอินทรีย์อื่น ๆ ซึ่งจะเป็นพิษสัตว์ป่าและมนุษย์ในความเข้มข้นขนาดเล็ก มีวิธีอยู่สำหรับด้าน แต่พวกเขามีราคาแพง หรือไม่ [2] อย่างไรก็ตาม มีเนื้อหาที่ครอบคลุมของการวิจัยได้พบว่า หลากหลายมักทิ้งขยะรวมถึง eggshells กระดูก ถ่านหิน, [3] รา สาหร่าย ยีสต์ และแครอทเปลือก [4] สามารถเอาไอออนโลหะหนักที่เป็นพิษจากน้ำที่ปนเปื้อนอย่างมีประสิทธิภาพ ไอออนจากโลหะเช่นปรอทสามารถตอบสนองในสภาพแวดล้อมในรูปแบบสารที่เป็นอันตรายเช่น methylmercury สารประกอบที่เป็นพิษในมนุษย์ที่รู้จักกัน นอกจากนี้ adsorbing ชีวมวล หรือ biosorbents ยังสามารถนำโลหะที่เป็นอันตรายอื่น ๆ เช่น: สารหนู ตะกั่ว แคดเมียม โคบอลต์ โครเมียม และยูเรเนียมได้ [5] [6] Biosorption อาจถูกใช้เป็นเทคนิคการกรองสิ่งแวดล้อม มีข้อสงสัยว่าโลกจะได้ประโยชน์จากการกรองของมลที่สร้างขึ้น โดยกระบวนการทางอุตสาหกรรมและกิจกรรมของมนุษย์ทุกรอบมากความคิดของการใช้ชีวมวลเป็นเครื่องมือในการล้างข้อมูลสิ่งแวดล้อมได้รับรอบตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1900 เมื่อ Arden และ Lockett พบบางชนิดของแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ วัฒนธรรมมีความสามารถในการกู้คืนไนโตรเจนและฟอสฟอรัสจากน้ำเสียดิบเมื่อมันถูกผสมในถังการเติมอากาศ [7] [8 ค้นหา]กลายเป็นกระบวนการเปิดใช้งานซึ่งมีโครงสร้างในแนวคิดของชีวภาพ และยังคงใช้กันมากในโรงบำบัดน้ำเสียวันนี้ มันไม่ได้จนกระทั่งปลายทศวรรษ 1970 เมื่อนักวิทยาศาสตร์สังเกตเห็นลักษณะ sequestering ในชีวมวลตายซึ่งผลในการเปลี่ยนในการวิจัยจากชีวภาพไป biosorption [5]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มลพิษปฏิสัมพันธ์ธรรมชาติด้วยระบบชีวภาพ ขณะนี้เป็นเวลาที่ไม่สามารถควบคุมไหลเข้ามาในนิติบุคคลทางชีวภาพใด ๆ ในช่วงของการสัมผัส สารปนเปื้อนที่มีปัญหามากที่สุดรวมถึงโลหะหนักยาฆ่าแมลงและสารอินทรีย์อื่น ๆ ที่สามารถเป็นพิษต่อสัตว์ป่าและมนุษย์ในความเข้มข้นขนาดเล็ก มีวิธีการที่มีอยู่ในการฟื้นฟูมี แต่พวกเขามีราคาแพงหรือไม่ได้ผล. [2] แต่ร่างกายที่กว้างขวางของการวิจัยได้พบว่าความหลากหลายของเสียทิ้งกันทั่วไปรวมทั้งเปลือกกระดูกพรุ [3] เชื้อรา, สาหร่าย, ยีสต์และ เปลือกแครอท [4] ได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถลบพิษไอออนของโลหะหนักจากน้ำที่ปนเปื้อน ไอออนจากโลหะเช่นปรอทสามารถตอบสนองในสภาพแวดล้อมที่จะสร้างสารที่เป็นอันตรายเช่นเมทิลสารประกอบที่รู้จักกันเป็นพิษในมนุษย์ นอกจากนี้ในการดูดซับชีวมวลหรือ biosorbents นอกจากนี้ยังสามารถกำจัดโลหะที่เป็นอันตรายอื่น ๆ เช่น:. สารหนูตะกั่วแคดเมียมโคบอลต์โครเมียมและยูเรเนียม [5] [6] การดูดซับอาจจะใช้เป็นเทคนิคการกรองเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีข้อสงสัยว่าโลกจะได้ประโยชน์จากการกรองที่เข้มงวดมากขึ้นของสารมลพิษที่เป็นอันตรายที่สร้างขึ้นโดยกระบวนการทางอุตสาหกรรมและทุกรอบกิจกรรมของมนุษย์ no. คิดของการใช้ชีวมวลเป็นเครื่องมือในการทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมให้ได้รับรอบตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1900 เมื่ออาร์เดนและล็อกเก็ตค้นพบ บางประเภทของที่อยู่อาศัยวัฒนธรรมแบคทีเรียที่มีความสามารถในการกู้คืนไนโตรเจนและฟอสฟอรัสจากน้ำเสียดิบเมื่อมันถูกนำมาผสมในถังเติมอากาศ. [7] [8] การค้นพบนี้เป็นที่รู้จักกันเป็นกระบวนการตะกอนเปิดใช้งานซึ่งเป็นโครงสร้างรอบแนวคิดของการสะสมทางชีวภาพและเป็น ยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายในโรงบำบัดน้ำเสียในวันนี้ มันไม่ได้จนกว่าปลายปี 1970 เมื่อนักวิทยาศาสตร์สังเกตเห็นลักษณะ sequestering ในชีวมวลที่ตายแล้วซึ่งมีผลในการเปลี่ยนแปลงในการวิจัยจากการสะสมทางชีวภาพที่จะดูดซับได้. [5]